การอัปเดตระบบคลาวด์แบบไฮบริดใหม่เร่งความแรงให้การปฏฺิรูประบบดิจิทัล โดยการมอบประสิทธิภาพขั้นสูงสุดให้แก่องค์กร ทั้งในด้านต้นทุน ความสามารถในการปรับขนาด ความคล่องตัว และความเร็ว
ล่าสุดในงาน INSIGHT 2021, NetApp® (NASDAQ: NTAP) บริษัทซอฟต์แวร์เพื่อการรวมศูนย์ข้อมูลบนระบบคลาวด์ระดับโลก ได้เปิดตัวบริการเพิ่มเติมพร้อมความสามารถที่ยกระดับใหม่สำหรับบริการระบบคลาวด์แบบไฮบริด เพื่อสร้างความทันสมัยให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานไอที และเร่งการปฏิรูปด้านดิจิทัลสำหรับองค์กรต่างๆ โซลูชัน ระบบคลาวด์แบบไฮบริดของ NetApp มอบวิธีการใหม่ที่ปลอดภัย ในการใช้และควบคุมบริการด้านข้อมูล ทั้งแบบในสถานที่และบนระบบคลาวด์ ดังนั้น ลูกค้าที่เป็นองค์กรจึงสามารถใช้งานข้อมูลของตนได้ง่ายยิ่งขึ้นในทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการ
ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันเพียงรายเดียวที่มีการรวมระบบแบบเนทีฟสำหรับระบบคลาวด์สาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของโลก ซอฟต์แวร์ ONTAP® จาก NetApp ที่อยู่ในระดับชั้นนำของวงการอุตสาหกรรม ยังคงมีการนำมาใช้เป็นพื้นฐานสำหรับระบบคลาวด์แบบไฮบริดอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ONTAP รุ่นล่าสุดนี้ NetApp มีการแนะนำระบบการป้องกันที่ยกระดับใหม่เพื่อรับมือกับแรนซัมแวร์ ตลอดจนมีความสามารถที่เพิ่มขึ้นในการจัดการข้อมูล และมีคุณสมบัติในการรองรับ NVMe/TCP เพื่อประสิทธิภาพที่รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังจะเปิดตัวความสามารถใหม่ในรูปแบบของกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับ NetApp Cloud Manager และมีบริการข้อมูลที่ปรับปรุงใหม่เพื่อการดูแลระบบคลาวด์แบบไฮบริดได้อย่างง่ายดาย มีการมอบทางเลือกในการใช้งานอย่างยืดหยุ่นเพิ่มมากขึ้นเพื่อควบคุมต้นทุนให้ดีกว่าที่เคย และยังมีข้อเสนอ Professional Services ใหม่ที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากทรัพยากร ทั้งภายในสถานที่และบนระบบคลาวด์แบบไฮบริด
“การย้ายไปสู่ระบบคลาวด์คาดว่าจะมีประโยชน์อย่างยิ่งยวด แต่ฝ่ายไอทีมากมายหลายแห่งยังคงต้องทำงานเพื่อเอาชนะความท้าทายในสถานที่ เช่น การจัดการกับความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายข้อมูล การป้องกันแรนซัมแวร์ และการดูแลให้แอปพลิเคชันที่สำคัญต่างๆ มีประสิทธิภาพที่น่าเชื่อถือ” คุณ Sanjay Rohatgi รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแห่ง NetApp กล่าว “ในฐานะที่เป็น ผู้เชี่ยวชาญระบบคลาวด์แบบไฮบริด NetApp สามารถช่วยบริษัทต่างๆ ในการการปฏิรูปด้านดิจิทัลเพื่อสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจให้ได้เร็วยิ่งขึ้น และโดยที่อยู่ภายใต้งบประมาณ ไม่ว่าองค์กรเหล่านั้นจะกำลังพัฒนากลยุทธ์หรืออยู่ในระหว่างการดำเนินการย้ายระบบขนาดใหญ่”
