CDIC 2023

PayPal เผยใช้ Docker 150,000 Container ทำให้ Developer ทำงานได้ดีขึ้น 50%

PayPal ได้ออกมาเผยถึงการใช้งาน Docker ภายในบริษัทมากถึง 150,000 Container เพื่อรองรับ Application กว่า 700 ระบบ ส่งผลให้เหล่านักพัฒนาภายในบริษัทนั้นสามารถทำการ Build และ Test ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นถึง 50%

หลังจากที่ PayPal ได้ตัดสินใจหันมาใช้ Docker อย่างเต็มตัวเพื่อรองรับการพัฒนา Application สำหรับผู้ใช้งานกว่า 218 ล้านคนทั่วโลก ทาง PayPal ก็ได้ใช้เวลา 2 ปีที่ผ่านมาในการปรับโครงสร้างของระบบ Application ภายในบริษัทกว่า 700 ระบบเพื่อย้ายมาสู่การใช้งาน Docker รวมถึงใช้ Docker Enterprise Edition เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการ Container ทั้งหมด ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เหล่านักพัฒนาและนักทดสอบภายใน PayPal สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาลองใช้งานใน Stack ที่ต้องการ รวมถึงสามารถเลือกออกแบบสถาปัตยกรรมระบบในแต่ละส่วนด้วยแนวทางที่แตกต่างกันออกไปได้ อีกทั้งยังลดเวลาในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละระบบลงได้เป็นอย่างมากอีกด้วย

แรกเริ่มนั้น PayPal ได้ทำการนำ Docker มาเริ่มต้นใช้งานเพื่อปรับปรุงกระบวนการการทำงานภายในให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเสียก่อน โดยทำการ Migrate ระบบ Application เดิมที่มีอยู่ขึ้นมาใช้งานบน Container แทนโดยไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลง Code ใดๆ เลย ขั้นตอนนี้อยู่ใน Phase 1 ของแผนการของทาง PayPal ซึ่งก็ได้ส่งผลดีต่อ PayPal ด้วยกันหลักๆ 2 ประการ ได้แก่

  • ได้แยกการทำ Deployment ออกจาก Framework Stack ทำให้ทุกๆ การ Deploy ระบบของ PayPal นั้นสามารถทำได้ด้วยขั้นตอนเดียวกัน ไม่ว่าจะใช้ Technology Stack ใดในการพัฒนาก็ตาม
  • ได้ยกเครื่อง OS และ Kernel ครั้งใหญ่ โดยเมื่อ Application ไม่ได้ผูกกับ Technology Stack อีกแล้ว ทาง PayPal ก็สามารถทำการใช้ OS และ Kernel รุ่นใหม่ๆ ซึ่งมีทั้งความมั่นคงปลอดภัยและประสิทธิภาพที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนได้ ทำให้ระบบมีประสิทธิภาพสูงขึ้น 10-20% เลยทีเดียว
Credit: Docker

หลังจากนั้นก็เข้าสู่ขั้นตอนที่เหล่านักพัฒนาจะได้เริ่มทำความคุ้นเคยกับ Docker ให้มากขึ้น เริ่มนำ Docker Supply Chain เข้ามาใช้งาน จนประสิทธิภาพในการพัฒนาระบบ, การสร้างระบบ, การติดตั้ง และการทดสอระบบนั้นสูงขึ้นถึง 50% จากการใช้ Docker for Desktop เข้ามาช่วย ทำให้นักพัฒนาและ QA ได้ทำงานบน Environment ที่เทียบเคียงกับระบบ Production ในขณะที่เหล่าผู้ดูแลระบบนั้นก็สามารถทำการอัปเดตระบบปฏิบัติการทั้งหมดได้โดยง่าย ด้วยการเปลี่ยนแปลงข้อมูลใน Docekerfile สำหรับ Container Image เท่านั้น

เมื่อเวลาผ่านไปสองปี PayPal ก็สามารถย้าย 700 Application ขึ้นมายัง 150,000 Container ได้สำเร็จ และขั้นถัดไปนั้นทาง PayPal ก็ได้เริ่มพัฒนาระบบ Container-as-a-Service (CaaS) ขึ้นมาใช้ภายใน Cloud ของตนเอง แล้วทำการย้าย Container ที่ใช้งานอยู่เดิมขึ้นมาอยู่บนระบบนี้ ทำให้สามารถลดทรัพยากรที่ใช้งานลงได้, เพิ่ม Security ในระบบให้สูงขึ้น และเพิ่ม Availability ให้ระบบมีความทนทานสูงขึ้น รวมถึงยังทำให้ขั้นตอนการปรับปรุงประสิทธิภาพและติดตามการทำงานของระบบต่างๆ ถูกยุบรวมให้กลายเป็นกระบวนการเดียวๆ กัน ง่ายต่อการทำงานในระยะยาว โดยสรุปแล้วมีประโยชน์ที่ได้รับหลักๆ ดังนี้

  • ลดจำนวน vCPU ที่ QA ใช้ลง 50%
  • ลดจำนวน vCPU ที่ Developer ใช้ลง 25%
  • ทำการ Revoke Access บนระบบ Production ได้ง่ายขึ้น
  • ทำ Automate Patching ได้
  • เพิ่มจำนวน Container ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องใช้ VM ที่เพิ่มขยายได้ช้าอีกต่อไป
  • ระบบมีความทนทานสูงมาก และทุกๆ Application สามารถนำไปขึ้นระบบใช้งานที่ไหนก็ได้
  • สามารถ Deploy ทั้งระบบลงไปยัง Availability Zone ใดๆ ก็ได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
  • ใช้เครื่องมือเดียวดูแลได้ทุกระบบ
  • สร้างคู่มือการทำงานสำหรับพนักงานทั้งหมดได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะใช้ Technology Stack ใดๆ ก็ตาม
Credit: Docker

 

สำหรับรายละเอียดฉบับเต็ม สามารถศึกษาได้ที่ https://www.docker.com/customers/paypal-uses-docker-containerize-existing-apps-save-money-and-boost-security ครับ

 

ที่มา: https://blog.docker.com/2017/12/containers-at-paypal/


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Pure Storage ผ่านการรับรอง NIVIDA DGX BasePOD มุ่งขยายตลาด AI ภาคธุรกิจด้วย 3 โซลูชัน

NVIDIA ได้ประกาศการรับรอง NVIDIA DGX BasePOD Certification ให้กับ Pure Storage แล้ว ส่งผลให้ Pure Storage กลายเป็น Enterprise Data Storage Vendor รายแรกๆ ของโลกที่ผ่านการรับรองนี้ และสามารถนำเสนอโซลูชันด้าน AI สำหรับภาคธุรกิจได้อย่างมั่นใจ

ยอดขายกว่า 79% ของ ChatGPT ในกลุ่มลูกค้าธุรกิจองค์กร มาจาก Microsoft Azure-OpenAI

Moneycontrol และ UnearthInsight ได้ออกมาเผยถึงการประมาณช่องทางการหารายได้ของ OpenAI ว่ามีลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กรผ่านความร่วมมือระหว่าง Microsoft Azure และ OpenAI อยู่ที่ 70-79% โดยปัจจุบันเชื่อว่า OpenAI น่าจะมีลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กรสำหรับ ChatGPT Enterprise มากแล้วราวๆ 22,000 - 25,000 องค์กรทั่วโลก