เป็นที่รู้กันว่าการประมวลผลด้าน AI ต้องการพลังงานสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์อย่างมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่ง Meta เองเป็นหนึ่งในผู้เล่นด้าน AI ยักษ์ใหญ่ที่ประสบปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้จึงต้องมองหาพลังงานทางเลือกที่ยังต้องสอดคล้องต่อเรื่องอัตราการปลดปล่อยคาร์บอน โดยล่าสุดแนวทางการใช้ความร้อนใต้พิภพเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว
Meta ได้ประกาศความร่วมมือกับบริษัท Sage Geosystem เพื่อนำพลังงานจากแหล่งความร้อนใต้พิภพมาใช้ในดาต้าเซนเตอร์ โดยคาดหวังกำลังการผลิตที่ 150 เมกะวัตต์ แนวทางนี่เคยมีอุปสรรคมาก่อนจากข้อจำกัดจากแนวคิดแบบเดิมที่ต้องการบ่อเก็บน้ำใต้ดินซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ยากและทำได้น้อยมากในโลกที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับภูเขาไฟในระดับสูง
อย่างไรก็ตามแนวคิดใหม่ของเทคโนโลยีได้ประยุกต์ใช้สิ่งที่เกิดขึ้นอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซที่เรียกเทคโนโลยีนี้ว่า ‘Fracking’ ซึ่งเป็นการอัดฉีดน้ำแรงดันสูงใส่หินร้อนที่แห้ง ทำให้เกิดการแตกหักเพื่อเติมน้ำเข้าไป จากนั้นน้ำที่ร้อนก็จะกลายเป็นไอไปขับเคลื่อนกังหันสู่พลังงาน แม้เป็นเทคโนโลยที่ใหม่แต่ทีมงาน Sage ได้ทำการทดสอบภาคสนามไปแล้วในแหล่งก๊าซที่เลิกใช้แล้วใน Texus โดยมีความเป็นไปได้ที่จะขยายผลต่อไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากก็เป็นเทคโนโลยีที่นำมาจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ
ในช่วงเริ่มต้นเฟสแรกจะมีอัตราการผลิตที่ 8 เมกกะวัตต์ที่หวังผลได้จริงอย่างน้อยปี 2027 ซึ่งกว่าจะไปสู่ระดับ 150 เมกกะวัตต์อาจจะต้องรอไปอีกหลายปี นอกจากนี้บริษัทยังไม่ได้เซ็นสัญญาเรื่องการซื้อขายพลังงานด้วย
ในแง่การแข่งขัน Meta ไม่ใช่ผู้เล่นรายเดียวที่สนใจพลังงานใต้พิภพเพราะปีก่อน Google ได้ประกาศว่าดาต้าเซนเตอร์ใน Nevada กำลังใช้พลังงานเช่นนี้อยู่จากฝีมือของบริษัทสตาร์ทอัปที่ชื่อ Fervo นอกจากนี้พลังงานสะอาดยังมีทางเลือกอื่นๆที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น พลังงานนิวเคลียร์ประเภท Small Modular Reactor ด้วย