IBM Flashsystem

ก้าวสู่โลกแห่ง AI และ Cloud Native ด้วยแพลตฟอร์ม Nutanix 

องค์กรกำลังเผชิญกับความท้าทายที่แอปพลิเคชันต้องการความรวดเร็วและยืดหยุ่น นอกจากนี้ AI กำลังเสริมสมรรถนะให้ธุรกิจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งสองปัจจัยต่างต้องการโครงสร้างพื้นฐานของไอทีที่เข้มแข็งและถูกออกแบบมาเพื่ออนาคต อย่างไรก็ตามการก้าวเข้าสู่ Cloud native และ AI ก็ยังเสี่ยงต่อภัยคุกคามด้านข้อมูลอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง Nutanix จึงได้จัดงาน “Nutanix Cloud Native & AI Innovation Day 2025” เพื่ออัปเดตเทคโนโลยีที่จะช่วยให้องค์กรก้าวข้ามขีดจำกัดนั้น โดยทีมงาน TechTalkThai ขอรวบรวมสาระสำคัญ มาให้ได้ติดตามกันในบทความนี้ครับ

AI ไม่ใช่เรื่องใหม่ อันที่จริงทฤษฎีของ AI ถือกำเนิดขึ้นมาแทบจะชั่วอายุคนแล้ว แต่ในรอบนี้ AI ต่างจากการกำเนิดของอัลกอริทึมครั้งก่อน ด้วยความพร้อมด้านข้อมูลและเทคโนโลยีที่สนองการใช้งาน AI ได้จริง” — ดร.เทพชัย ทรัพย์นิธิ นายกสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT) กล่าวในช่วง keynote ของงาน

สถานการณ์ของโลกนั้น AI ได้บรรลุความฉลาดของมนุษย์ไปแล้ว 6 จาก 8 ด้าน เช่น ภาษาศาสตร์ ตรรกศาสตร์ คณิตศาสตร์ มิติสัมพันธ์ ร่างกาย ดนตรี เหลือเพียงการเข้าใจตนเองและธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งความจริงก็คือ AI ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมต่างๆของโลกแล้ว

ประเทศไทยมีการวางยุทธ์ศาสตร์เกี่ยวกับการพัฒนา AI ไว้ 5 ด้านคือ จรรยาบรรณในการใช้งาน(Ethic) การพัฒนาบุคคล การวิจัยและพัฒนา การประยุกต์ใช้งานในธุรกิจ และ โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งส่วนสุดท้ายนี้คือวัตถุประสงค์หลักของ Nutanix ที่ได้นำมาถ่ายทอดในงานวันนี้ โดยยุทธ์ศาสตร์ข้างต้นจะได้ถูกวางกรอบเริ่มต้นไว้ที่ 10 หมวดธุรกิจ ทั้งนี้จากผลสำรวจของสมาคมพบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะก้าวเข้าสู่การใช้ AI อย่างชัดเจน โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา ผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลกว่า 17% ได้นำ AI เข้ามาใช้แล้ว ที่เหลืออีกเกินครึ่งกำลังพิจารณาอย่างใกล้ชิด

ในปัจจุบันทางสมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย ก็มีความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากทั้งในและนอกประเทศ รวมถึงจัดโปรแกรมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาความเป็นเลิศด้านบุคคล ซึ่งในแง่ของผลงานเชิงประจักษ์ของประเทศไทยตอนนี้ก็มี โปรเจ็กต์ OpenThaiGPT Typhoon รวมถึงการใช้งานในภาครัฐหลายแห่ง ตลอดจนการพัฒนาความพร้อมด้านข้อมูลในอุตสาหกรรมการแพทย์ ทั้งนี้ AI ยังเป็นหัวข้อสำคัญอย่างต่อเนื่องพร้อมเผยถึงเทรนด์ใหม่ เช่น Agentic AI, วิธีการกำกับดูแล และ ความไม่ถูกต้องของข้อมูล ก็เริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง ดร.เทพชัย ทิ้งท้ายว่าสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำก็คือการฝึกคนให้สามารถใช้งาน AI เหล่านี้ได้เพราะคนยังเป็นองค์ประกอบสำคัญเสมอ

