อีกหนึ่ง Notebook เรือธงของ Dell ที่ต้องรีวิวกันทุกปีนั้นก็คือ Dell Latitude ซีรีส์ 7000 ซึ่งสำหรับในปี 2024 นี้ ทาง Dell ได้เปิดตัวมาในแนวคิด AI PC ด้วยการนำ Intel Core Ultra มาใช้เป็นหน่วยประมวลผลหลัก ทำให้มี NPU สำหรับการประมวลผลเฉพาะทางสำหรับ AI และนำมาใช้กับ Dell Latitude 7350 Ultralight ซึ่งเป็น Notebook รุ่นพรีเมี่ยมสุดในซีรีส์นี้ของปีนี้แล้ว
จุดเด่นที่ทำให้ Dell Latitude 7350 Ultralight มีความโดดเด่นนั้น ก็คือการที่มีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 0.99 กิโลกรัม เหมาะสำหรับคนทำงานที่ต้องการถนอมสุขภาพของตนเอง ไม่ต้องแบก Notebook หนักๆ ให้ปวดหลังปวดไหล่ไปทำงาน ในขณะที่ Hardware ส่วนที่เหลือก็จัดเต็มมาให้ ใช้งานกันได้ยาวๆ 3-5 ปี ทั้งในแง่ของการทำงานและความบันเทิงส่วนตัว
ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ลองใช้งาน Dell Latitude 7350 Ultralight จึงขอนำสรุปประเด็นน่าสนใจ ข้อดีข้อเสียของ Notebook รุ่นนี้เอาไว้ในบทความนี้ครับ
Dell Latitude 7350 Ultralight: สุดยอด Notebook ทำงาน น้ำหนักเบา แฝงพลัง AI ประจำปี 2024 บอกลาอาการปวดหลังปวดไหล่จากการพกคอมไปทำงาน
Dell Latitude 7350 Ultralight เป็น Notebook รุ่นเรือธงที่ Dell ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาที่สุดด้วยการใช้บอดี้ของเครื่องเป็น Ultralight Magnesium ทำให้เครื่องมีน้ำหนักเพียงแค่ 0.99 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าค่อนข้างเบาทีเดียวเมื่อเทียบกับรุ่นปกติที่มีน้ำหนัก 1.15 กิโลกรัม
เช่นเดียวกันกับซีรีส์ Latitude เครื่องอื่นๆ Dell Latitude 7350 Ultralight นี้เป็น Notebook ที่ออกแบบมาสำหรับการทำงานแบบ Hybrid Work ที่จะต้องมีความโดดเด่นทั้งในแง่ของการใช้ทำงาน และการใช้เพื่อความบันเทิงควบคู่กัน รวมถึงยังต้องใช้งานได้ยาวนาน 3-5 ปีเพื่อความคุ้มค่า รองรับต่อนวัตกรรมใหม่ๆ ในอนาคตได้
ด้วยเหตุนี้ Dell จึงเลือกออกแบบ Dell Latitude 7350 Ultralight บนฐานแนวคิดของ AI PC ในตัว ด้วยการเลือกใช้หน่วยประมวลผล Intel® Core™ Ultra ที่มีทั้ง CPU, GPU และ NPU ในตัว สำหรับรองรับการประมวลผลหลากหลายรูปแบบรวมถึง AI ในปัจจุบันและอนาคตด้วย
ในแง่ของเสป็ค Dell Latitude 7350 Ultralight มีตัวเลือกในการสั่งซื้อดังนี้
OS
- Windows 11 Pro [2023H2]
- Windows 11 Pro [2022H2]
- Ubuntu® Linux® 22.04 LTS
CPU
- Intel® Core™ Ultra 5 125U (24 MB cache, 12 cores (2 P-cores & 8 E-cores, and 2 Low‐Power E‐Cores), 14 threads, 15W)
- Intel® Core™ Ultra 5 135U (24 MB cache, 12 cores (2 P-cores & 8 E-cores, and 2 Low‐Power E‐Cores), 14 threads, 15W)
- Intel® Core™ Ultra 7 155U (24 MB cache, 12 cores (2 P-cores & 8 E-cores, and 2 Low‐Power E‐Cores), 14 threads, 15W)
