ข้อมูล Welivesecurity จาก ESET รายงานว่าเมื่อไม่นานมานี้กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯได้ยึดเงิน Bitcoin 63.7 เหรียญ หรือประมาณ 94,852,258 บาท จากยอดการชำระเงิน BTC 75 ที่เป็นเงินค่าไถ่จากโปรแกรมเรียกค่าไถ่ Colonial Pipeline
หนึ่งในจุดเด่นของ Bitcoin ก็คือการไม่ระบุตัวตนที่ทำให้การติดตามนั้นแทบทำไม่ได้เลย จึงเป็นสาเหตุให้อาชญากรไซเบอร์หรือแฮกเกอร์ใช้ประโยชน์จากจุดเด่นนี้
โปรแกรมเรียกค่าไถ่ถูกจัดอันดับความรุนแรงไว้ให้เท่ากับกิจกรรมการก่อการร้าย ทำให้รัฐบาลในหลายประเทศมีความพยายามในการติดตามและกำจัดโปรแกรมเรียกค่าไถ่เป็นอย่างมาก
หลายปีที่ผ่านมาสกุลเงินออนไลน์ Monero พยายามที่จะดำเนินตาม Bitcoin ด้วยการใช้ Ring-Signature และการป้องกันเชิงเทคนิคอื่นๆ เพื่อป้องกันการตรวจสอบย้อนกลับ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ใช้และร้านค้าส่วนใหญ่ก็ยังนิยม Bitcoin และ Ethereum
ในตอนนี้แฮกเกอร์มีแนวโน้มที่จะใช้ทางเลือกอื่นๆนอกจาก Bitcoin ในการให้เหยื่อชำระเงิน โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่ไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในการซ่อนเส้นทางเดินเงินผิดกฎหมายของพวกเขา ซึ่งการย้ายแพลตฟอร์มนี้อาจไม่ได้เป็นการย้ายกระทันหัน แต่จะเป็นการย้ายแบบค่อยเป็นค่อยไป
ที่มา: https://blog.eset.co.th/?p=15405