หากปราศจากซึ่ง Nutanix Enterprise AI ผู้ปฏิบัติงานในทุกภาคส่วนจะต้องทำงานมากมายกว่าที่จะขึ้นโปรเจ็กต์ AI ได้ แต่ Nutanix Enterprise AI คือแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้ทุกฝ่ายในงาน AI สามารถโฟกัสกับหน้าที่ของตัวเอง อย่างในงานของนักพัฒนา Nutanix จะเป็นส่วน CD (Continuous Delivery) พวกเขาเพียงแค่มุ่งหน้าทำงาน CI (Continuous Integration) ต่อไป และไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมใด Nutanix Enterprise AI สามารถเป็น Private AI Platform สำหรับทุกท่านได้ โดยเรายังเน้นในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยเป็นสำคัญ เพราะข้อมูลที่ปลอดภัยไม่มีอยู่จริง” — คุณสุรักษ์ ธรรมรักษ์, Manager Systems Engineer กล่าวในช่วงหนึ่งของงาน

พัฒนาการของโลก AI ระดับองค์กรกำลังมุ่งหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความท้าทายเชิงกลยุทธ์ขององค์กรเริ่มชัดเจนขึ้นแล้วใน 5 ประเด็น คือ

  • ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำ AI อย่างไร
  • กังวลเรื่องข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลลูกค้า การเงิน หรือข้อมูลลิขสิทธิ์ของตน
  • คิดไม่ตกระหว่างการยกข้อมูลให้ AI หรือการนำ AI มาสู่แหล่งข้อมูล
  • สนใจการใช้งาน Public Cloud แต่ไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เช่น ค่า Token เป็นต้น เพราะยังไม่มีประสบการณ์
  • อยากได้ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

เช่นเดียวกันหากเจาะจงที่มุมมองด้านเทคนิคใน Generative AI ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเกี่ยวกับโมเดลกำเนิดใหม่ที่ทะลุมากกว่า 1 ล้านโมเดลแล้ว ความยุ่งยากขององค์กรไม่ได้มีแค่การเลือก Large Language Model (LLM) เข้ามาใช้งาน แต่ปรับให้เข้ากับบริบทด้านข้อมูลขององค์กรด้วยเทคนิค RAG ควบคุมให้การใช้งานอยู่ในกรอบที่เหมาะสมด้วย(Governance) นอกจากนี้ล่าสุดยังมีเรื่องของ Agentic AI ที่ต้องผสานงานหลายโมเดลเข้าด้วยกัน นั่นคือความซับซ้อนที่ AI ระดับองค์กรกำลังเผชิญอยู่

ด้วยเหตุนี้เอง Nutanix จึงได้ออก Enterprise AI หรือแพลตฟอร์มอิสระที่ไม่ยึดติดกับฮาร์ดแวร์ใด เสมือนเป็นตัวควบคุมเลเยอร์ในการอิมพลีเมนต์โปรเจ็คของ AI โดยตั้งอยู่บนแนวคิดหลักคือโปรเจ็กต์ AI จะอยู่บนแพลตฟอร์ม Kubernetes เสมอ ณ ปัจจุบัน ที่ Nutanix Enterprise AI ทำงานได้กับ Kubernetes ทุกค่ายที่รองรับโดย CNCF ไม่เพียงเท่านั้นผู้ใช้งาน Nutanix Enterprise AI จะสามารถเลือกนำเข้าโมเดล AI ได้จาก Hugging Face, NVIDIA NIM และ โมเดลของตัวเอง

เมื่องานการตั้งค่าจบลงผู้ใช้งาน Nutanix Enterprise AI จะสร้าง API ที่ปลอดภัยให้แอปพลิเคชันหรือนักพัฒนานำไปใช้ต่อ ในขณะที่แอดมินองค์กรสามารถมอนิเตอร์การใช้งานทรัพยากร GPU ที่เกิดขึ้นจากโมเดล LLM ได้ รวมถึงการเข้าถึงโมเดลผ่าน API กล่าวคือแอดมินไอทีจะสามารถทำงานสอดประสานกับนักพัฒนาในงาน AI ตอบโจทย์ความรวดเร็วที่พวกเขามองหา แต่ก็สามารถกำกับดูแลการใช้งานทรัพยากรได้เหมือนเดิมภายในกฏระเบียบขององค์กร

Nutanix Kubernetes Platform(NKP) คือแพลตฟอร์มที่สามารถบริหารจัดการ Kubernetes ยอดนิยมได้ทุกค่าย เพราะในทางปฏิบัติแอปพลิเคชันขององค์กรอาจเผชิญกับ Kubernetes หลายค่าย ซึ่ง NKP ทำให้องค์กรสามารถควบคุมภาพทั้งหมดของ Kubernetes โดยแนวคิดก็คือการมองเป็น Workspace ย่อยลงไปที่แต่ละโปรเจ็กต์อาจมีรายละเอียดขององค์กรประกอบภายในที่แตกต่างกันออกไป 