- Intel® Core™ Ultra 7 165U (24 MB cache, 12 cores (2 P-cores & 8 E-cores, and 2 Low‐Power E‐Cores), 14 threads, 15W)
GPU
- Intel® Xe LPG Graphics
NPU
- Intel® AI Boost
RAM
- 16 GB: LPDDR5x, 6400 MT/s, dual-channel (onboard)
- 32 GB: LPDDR5x, 6400 MT/s, dual-channel (onboard)
- 64 GB: LPDDR5x, 6400 MT/s, dual-channel (onboard)
Storage
- 512 GB, M.2 2230, Gen 4 PCIe NVMe, SSD, Self Encrypting Opal 2.0, Class 35
- 512 GB, M.2 2230, Gen 4 PCIe NVMe, SSD, Class 35
- 256 GB, M.2 2230, Gen 4 PCIe NVMe, SSD, Class 35
- 1 TB, M.2 2230, Gen 4 PCIe NVMe, SSD, Class 35
- 2 TB, M.2 2230, Gen 4 PCIe NVMe, SSD, Class 25
Display
- 13.3″, FHD+ IPS 1920×1200, 60Hz, Non‐Touch, Anti‐Glare, 250 nit, 45% NTSC
- 13.3″, FHD+ IPS 1920×1200, 60Hz, Non‐Touch, Anti‐Glare, 400 nit, 100% sRGB, Super Low Power (SLP), Low Blue Light
- 13.3″, FHD+ IPS 1920×1200, 60Hz, Touch, Anti‐Glare, 300 nit, 72% sRGB
Audio and Speakers
- Stereo woofer with tweeter Realtek ALC3281, 2W x 4 = 8W total
Camera
- 1080p at 30 fps FHD RGB HDR camera with built‐in camera shutter, Temporal Noise Reduction for high image quality
- 1080p at 30 fps FHD RGB‐IR HDR camera with built‐in camera shutter, Ambient light sensor, Intelligent Privacy, Temporal Noise Reduction for high image quality, ExpressSign‐in™
- 1920p at 30 fps 5M RGB‐IR camera with built‐in camera shutter, Ambient light sensor, Intelligent Privacy, Temporal Noise Reduction for high image quality, ExpressSign‐in™
Network
- Intel® Wi-Fi 7 BE200, 2×2, 802.11be, MU-MIMO, Bluetooth® 5.4 wireless card
- (Optional) External uSIM card tray (WWAN configurations only)
Ports
- 2 Thunderbolt™4.0 with Power Delivery & DisplayPort (USB Type-C)
- 1 USB 3.2 Gen 1 with Power Share
- 1 Universal audio jack
- 1 HDMI 2.1 port
จะเห็นได้ว่าสเป็คที่สามารถเลือกใช้งานได้นั้น ครอบคลุมต่อการทำงานในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือพนักงานใช้ในการทำธุรกิจทั่วไป, ฝ่าย IT ใช้สำหรับการดูแลรักษาให้บริการด้านเทคนิค ไปจนถึง Software Developer ใช้เป็นเครื่องหลักในการพัฒนา Software
อีกสิ่งหนึ่งที่ Dell ให้มาใน Latitude รุ่นนี้ก็คือจอและลำโพงที่ดี โดยจอสามารถเลือกเป็นจอ Low Blue Light เพื่อถนอมสายตาก็ได้ หรือจะเลือกเป็นจอ Touch Screen เพื่อความสะดวกในการใช้งานอีกระดับหนึ่งก็ได้ ในขณะที่ลำโพงก็ให้มาด้วยกันถึง 4 ชุด เสียงกระหึ่มรายละเอียดครบ ถือว่าเป็นจุดที่ทำมาได้ดีทีเดียว