“จากการวิจัยของ IDC แสดงให้เห็นว่า มีลูกค้าไอทีในระดับองค์กรประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ที่วางแผนจะปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดเก็บข้อมูลให้ทันสมัยในอีก 2 ปีข้างหน้า เพื่อใช้รองรับภาระงานรุ่นถัดไป อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ด้านการปฏิบัติการที่สำคัญคือ การกำหนดตำแหน่งให้ภาระงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ทั้งในสภาพแวดล้อมภายในสถานที่แบบดั้งเดิม และบนระบบคลาวด์” คุณ Eric Burgener รองประธานฝ่ายงานวิจัยกลุ่มระบบโครงสร้างพื้นฐานแห่ง IDC กล่าว “ในฐานะที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมซึ่งมีประสบการณ์หลายปีในด้านนวัตกรรมและมีความเชี่ยวชาญในการส่งมอบโซลูชันระบบคลาวด์แบบไฮบริด NetApp มีจุดยืนที่โดดเด่นในการช่วยสนับสนุนให้บริษัทต่างๆ ทำการเปลี่ยนผ่านไปสู่โมเดลระบบคลาวด์แบบไฮบริด และช่วยให้บริษัทเหล่านั้นมีความสามารถในการปรับขนาดและมีความยืดหยุ่นซึ่งจำเป็นต่อบริษัทในการมอบบริการข้อมูลสำคัญ และนำมาซึ่งความสามารถด้านภาระงานอันจะเป็นการขับเคลื่อนมูลค่าทางธุรกิจ”
องค์กรด้านนวัตกรรมในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมหลายรายกำลังรับเอาโซลูชันระบบคลาวด์แบบไฮบริดของ NetApp มาใช้เพื่อเร่งการปฏิรูปด้านดิจิทัล
สำหรับองค์กรที่กำลังฝ่าฟันในโลกที่มีการกระจายตัวและกำลังเผชิญกับภาวะชะงักงันจากการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี ความคล่องตัวและความสามารถในการปรับตัวถือเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอด ส่งผลให้ระบบคลาวด์แบบไฮบริดกลายมาเป็นกลยุทธ์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“การแข่งขันฟอร์มูล่าวันมักเกี่ยวข้องกับการค้นหาข้อได้เปรียบอยู่เสมอ และเมื่อทีม Aston Martin Cognizant กลับมาลงสนาม F1™ ในปีนี้ เรามีการใช้กลยุทธ์การรวมศูนย์ข้อมูลที่ทรงพลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเราในเวลาที่อยู่ในและนอกสนามแข่งเมื่อเราค้นหาตำแหน่งโพลโพซิชั่น” คุณ Otmar Szafnauer ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและหัวหน้าทีมของทีม Aston Martin Cognizant Formula One กล่าว “ด้วยการร่วมมือกับ NetApp เพื่อจัดทำโครงสร้างข้อมูลของเราและวางมาตรฐานการปฏิบัติการด้วยโซลูชันระบบคลาวด์แบบไฮบริดระดับโลก เรากำลังมุ่งทำการปรับปรุงอย่างไม่หยุดยั้งและผลักดันทีมไปสู่ความก้าวหน้าในทุกสิ่งที่เราทำ นับตั้งแต่การบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของรถและส่วนประกอบแบบเรียลไทม์ ไปจนถึงวิธีการที่ใช้สร้างความคล่องตัวให้กับการปฏิบัติงานของโรงงานและงานด้านวิศวกรรม”
นวัตกรรมล่าสุดของ NetApp ที่เปิดตัวในวันนี้มีดังต่อไปนี้:
- ซอฟต์แวร์การจัดการข้อมูลของ ONTAP ที่ปรับปรุงใหม่:ONTAP รุ่นล่าสุดช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันการโจมตีของแรนซัมแวร์ได้โดยอัตโนมัติโดยใช้การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) พร้อมด้วยคุณสมบัติ การตรวจจับเพื่อการยับยั้งและกู้คืนข้อมูลแบบเร่งด่วน ONTAP รุ่นใหม่นี้ยังมอบประสิทธิภาพในระดับองค์กร สำหรับภาระงาน SAN และภาระงานสมัยใหม่ พร้อมคุณสมบัติการรองรับ NVMe/TCP ความสามารถในการจัดเก็บออบเจ็กต์ที่เพิ่มมากขึ้น และการจัดการที่เรียบง่าย นอกจากนี้ ONTAP รุ่นล่าสุดนี้จะช่วยเสริมสมรรถนะให้แก่ NetApp AFF A900 ที่กำลังจะเปิดตัวซึ่งเป็นระบบแบบออลแฟลชที่มีความยืดหยุ่นสูงและเหมาะสำหรับภาระงานที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ
