MongoDB ได้ประกาศเปิดตัว MongoDB เวอร์ชันล่าสุด 4.2 ซึ่งมีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยอย่าง ‘Field Level Encryption’ รวมถึงผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Atlas Data Lake และฟีเจอร์ Full Text Search ด้วย

อัปเดตใหม่ของ MongoDB มีดังนี้
- Atlas Data Lake – ผู้ใช้งานสามารถใช้ MongoDB Query Language (MQL) เพื่อ Query ข้อมูลของ Amazon S3 ออกมาได้โดยติดเรื่อง Format ซึ่งกล่าวได้คือ Serverless Service ที่สามารถเรียกใช้ได้ผ่านหน้า MongoDB Atlas Console ทั้งนี้ในอนาคตเตรียมขยายรองรับกับ Google Cloud Storage และ Azure Storage ด้วย (เทียบได้กับ Amazon Athena และ Azure Data Lake) นอกจากนี้ Atlas ยังมีฟีเจอร์ Auto Scaling ให้ปรับตัวยืดหยุ่นตามความต้องการใช้งานได้อย่างอัตโนมัติด้วย
- Full Text Search – ปกติแล้วผู้ใช้งานที่ต้องการ Search Engine ต้องไปหา Third-party เช่น Solr ซึ่งตอนนี้ฟีเจอร์จาก MongoDB จะมาแก้ปัญหานี้โดยมาจาก Apache Lucene 8
- MongoDB Chart – ตอบโจทย์ Virtualization ได้แบบ Real-time โดยผู้ใช้งานสามารถใช้ Manage-service บน Atlas หรือดาวน์โหลดมาลงเป็น On-premise ก็ได้
- Realm Platform – MongoDB เตรียมผนวกแพลตฟอร์ม Realm (Mobile Database ที่ซื้อกิจการมาปีที่แล้ว) เข้ากับ Serverless Platform และ MongoDB Stitch ภายใต้แบรนด์ Realm ทำให้โปรโตคอล Realm Synchronization คุยกับส่วน Backend ที่เป็น Atlas Global Cloud Database ได้ รวมถึงนักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับอุปกรณ์ที่กำลังรันแอปพลิเคชันได้ผ่าน Realm Sync ด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในปีหน้า
- MongoDB 4.2 – มีฟีเจอร์ด้านความมั่นคงปลอดภัยใหม่ที่หรือ Field Level Encryption คือทุก Fields ที่ถูกเข้ารหัสจะแสดงผลเป็น Cipher Text ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงได้ไม่ว่าฝ่ายใดหรือแม้กระทั่งผู้ดูแลหากปราศจาก client access right ทั้งนี้ส่วนการเข้ารหัสยังถูกจัดการแยกต่างหากกับ Database ด้วย นอกจากนี้เวอร์ชันใหม่จะรองรับ Distributed Transaction และการ Deploy จากหน้า Kubernetes ได้
ที่มา : https://techcrunch.com/2019/06/18/mongodb-gets-a-data-lake-new-security-features-and-more/ และ https://www.zdnet.com/article/mongodb-moves-beyond-the-database-with-new-cloud-services/