ในแง่ของการประชุมงาน นอกจากกล้องที่มีความสามารถ HDR และ Noise Reduction แล้ว ก็ยังสามารถเลือกความละเอียดได้ทั้ง 1080p และ 1920p เพื่อให้ภาพจากกล้องที่ใช้ในการประชุมมีความสวยงามได้ตามต้องการ โดยสามารถเลือกกล้องที่ทำการ Login ด้วยใบหน้าผ่าน ExpressSign‐in™ ได้ พร้อมความสามารถที่หลากหลายเช่น Sensor จับความสว่างของสภาพแวดล้อม และการตรวจจับคนที่แอบมองจอด้วย
ความพิเศษอีกส่วนที่มีเฉพาะใน Dell Latitude 7350 Ultralight ก็คือ Collaboration Touchpad ที่จะมีปุ่ม Soft Key เสริมขึ้นมาบน Touchpad เวลาเปิดใช้แอปประชุมออนไลน์อย่าง Microsoft Teams หรือ Zoom ที่จะทำให้เราสามารถทำการแชร์หน้าจอ, เปิดปิดไมโครโฟน, เปิดปิดกล้อง หรือเปิดกล่องแชทขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องคลิกในแอปเองอีกต่อไป
สำหรับความสามารถด้าน AI ภายใน Dell Latitude 7350 Ultralight จะมาพร้อมกับความสามารถ Windows Studio Effects ที่สามารถใช้ NPU ประมวลผล AI สำหรับการเบลอฉากหลังหรือแพนกล้องตามตำแหน่งของเราได้ และยังมี Dell Optimizer ที่สามารถใช้ AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องเราได้อีกด้วย ซึ่งในอนาคต NPU ก็จะเพิ่มความสามารถในการประมวลผลสำหรับ Endpoint Security และการแต่งภาพหรือวิดีโอด้วย AI โดยไม่ต้องกินพลังประมวลผลของ CPU หรือ GPU เข้ามา
เช่นเดียวกับ Dell Latitude รุ่นอื่นๆ ที่เปิดตัวมาในปีนี้ Dell Latitude 7350 Ultralight ถูกผลิตด้วยวัสดุที่ผ่านการ Recycle มาหลายส่วน เช่น การใช้ Magnesium ที่ผ่านการ Recycle มากถึง 90% และหีบห่อบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดก็ผ่านการ Recycle มาทั้งหมด 100% โดยทาง Dell สามารถออกรายงาน ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนฟุตพริ้นท์) ให้กับองค์กรที่สั่งซื้อ เพื่อนำไปจัดทำรายงานด้านความยั่งยืน ตอบสนองต่อกลยุทธ์ด้าน Sustainability ขององค์กรได้อีกด้วย
ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.dell.com/en-th/shop/laptops-2-in-1-pcs/latitude-7350-laptop-or-2-in-1/spd/latitude-13-7350-2-in-1-laptop โดยจะมีทั้งข้อมูลของ Dell Latitude 7350 Ultralight, Dell Latitude 7350 2-in-1 และ Dell Latitude 7350 รุ่นธรรมดา
รีวิวประสบการณ์การลองใช้งานจริง
โดยรวมแล้ว Dell Latitude 7350 Ultralight เป็นเครื่องที่ออกแบบมาได้สมศักดิ์ศรี Dell มากๆ ในปีนี้ ด้วย Hardware ที่เรียบหรูยิ่งกว่าเดิม ใช้งานได้อย่างมีความสุขทั้งในการทำงานและการใช้งานทั่วไป มีน้ำหนักเบาพกพาง่ายจนไม่ต้องพก Tablet อีกเลยก็ได้ ในขณะที่สเป็คของเครื่องเองก็มีประสิทธิภาพที่สูงเพียงพอต่อการรองรับอนาคต ใช้งานได้ยาวๆ 3-5 ปี
ประเด็นที่น่าสนใจจากการทดลองใช้งาน มีดังนี้
1. สัมผัสภายนอกหรูหรา น้ำหนักเบาเพียง 0.99 กิโลกรัม ไม่ปวดหลังปวดไหล่ แถมยังรักษ์โลกในตัว
ด้วยการเลือกใช้ Magnesium ที่ผ่านการ Recycle มาถึง 90% ตัวเครื่องก็ยังมีความหรูหราแตกต่างจาก Notebook ทั่วไป ผิวสัมผัสมีความลื่นและฝืดที่กำลังดี มีน้ำหนักเบา สัมผัสหรือพกพาก็มีความสุขได้ทั้งนั้น
