หลายปีที่ผ่านมาหลายท่านคงเคยพบปะหรือได้ยินคำว่า ‘Observability’ มากมาย แต่ก็ยังสับสนอยู่ว่าแล้วคำๆนี้ เป็นเพียงแค่คำสวยหรูหรือมีความต่างอย่างแท้จริงกับระบบ Monitoring และ Visibility ที่ทุกท่านรู้จัก
Network Monitoring เป็นเรื่องที่เราทำกันมานานมากแล้วเพียงแค่สามารถติดตามข้อมูล SNMP, NetFlow หรือข้อมูลแพ็กเก็ต เพื่อนำมาใช้ติดตามสุขภาพของอุปกรณ์ ให้สามารถตอบคำถามเบื้องต้นได้ว่าอุปกรณ์ตัวนี้ทำงานหนักไปไหม อย่างไรก็ได้ Network Monitoring เป็นปฏิบัติการที่ต้องพิจารณาโดยไอทีว่าจะติดตามเก็บข้อมูลส่วนใดของเครือข่าย ถ้าเกิดไม่เคยวางแผนไว้ก่อนก็ติดตามไม่ได้ ทำให้มีจุดบอดที่ทีมอาจจะไม่ทราบความเคลื่อนไหว (Blind Spot) นอกจากนี้องค์กรยังต้องเผชิญกับความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นจาก SaaS และ Cloud ในรูปแบบต่างๆ ความมืดบอดนี้จึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยทีมไอทีอาจได้รับข้อมูลจาก Dashboard ของตัวเองอย่างสวยงาม ในขณะที่ผู้ใช้งานกลับโวยวายว่าตนมีปัญหา
Network Visibility พูดถึงความสำเร็จของการทำ Network Monitoring ที่ไร้จุดบอดเห็นภาพได้ทั่วองค์กร และเพื่อความเข้าใจรายละเอียดอย่างแท้จริง Network Visibility ต้องการเรื่องของ Packet Capture และความสามารถด้าน Storage เพิ่มเติมจากการเก็บแค่ NetFlow และข้อมูล Log ซึ่งผลิตภัณฑ์ Monitoring อย่าง Packet Broker คือหัวใจสำคัญของการได้มาซึ่งข้อมูลเหล่านี้ Network Visibility ยังต้องสามารถได้ข้อมูลเครือข่ายจาก Public Cloud และ SaaS ด้วย เพื่อเติมเต็มภาพให้ครบทั้งหมด ทั้งนี้โซลูชัน NDR หรือทีม Security ต่างต้องการความสามารถของ Network Visibility เพื่อให้จัดการกับภัยคุกคามต่างๆ
Network Observability กล่าวถึงการที่ไอทีสามารถเข้าใจภาพรวมของเครือข่ายได้ง่าย ว่าเครือข่ายแต่ละส่งผลกระทบอย่างไรกับการให้บริการหรือคุณภาพของระบบ กล่าวคือ Observability โฟกัสไปในเรื่องภาพรวมของการเชื่อมต่อและประสบการณ์ของ End-user มากกว่าเรื่องของอุปกรณ์แต่ละตัวในเส้นทาง โดย Network Observability จะช่วยให้ไอทีสามารถจัดการปัญหาได้ในเชิงรุกหรือก่อนผลกระทบเกิดขึ้นกับผู้ใช้ ทำให้ไอทีสามารถใช้กลไกของ Visibility เจาะจงในรายละเอียดต่อไปได้ นอกจากนี้ Observability ยังอาจถูกเสริมในเรื่องของ Automate ด้วย Machine Learning และ Analytics เข้ามากรุยทางสู่ AIOps
ด้วยความที่ Observability พรีเซ็นต์ตัวเรื่องของความอัตโนมัติในการเปิดเผยปัญหาที่ Network Monitoring มีข้อจำกัด CIO หรือ CISO จึงให้ความสนใจมากกับเรื่องนี้ เพราะการเพิ่มขึ้นของคลาวด์หรือ SaaS สร้างความซับซ้อนอย่างยิ่ง โดยกล่าวได้ว่าเครือข่ายสมัยปัจจุบันที่ซับซ้อนและกระจายกัน ทำให้ทีมไอทีต้องยกระดับตัวเองให้สามารถตรวจสอบต้นตอของปัญหาได้ไวและแม่นยำไม่ว่าปัญหาจะอยู่ภายในหรือภายนอกวงขององค์กร ซึ่ง Observability ได้ช่วยทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องง่ายขึ้น
ที่มา : https://www.networkcomputing.com/networking/network-observability-different-visibility-and-monitoring