- การบริการข้อมูลที่ยกระดับใหม่: ด้วยความสามารถ ใหม่ในรูปแบบของกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีอยู่ใน NetApp Cloud Manager ลูกค้าจะได้รับประโยชน์จากระบบ เคลื่อนที่มากขึ้น พวกเขาจะสามารถมองเห็นข้อมูลการใช้สิทธิ์การใช้งานบริการข้อมูลบนระบบคลาวด์แบบไฮบริด ทั้งยังสามารถใช้งานคุณสมบัติการชำระเงินเป็นเครดิตล่วงหน้า ทำให้สามารถปรับใช้งานได้อย่างคล่องตัว โดยไม่ต้องยุ่งยากกับขั้นตอนการจัดซื้อ ในส่วนการอัปเดตเพิ่มเติมต่างๆ มีการดำเนินการปรับปรุงสำหรับบริการ NetApp Cloud Backup และบริการ Cloud Data Sense การปรับใช้งาน Cloud Volumes ONTAP ที่ง่ายขึ้น โดยมาพร้อมกับเท็มเพลต ที่พร้อมสำหรับให้ลูกค้าใช้งาน Active IQ ที่ฝังตัวเต็มรูปแบบ และการรวมระบบขั้นลึกยิ่งขึ้นกับ NetApp Cloud Insights และซอฟต์แวร์ ONTAP เพื่อรองรับภาระงาน Kubernetes
- ทางเลือกเพิ่มเติมในการใช้งานอย่างยืดหยุ่น: การสมัครสมาชิก NetApp Keystone Flex เป็นข้อเสนอบริการการจัดเก็บข้อมูลแบบในสถานที่ที่มาพร้อมกับการรวมระบบคลาวด์แบบเนทีฟ และเป็นบริการที่ยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันข้อเสนอนี้มีให้บริการใน 4 ทวีป ด้วยการมอบความจุหลายเพตะไบต์ภายในระยะเวลาพร้อมใช้งานจำนวน 1 ปี ในตอนนี้ NetApp มีการนำเสนอระดับบริการฟรีเมียมใหม่ สำหรับ Cloud Volumes ONTAP เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสิทธิ์การใช้งานแบบคุณลักษณะเต็มรูปแบบโดยไม่จำกัดเวลาสำหรับ ONTAP บนระบบคลาวด์ ในกรณีที่ภาระงานต้องการพื้นที่จัดเก็บไม่ถึง 500 กิกะไบต์ ดังนั้น ด้วยคุณสมบัติความยืดหยุ่นในการใช้งานนี้ องค์กรต่างๆ จะมีอิสระในการใช้งานบริการข้อมูลระดับองค์กรสำหรับภาระงานขนาดเล็ก เช่น คลัสเตอร์ Kubernetes โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในขั้นต้น ทั้งนี้ องค์กรจำเป็นจะต้องเปลี่ยนไปสมัครเป็นสมาชิกเฉพาะเมื่อภาระงานเต็มและต้องปรับขนาด
- เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านระบบคลาวด์แบบไฮบริดได้มากขึ้น: NetApp กำลังเปิดตัว Support and Professional Services ใหม่ที่เอื้อต่อการเข้าถึง ผู้เชี่ยวชาญได้ง่ายยิ่งขึ้นเพื่อรับคำแนะนำแบบเป็นขั้นตอน เมื่อลูกค้าดำเนินการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบคลาวด์แบบ ไฮบริด ด้วย SupportEdge Advisor for Cloud, NetApp มีการขยายขอบข่ายของโมเดลสนับสนุนสำหรับศูนย์ข้อมูลไปสู่บริการระบบคลาวด์ด้วยการมอบโอกาสการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมมาแล้วได้โดยตรงและด้วยความรวดเร็ว นอกจากนี้ NetApp Flexible Professional Services (FlexPS) ยังมีพร้อมให้บริการสำหรับลูกค้าที่ต้องการการสนับสนุนแบบตามความต้องการอย่างต่อเนื่องเมื่อพวกเขาเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบคลาวด์แบบไฮบริด ดังนั้น ด้วยข้อเสนอใหม่ที่เข้าถึงได้ด้วยการสมัครสมาชิกนี้ องค์กรต่างๆ จะสามารถได้รับความช่วยเหลือระดับมืออาชีพตามที่ต้องการในเวลาที่พวกเขาทำการออกแบบและสร้างกลยุทธ์โครงสร้างข้อมูล ดำเนินโซลูชัน ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบคลาวด์ แบบไฮบริดของตนเอง โดยที่อยู่ในระดับต้นทุนที่สามารถคาดการณ์ได้ และยังปราศจากความล่าช้าในการจัดซื้ออีกด้วย