ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำจากสิงคโปร์ ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส เผยงานวิจัยล่าสุด ระบุ Bitcoin อาจถูก Quantum Computer แคร็กได้ภายอีก 10 ปีข้างหน้านี้

ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยระบุว่า อัลกอริธึมของ Grover บน Quantum Computer อาจใช้แคร็ก Proof of Work ของ Bitcoin หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hashcash ซึ่งใช้ Elliptic Curve Digital Signature ได้ แต่จำเป็นต้องใช้เวลานานมาก จากการประมาณของนักวิจัยระบุว่า ภายในปี 2028 Quantum Computer จำเป็นต้องใช้ 4,400,000 qubits ในการประมวลผลฟังก์ชัน Hash ด้วยความเร็ว 13.8 Gigahashes ต่อวินาที ซึ่งช้ากว่าการประมวลผลของอุปกรณ์สำหรับทำ Crypto-currency Mining ที่ใช้ ASIC ที่หาได้ตามท้องตลาดทั่วไปถึงกว่า 1,000 เท่า (14 Terahashes ต่อวินาที)
อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยล่าสุด นักวิจัยพบว่า Qunatum Computer ที่รันอัลกอริธึมของ Shor ซึ่งเป็นอัลกอริธึมเชิงควอนตัมสำหรับแยกตัวประกอบในรูปของจำนวนเฉพาะ (ซึ่งเป็นพื้นฐานในการโจมตีการเข้ารหัสข้อมูล) สามารถใช้โจมตี Hashcash ได้ภายในเวลา 30 นาทีโดยใช้ชิปประมวลผลความเร็วระดับ 10 GHz (ประมาณ 500,000 qubits) ถึงแม้ว่าจะยังช้ากว่าเวลา 10 นาทีที่ Bitcoin ใช้บันทึกธุรกรรมที่เกิดขึ้นบน Blockchain แต่ก็ถือได้ว่า Bitcoin กำลังอยู่ในสถานะ “อันตราย” แล้ว
นอกจากนี้ นักวิจัยยังระบุว่า ภายในปี 2027 Quantum Computer อาจใช้เวลาน้อยกว่า 10 นาทีในการแคร็ก Hashcash ส่งผลให้โครงสร้างกลไกของ Bitcoin ไม่มั่นคงปลอดภัยอีกต่อไป แฮ็คเกอร์สามารถสร้างธุรกรรมปลอมและขโมยเงิน Bitcoin ได้ทันที แนะนำให้เจ้าของ Bitcoin เปลี่ยน Signature ที่ใช้ให้ทนต่อการโจมตีด้วย Quantum Computer หรือใช้ Post-quantum Digital Signature แทน
ผู้ที่สนใจสามารถอ่านงานวิจัยฉบับเต็มได้ที่: https://arxiv.org/pdf/1710.10377.pdf
ที่มา: https://www.theregister.co.uk/2017/11/09/quantum_computers_could_crack_bitcoin/