HPE และ BizCon ชี้ จัดการ Hybrid Cloud ต้องไร้รอยต่อ เพื่อรองรับระบบไอทีแห่งอนาคต

จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับงานสัมมนาออนไลน์ “The Next Generation of IT Management for Hybrid Cloud Management – การบริหารจัดการ Hybrid Cloud อย่างไร้รอยต่อเพื่อรองรับระบบ IT ในอนาคต” จากทาง HPE ร่วมกับ BizCon Solutions ในช่วงบ่ายวันที่ 16 ต.ค.2024 ที่ผ่านมา

ภายในงานสัมมนา ทั้งสองได้มาบอกเล่าสิ่งที่ทุกองค์กรควรจะต้องพิจารณาอย่างยิ่ง คือการบริหารจัดการ Hybrid Cloud หรือการดูแลจัดการโครงสร้างพื้นฐาน Cloud ทั้งในส่วน Private และ Public ให้สามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างไร้รอยต่อ อันจะส่งผลให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น มองเห็นภาพรวมทรัพยากรที่มีในทุกแห่งได้อย่างรวมศูนย์ เพื่อจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีอะไรน่าสนใจบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้

หลังจาก Digital Transformation กลายเป็นเทรนด์สำคัญในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 ได้ทำให้โลกมีการใช้งานเทคโนโลยี Cloud อย่างก้าวกระโดด ซึ่งได้มีวิวัฒนาการให้องค์กรสามารถใช้งานทั้งที่เป็นรูปแบบ Public Cloud, Private Cloud จนกระทั่งกลายเป็น Hybrid Cloud หรือ Multi Cloud ที่เป็นการใช้ Cloud หลาย ๆ แห่งร่วมกัน

สิ่งที่เกิดขึ้น ได้ทำให้เกิดความซับซ้อนในการบริหารจัดการ Cloud ที่ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะการบริหารจัดการหลาย Cloud ผ่านหลายหน้าจอ ที่มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการทำงานได้ง่าย ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบก่อให้เกิดความเสียหายในธุรกิจรุนแรงชนิดที่ไม่คาดฝันได้เลย

“หลายคนบอกว่าหลายหน้าจอก็ไม่ได้ยาก ไม่ใช่อุปสรรค แต่ความยากของการทํา Multi Cloud Management หรือ Hybrid Cloud Management คือทํายังไงให้เราทําไม่พลาดตลอดการทํางาน” คุณ Prasarn Lerkumnueychok, Enterprise Solution Architect แห่ง HPE กล่าวในงานสัมมนา “วันนี้จะทำให้ดูว่าไม่ว่าจะเป็น Private หรือ Public Cloud มันจะมีความง่ายเท่ากันได้ เรียกว่าองค์กรของเรา จะสามารถมี Corporate Cloud ที่ไม่สนใจว่า Cloud ที่ใช้งานจะเป็นทรัพยากรของค่ายใดค่ายหนึ่ง รวมไปถึงการบริหารจัดการด้วยหน้าจอเพียงหน้าจอเดียว”

เพื่อให้การใช้งาน Hybrid Cloud หรือ Multi Cloud มีความคล่องตัว (Agility) มากขึ้น และสามารถมีธรรมาภิบาล (Governance) เพื่อเสริมเรื่องความมั่นคงปลอดภัย (Security) ได้ดีขึ้น ทาง HPE มีโซลูชันที่พร้อมสนับสนุนผ่านแนวคิดภายในผลิตภัณฑ์ที่แบ่งส่วนการทำงานดังต่อไปนี้

  • Resource Plane  ไม่ว่าจะเป็น Virtualization จากค่ายใดก็ตาม เช่น Red Hat OpenShift, VMware, Nutanix หรือ Public Cloud โซลูชัน HPE สามารถมองเห็นเป็น Resource เดียวกันทั้งหมด
  • Software Control Plane ส่วนควบคุม Resource Plane แบบรวมศูนย์ที่สามารถจัดการได้ทุกค่ายไม่ว่าจะมาจากค่ายใดก็ตาม ในการทำ Operation, Provisioning, Workflow Automation รวมไปถึงการคิดค่าใช้จ่ายที่สามารถเห็นภาพได้ดีขึ้นด้วย
  • Service Plane ส่วนบริการสำหรับฝ่ายไอที เพื่อสนับสนุน Business User องค์กรให้สามารถจัดการบริการ Resource ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เชิงลึกในแต่ละ Resource ใด ๆ 
  • Workflow Automation ส่วนสนับสนุนการส่งมอบแบบอัตโนมัติ เพื่อทำให้การสร้างสรรค์บริการสามารถเป็นลักษณะ as-a-Service ได้อย่างง่ายดาย 

Morpheus คือโซลูชันแพลตฟอร์มบริการจัดการ Hybrid Cloud ที่ทาง HPE ได้เข้าซื้อกิจการ Morpheus Data มาในช่วงสิงหาคม 2024 ที่ผ่านมา ซึ่ง Morpheus จะทำหน้าที่เป็น Cloud Management Portal ที่สนับสนุนการจัดการกับทรัพยากร Cloud ต่าง ๆ ที่องค์กรใช้งานได้ในทุกที่ทั้งบน Public Cloud และ Private Cloud หรือ On-Premises