นอกจากในภาพของการจัดการแล้ว NKP จะตอบสนองในระดับการ Deployment ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น Kubernetes บน Amazon EKS, Azure AKS, Google GKE, Red Hat, SUSE และ Ubuntu ไม่เพียงแค่นั้น NKP ยังมาพร้อมกับบริการเสริมแบบครบวงจร เช่น Service Mesh, Ingress Gateway, Automation, Cost Management, Policy Management, Networking และ Observability ที่มีการยกตัว Grafana ที่มี Build-in Dashboard พื้นฐานไว้บ้างแล้ว สิ่งเหล่านี้เองคืองานที่ซับซ้อนที่เกิดขึ้นจริง เช่น กรณีที่แอปของท่านต้องอาศัยสภาพแวดล้อมของ Kubernetes มากกว่า 1 ค่าย การติดตั้งบริการเสริมเหล่านี้เองคงต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย

การจัดการ Kubernetes เป็นส่วนที่ดูยุ่งยากและสร้างความลำบากใจให้กับแอดมินขององค์กร หลายครั้งที่นักพัฒนาจำนวนไม่น้อยที่ต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระงานแถมองค์กรยังไม่สามารถกำกับดูแลการใช้งานเหล่านี้ได้ด้วย กลับกันด้วยพลังของ NKP จะทำให้ทุกฝ่ายทำงานกันได้อย่างราบรื่น แอดมินไอทีสามารถตั้งค่าและควบคุมสิทธิ์การใช้ทรัพยากรของนักพัฒนาแอปพลิเคชันได้ง่ายๆผ่าน GUI ในขณะที่นักพัฒนาก็สามารถเข้าถึงทรัพยากรได้โดยไม่ต้องลงมือด้วยตนเอง แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้ระเบียบขององค์กร

อย่างไรก็ตามในทุกโครงการ AI การจัดการเรื่องข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ แม้กระทั่งแอปพลิเคชันเองก็ไม่จำนวนไม่น้อยที่ต้องเก็บสถานะของปฏิบัติการ ซึ่งการกำเนิดของ Container เริ่มแรกไม่ได้เตรียมเรื่อง Persistent Storage  แต่เป็นสิ่งที่ถูกเพิ่มความสามารถเข้ามาภายหลัง แถมยังจัดการได้ยุ่งยาก โดย Nutanix เองก็ได้มีความสามารถ Data Services for Kubernetes Platform ขึ้น ซึ่งเราขอขยายความในหัวข้อถัดไป

ภายในงานครั้งนี้ Nutanix ได้แนะนำบริการที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านข้อมูล ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 หัวข้อ ดังนี้

1.) Nutanix Data Services for Kubernetes(NDK)

credit : Nutanix

อย่างที่เราได้กล่าวถึงประเด็นของ Kubernetes ไปข้างต้น เพื่อให้ Kubernetes สามารถตอบโจทย์ Stateful Application ได้ง่ายขึ้น NDK จึงได้เปิดตัวขึ้นเมื่อต้นปี 2024 ทั้งนี้จะทำให้ผู้ใช้สามารถมองการบริหารจัดการข้อมูลในระดับมุมมองของแอปพลิเคชัน จัดการเชื่อมต่อสตอเรจสำหรับแอปพลิเคชันได้อย่างง่ายดาย พร้อมกำหนด Policy ด้านข้อมูลได้ เช่น Backup, DR, Migration และอื่นๆ รวมถึงยังทำให้จัดการข้อมูลร่วมกับ VM ได้ไม่ต้องแยก กล่าวโดยสรุป NDK ทำให้แอดมินสามารถจัดการพื้นที่ให้แอปพลิเคชันและมอบหมายสิทธิ์ภายใต้ Policy ให้แก่นักพัฒนาไปทำงานได้ โดยแอดมินสามารถทำงานผ่าน GUI ที่เข้าใจง่าย จากเดิมที่ต้องไปหาเครื่องมือเสริมจากภายนอกเข้ามา แถมยังต้องตั้งค่าเพิ่มเติมมากมาย