ดังนั้นหากพิจารณาจากภายนอก Dell Latitude 7350 Ultralight ถือเป็นอีกเครื่องที่เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นอย่างมาก เพราะน้ำหนักที่ต่ำกว่า 1 กิโลกรัมนี้ ถือเป็นน้ำหนักที่เบามากสำหรับผู้ชาย และเบาเพียงพอสำหรับการพกพาสำหรับผู้หญิง ไม่ต้องกังวลเรื่องการปวดหลังปวดไหล่จากการพกพา Notebook ไปทำงานอีกในระยะยาว
2. สเป็คแรง รองรับงานออฟฟิศและงาน IT ได้สบายๆ พร้อม NPU ในตัว
การเลือกใช้ Intel® Core™ Ultra 5 และ 7 เป็นหน่วยประมวลผลหลัก ช่วยให้ Dell Latitude 7350 Ultralight มีประสิทธิภาพที่สูงเพียงพอในการทำงาน โดยหน่วยประมวลผล 12 Core ที่แบ่งหน้าที่การประมวลผลให้สามารถประหยัดพลังงาน ก็ช่วยให้การใช้งานมีความต่อเนื่องลื่นไหลได้เป็นเวลานาน
RAM ที่สามารถเลือกให้มีขนาดได้ถึง 64GB ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่จำเป็นต่อการใช้งานของฝ่าย IT ที่ต้องมีการใช้ทรัพยากรบนเครื่องที่สูงในระยะยาว ในขณะที่ Storage เองก็รองรับ SSD ขนาดใหญ่ที่สุดถึง 2TB เก็บข้อมูลกันได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่เต็มอีกต่อไป และยังรองรับการลง Ubuntu Linux ได้เผื่อกรณีที่ใช้งานยาวนาน 5-7 ปีแล้วอยากเปลี่ยนระบบปฏิบัติการในภายหลัง
ส่วน NPU ที่ให้มา ก็เริ่มรองรับ Workload บางส่วนในการใช้งานได้แล้ว ก็ช่วยเสริมประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีขึ้น สามารถเปิดใช้ฟีเจอร์ต่างๆ ที่เป็น AI ได้โดยไม่ทำให้เครื่องกระตุก ไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานตามปกติแต่อย่างใด
การใช้งานจริงถือว่าสเป็คทำออกมาได้ดี ใช้งานไม่เจอปัญหาเรื่องคอมกระตุกหรือช้าเลย เปิด Browser หลายๆ แท็บทำงานได้ราบรื่น เปิดหลายแอปทำงานได้สบายๆ
3. จอดี ลำโพงดี ไมโครโฟนดี กล้องดี ทำงานก็ได้ ใช้บันเทิงก็ครบเครื่อง เลือกรุ่นเป็นจอสัมผัสก็ได้
การที่ Dell เลือกใช้จอ, ลำโพง, ไมโครโฟน และกล้องที่ดี พร้อมมีความสามารถ AI เข้ามาช่วย ก็ทำให้ประสบการณ์การประชุมงานนั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่นด้วยภาพที่สวยงามและเสียงที่คมชัด ในขณะที่การใช้เพื่อความบันเทิงส่วนตัวเช่นการดูภาพยนตร์หรือซีรีส์เองก็ทำได้ดีมากๆ จากภาพที่คมชัดและเสียงที่กระหึ่มเช่นกัน
ส่วนจอสัมผัสเองก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีได้ไม่น้อย เพราะช่วยเปลี่ยนอิริยาบถในการทำงาน การเข้าถึงข้อมูลต่างๆ หรือการประชุมงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี ก็เป็นอีกหนึ่งความหวือหวาที่ถือว่าสนุกไม่น้อย
ตัวจอนั้นก็สามารถปรับความสว่างให้สู้แสงภายนอกอาคารได้สบายๆ หรือจะปรับให้มืดเพื่อถนอมสายตาในการทำงานทั่วไปก็ได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น
4. Keyboard สัมผัสดี มี Collaboration Touchpad ประชุมสะดวกขึ้น