โดยเมื่อผู้ใช้งานต้องการทรัพยากร Cloud ใด ๆ สามารถเข้าถึง Morpheus ผ่าน Web Portal เพื่อสั่งการสร้างสิ่งที่ต้องการได้ภายในจุดเดียว ซึ่ง Morpheus จะไปสื่อสารและ Orchrestrate การทำงานกับ Resource Plane ที่องค์กรมีอยู่ หรือดำเนินการ Automation ตามที่จัดเตรียมไว้บน Terraform หรือ Ansible ได้ทันที 

ที่สำคัญ Port การใช้งานจะยังคงเป็นไปตามมาตรฐานของแต่ละผู้ให้บริการ (Provider) เช่น AWS, Terraform ที่ต้องการใช้ API พอร์ต 443 ก็จะยังคงเป็นพอร์ต 443 ตามเดิม ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยสนับสนุนในเรื่อง Security ที่จะทำให้องค์กรไม่ได้มีช่องโหว่ใด ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย 

ภายในงานสัมมนาออนไลน์ คุณ Prasarn ได้ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ในการปรับใช้แพลตฟอร์มบริหารจัดการ Hybrid/Multi Cloud แบบรวมศูนย์ ผ่าน 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่

  • CloudOps สามารถบริหารจัดการ Cloud ยอดนิยมทุกเจ้าได้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น AWS, Azure, Google Cloud, Huawei Cloud, VMware หรือว่าจะเป็น On-Premises ที่ใช้งาน ฯลฯ แพลตฟอร์มจะทำให้องค์กรสามารถ Build และ Manage ทุกค่ายได้ผ่านจุดเดียว
  • SecOps ทำให้สามารถจัดการสิทธิ ควบคุมการเข้าถึงผ่าน RBAC ได้ใน Private/Public Cloud ได้ในที่เดียว สามารถสร้าง Multi-tenancy ได้อย่างยืดหยุ่น ทำให้ดำเนินการตามนโยบายต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
  • DevOps สนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ทันสมัย ทำให้มีความอัตโนมัติมากยิ่งขึ้นผ่าน Automation Workflow เช่น การทำ CI/CD การทำ Vulnerability Scan หรือการติดตั้ง NGINX 
  • FinOps ทำให้เห็นภาพรวมการใช้ทรัพยากรในทุกแห่งขององค์กรได้อย่างครบถ้วน ทำให้สามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการงาน Cloud ได้ดีขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนการออกรายงาน วิเคราะห์และแนะนำการปรับปรุงการใช้งาน Cloud ให้ประหยัดทรัพยากรได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับองค์กรที่กำลังมองหาโซลูชันในการบริหารจัดการ Hybrid/Multi Cloud ได้แบบรวมศูนย์แล้ว ทาง HPE และ BizCons Solutions มีผลิตภัณฑ์ที่พร้อมให้บริการในแต่ละส่วนอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Morpheus สำหรับจัดการ Hybrid/Multi Cloud รวมไปถึงโซลูชัน HCI สำหรับ On-Premises อย่าง HPE Alletra dHCI หรือ HPE Simplivity ที่สามารถติดตามได้ผ่านแพลตฟอร์ม HPE GreenLake ทั้งหมด สามารถติดต่อทาง HPE หรือ BizCons Solutions ได้ทันที

สุดท้ายนี้ สามารถเข้าไปรับชมงานสัมมนาออนไลน์ย้อนหลังในหัวข้อ “The Next Generation of IT Management for Hybrid Cloud Management – การบริหารจัดการ Hybrid Cloud อย่างไร้รอยต่อเพื่อรองรับระบบ IT ในอนาคต” จากทาง HPE ร่วมกับ BizCon Solutions ได้แล้ววันนี้ที่ YouTube ของ TechTalkThai

About chatchai

Tech Writer แห่ง TechTalk Thai ที่สนใจในทุกนวัตกรรมและเทคโนโลยี

Check Also

Google ทุ่มกว่าพันล้านดอลลาร์ให้ Anthropic คู่แข่ง OpenAI

มีรายงานจาก Financial Times ว่า Google ได้ลงทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ใน Anthropic โดยเพิ่มจากเดิมที่บริษัทได้สนับสนุนเงินทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ 2 พันล้านดอลลาร์ และเพิ่มจากรายงานก่อนหน้านี้ว่า Anthropic กำลังระดมทุนอีก …

VirtualBox 7.1.6 พร้อมเริ่มสนับสนุน Linux Kernel 6.13 แล้ว

Oracle ได้ปล่อย VirtualBox 7.1.6 ออกมาเป็น Release ใหม่เรียบร้อย ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่จะเริ่มต้นรองรับการสนับสนุน Linux Kernel 6.13 แล้ว ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถติดตั้ง VirtualBox บน …