2.) Nutanix Unified Storage(NUS)

credit : Nutanix

Nutanix Unified Storage(NUS) เป็นโซลูชัน Software-defined Storage ที่ลบความแตกต่างของ Storage ที่องค์กรมี โดยรวมศูนย์ Storage เข้ามาจัดการภายในระบบเดียวกันทั้ง On-premise หรือ Cloud ยอดนิยม หรือในรูปแบบของ File, Block และ Object ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ ทั้งการปรับเพิ่มขนาด ทำ Policy ยกตัวอย่างเช่นงานด้าน AI ซึ่งข้อมูลขององค์กรมักจะกระจัดกระจายกันทั้งในองค์กร คลาวด์ และไซต์ปลายทาง(Distributed) หรือความต้องการเข้าถึงข้อมูลมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว(Parallel) 

NUS ยังมาพร้อมกับความสามารถด้านการปกป้องข้อมูล เช่น Data Replication, WORM, Snapshot และอื่นๆ นอกจากนี้ในยังตอบโจทย์ด้าน Data Governance ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การทำ Tiering สำหรับชุดข้อมูลตามลำกับความสำคัญไปจนถึง Archive เป็นต้น ไม่เพียงเท่านั้น Nutanix ยังมีโซลูชัน Data Lens ที่คอยวิเคราะห์ข้อมูลในแง่มุมด้านความมั่นคงปลอดภัยช่วยป้องกันกิจกรรมอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับชุดข้อมูลขององค์กรได้

AI กำลังกลายเป็นกระแสหลักของโลก ซึ่งในบริบทของการทำงานระดับองค์กร AI หรือ Cloud native Application ต้องการโซลูชันการจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่ง่ายสำหรับแอดมิน กำกับดูแลได้ และตอบสนองความต้องการของนักพัฒนาได้อย่างยืดหยุ่น ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ธุรกิจไทยต้องให้ความสำคัญ และ Nutanix เองเล็งเห็นถึงโอกาสที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถก้าวไปกับความท้าทายใหม่ๆได้ทั้งโจทย์ของการจัดการโครงการ AI ด้วย Enterprise AI และงานพัฒนาที่ Kubernetes เริ่มมีบทบาทสำคัญด้วย NKP แต่ก็ต้องจัดการความซับซ้อนของประเด็นด้านข้อมูลที่ต้องมั่นคงปลอดภัย ซึ่ง Nutanix ได้นำเสนอโซลูชัน NDK และ NUS นี่คือทั้งหมดของงาน “Nutanix Cloud Native & AI Innovation Day 2025”

สนใจโซลูชันจาก Nutanix ติดต่อทีมงานได้ที่

Line ID : @NutanixThailand

FB : Nutanix Thailand หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nutanix.com

นูทานิคซ์ขอเชิญร่วมอัปเดตเทคโนโลยี นวัตกรรม และวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ ไปกับ Nutanix ผู้นำด้าน Cloud Platform ได้ที่งาน .Next on Tour Thailand ในวันที่ 17 มิ.ย. นี้ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://event.nutanix.com/nextontourbangkok

 

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

การปกป้องข้อมูลจาก Ransomware ที่ปลอดภัยที่สุด และไม่ต้องลงทุนสูง

องค์กรที่งบไม่หนา ก็ยังสู้ภัย Ransomware ได้แบบสบายๆ ลดความเสียหายได้แบบสบายกระเป๋า! อยากให้ทุกท่านได้อ่านบทความนี้ และพิจารณาถึงความเป็นจริง หลายองค์กรนิยมการ สำรองข้อมูลแบบ Disk-to-Disk เป็นหลัก เนื่องจากมีความเร็วและสะดวกในการใช้งาน อย่างไรก็ตามแรนซัมแวร์ได้พัฒนาความสามารถในการโจมตีโดยตรงไปยังระบบสำรองข้อมูล ออนไลน์เหล่านี้ และเข้ารหัสข้อมูลสำรอง …

การยกระดับประสิทธิภาพธุรกิจด้วย Business Automation และการเตรียมพร้อมสู่องค์กรยุค AI ด้วย IBM RPA

องค์กรธุรกิจในปัจจุบันเผชิญกับความท้าทายหลากหลายประการทั้งในแง่ของความซับซ้อน ในขั้นตอนการทำงาน การเกิดข้อผิดพลาดที่สามารถส่งผลกระทบต่อธุรกิจ รวมถึงเวลาจำนวน มากที่ถูกใช้ไปกับงานประจำซึ่งมักมีลักษณะซ้ำซ้อน โดยเฉพาะแผนกต่างๆ เช่น ฝ่ายบัญชี ฝ่ายการเงิน และฝ่ายจัดซื้อ ที่มีกระบวนการทำงานอันละเอียดอ่อนและต้องการความถูกต้องสูง