Keyboard ยังคงถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญของ Dell Latitude 7350 Ultralight เช่นเคย ด้วยสัมผัสที่ดีไม่แพ้ Mechanical Keyboard พิมพ์งานได้เสียงเงียบๆ แต่มีการตอบสนองที่สนุกมือ และ Collaboration Touchpad ที่ตอบสนองได้ทันใจ พร้อมฟังก์ชั่นช่วยในการประชุมง่ายๆ ก็เป็นอีกความสามารถใหม่ที่น่าจะได้ใช้งานจริงบ่อยๆ กว่า Soft Key ของค่ายอื่นๆ
ส่วนปุ่ม Copilot ที่มาแทน Ctrl ด้านขวา ก็เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่ช่วยให้การใช้ AI สะดวกสบายมากขึ้น สามารถเปิด Copilot ขึ้นมาพิมพ์คำถามหรือป้อนคำสั่งต่างๆ ได้จากทุกหน้าจออย่างง่ายดาย ทำให้การใช้ AI ในการทำงานเกิดขึ้นได้อย่างไร้รอยต่อในทุกๆ จังหวะ เรียกได้ว่าตอนลองใช้งานก็ใช้ Copilot แทนการเสิร์ชหาข้อมูลที่ต้องมีการสรุปใจความสั้นๆ อยู่แทบทุกวัน
5. มี AI ให้ใช้งานก่อนใคร ทั้ง Copilot, Windows Studio Effects และ Dell Optimizer
การนำ AI มาสู่ผู้ใช้งานอย่างง่ายๆ ของ Dell Latitude 7350 Ultralight ถือเป็นอีกสิ่งที่จะช่วยสร้าง AI Culture ในองค์กรได้ดี โดยมีทั้ง Copilot สำหรับถามตอบคำถามต่างๆ กับ ChatGPT, Windows Studio Effects สำหรับเบลอฉากหลังกล้องและแพนกล้องตามตำแหน่งของผู้ใช้งานโดยอัตโนมัติและไม่เปลือง CPU หรือการใช้ Dell Optimizer ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องด้วย AI และจัดการเรื่องเสียงด้วย AI ก็จะช่วยสร้างความคุ้นชินในการใช้ AI เบื้องต้นให้กับผู้บริหารหรือพนักงานได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ Dell เองก็ยังมี Roadmap ที่ชัดเจนสำหรับ AI Workload ที่จะนำมาใช้งานได้หลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ NPU ประมวลผลให้กับ Endpoint Security เพื่อตรวจสอบความมั่นคงปลอดภัยของเครื่องอย่างต่อเนื่องโดยไม่กระทบกับ CPU หรือการใช้ NPU เร่งความเร็วในการประมวลผลด้าน AI ในแอปต่างๆ ซึ่งจะเปิดตัวเพิ่มเติมออกมาในอนาคต ก็ทำให้การเลือกใช้ Dell Latitude 7350 Ultralight ในตอนนี้เป็นการลงทุนที่รองรับต่ออนาคตในระยะยาวได้ดี
6. มีออปชั่นเสริม ต่อ 4G/5G เพิ่มเติมได้
สำหรับผู้ที่ต้องการทำงานจากทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องการพกพา Tablet การเลือกใช้ Dell Latitude 7350 Ultralight จะช่วยตอบโจทย์ได้อย่างสมบูรณ์จาก Option เสริมในการใช้ 4G/5G ได้ ช่วยให้การเชื่อมต่อ Internet เกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งความเร็วของเครือข่าย 5G ในทุกวันนี้ ก็รองรับการใช้งานได้เพียงพอต่อ Application และ AI ต่างๆ บน Windows 11 แล้ว ซึ่งเมื่อนำปัจจัยนี้มารวมกับความเบาของเครื่อง ก็เรียกได้ว่า Dell Latitude 7350 Ultralight สามารถกลายเป็นอุปกรณ์ทำงานสำหรับ Hybrid Workplace ได้อย่างครบเครื่องเลยทีเดียว
Dell Latitude 7350 Ultralight เหมาะกับใคร?
Dell Latitude 7350 Ultralight นี้เหมาะกับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่
- ผู้บริหารและพนักงาน ที่ต้องมีการเดินทางและพกพา Notebook ไปใช้งานบ่อยๆ ด้วยน้ำหนักที่เบา สเป็คที่แรง และแบตเตอรี่ที่ทนทาน ก็สามารถตอบโจทย์การทำงานทั่วๆ ไปได้อย่างครบถ้วน
- ฝ่าย IT ที่ต้องการเครื่อง Notebook ซึ่งมีสเป็คแรงพอสำหรับใช้ติดตั้งเครื่องมือต่างๆ ในการทำงาน และการทำ Virtualization หรือรัน Container ในเครื่อง โดยมีการพกพาไปทำงานที่บ้านหรือนอกสถานที่
- ทีม Software Developer ที่ทำงานบน Environment ของ Windows เป็นหลัก สามารถใช้สเป็คเครื่องที่มีความแรงทั้ง CPU, RAM และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบน SSD ขนาดใหญ่ เพื่อทำงานได้ต่อเนื่องยาวนานหลายปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง
- ผู้ที่ทำงานด้าน Event และการถ่ายภาพ สามารถพกพา Dell Latitude 7350 Ultralight เป็นเครื่องหลักในการทำงานประจำวันได้ในน้ำหนักที่เบา สเป็คที่แรง และความเสถียรที่สูง มั่นใจได้ในทุกการทำงานสำคัญ
สรุปข้อดีข้อเสีย
ข้อดี
- น้ำหนักเบากว่า 1 กิโลกรัม ในตัวเครื่องที่ยังสัมผัสแล้วดูแพง เหมาะกับผู้ที่มีอายุเกินกว่า 30 ปีและต้องการถนอมสุขภาพของตนเองในการพกพา Notebook
- ใช้วัสดุ Recycle ในการทำ แต่เครื่องยังออกมาหรูหราดูดีมากๆ อยู่
- Hardware ที่จัดเต็มทั้งประสิทธิภาพและประสบการณ์ในการใช้งาน สามารถใช้ได้ยาวต่อเนื่องหลายปีโดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องบ่อยๆ
- Keyboard ดีมาก Collaboration Touchpad ก็มีประโยชน์ใช้งานได้จริง ปุ่ม Copilot ก็ได้ใช้บ่อยกว่าที่คิดในการใช้ทำงาน
- กล้องประชุมทำมาได้ดีมาก ทั้งด้วยความคมชัดที่สูงขึ้น, การมี HDR และ Noise Reduction ทำให้ตอนประชุมไม่ต้องเลือกสถานที่ที่มีแสงสวยไฟสวยมากเท่าเมื่อก่อน แต่ภาพยังออกมาสวยอยู่
- เลือกใช้แบบจอสัมผัสได้ ทำให้มีทางเลือกในการใช้งานมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนที่ต้องไปใช้ Tablet หรือรุ่น 2-in-1 เท่านั้นถ้าหากต้องการใช้จอสัมผัส
- Dell Optimizer ใช้ปรับแต่งเครื่องและการทำงานของ AI ได้ตามต้องการ ที่สำคัญมากคือความสามารถในการตัด Noise ตอนประชุม
- มีรายงานด้านการลด Carbon สำหรับการออกรายงานด้านความยั่งยืนขององค์กรได้
ข้อเสีย
- RAM เป็นแบบ Onboard ไม่สามารถอัปเกรดภายหลังได้ ต้องเลือกมาให้เพียงพอต่อปัจจุบันและอนาคตตั้งแต่แรก
- Collaboration Touchpad มีให้ใช้งานเฉพาะใน Dell Latitude 7350 Ultralight เท่านั้น Dell Latitude 7350 รุ่นอื่นๆ ไม่มีให้ใช้
สนใจ Dell Latitude 7350 Ultralight ติดต่อทีมงาน Dell ประเทศไทยได้ทันที
สนใจสั่งซื้อ Dell Latitude หรือ Dell Precision หรือ PC และ Notebook สำหรับการทำงานรุ่นอื่นๆ จาก Dell ติดต่อคุณวศิน โทร 0909 490 823 หรือ Email DellTech_MKTG@aspirecreation.co.th