Dell ชี้ ภูมิภาค APJ ยังมีโอกาสในด้าน AI อีกมาก พร้อมเผยคาดการณ์ 5 เทรนด์ AI แห่งปี 2025 

แม้ว่า Generative AI กำลังเริ่มมีการปรับใช้ในภาคธุรกิจอย่างจริงจังมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิวัฒนาการของเทคโนโลยีนั้นยังดูไม่ได้แผ่วหรือว่าช้าลงไปแม้แต่น้อย เพราะเราสามารถเห็น Breakthrough หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาจากอุตสาหกรรมได้ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น หรือบางครั้งอาจจะเป็นรายสัปดาห์ก็ว่าได้

จากงานแถลงข่าว Dell Technologies (Dell) นำโดย President, Asia Pacific Japan & Greater China คุณ Peter Marrs พร้อมด้วย Global Chief Technology Officer & Chief AI Officer คุณ John Roese ได้เผยการคาดการณ์และโอกาสในด้าน AI จากมุมมองของ Dell กับภาคอุตสาหกรรมในปี 2025 และอนาคต ซึ่งได้เผยมุมมองของโอกาส AI ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น (Asia‐Pacific, Japan หรือ APJ) 5 มุมมองเทรนด์ AI ในปี 2025 และอนาคต มีอะไรน่าสนใจบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้

คุณ Peter Marrs ได้ชี้ให้เห็นว่า AI ในภูมิภาค APJ นั้นได้มีองค์กรมากมายใช้ประโยชนืเพื่อสร้างนวัตกรรมที่ทรานส์ฟอร์มองค์กรให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยได้หยิบยกหลากหลาย Use Case ขึ้นมาที่ชี้ให้เห็นได้ว่า AI ในภูมิภาคนี้ยังมีโอกาสเติบโตไปได้อย่างมหาศาล

“AI ได้เปลี่ยนทั้งโลกและภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเรากำลังเห็นภูมิภาคนี้มีความแข็งแกร่งในการสร้างนวัตกรรมที่ได้เปรียบอย่างต่อเนื่อง” คุณ Peter Marrs, President, Asia Pacific Japan & Greater China แห่ง Dell Technologies กล่าว “พวกเรามองเห็นโมเมนตัมที่แข็งแกร่งในภูมิภาค APJ และความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการเตรียมพร้อมและการปรับใช้ AI”

คุณ Peter Marrs, President, Asia Pacific Japan & Greater China แห่ง Dell Technologies

โดยคุณ Peter Marrs ได้ชี้ให้เห็นว่า 4 อุตสาหกรรมในภูมิภาค APJ ที่มีการนำเอาเทคโนโลยี AI มาปรับใช้มากที่สุด ได้แก่

  • ภาคสถาบันการเงิน (Financial Services Institute หรือ FSI) เช่น การตรวจจับการฉ้อโกง การให้บริการลูกค้า การจัดการความเสี่ยง 
  • ภาคสาธารณสุขหรือการแพทย์ (Healthcare) เช่น การวิเคราะห์ทำนายวินิจฉัยโรค การจัดการระบบบันทึกข้อมูลผู้ป่วยให้ไหลลื่น หรือการสร้างโอกาสการขาย Cross-Selling
  • ภาคอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturing) เช่น การทำ Digital Twin สำหรับโรงงาน Smart Factory การผลิตที่ชาญฉลาดมากขึ้น หรือการทำนายการบำรุงรักษาเครื่องจักร
  • ภาครัฐบาล (Government/Public Sector) เช่น การสร้าง LLM ภาษาท้องถิ่นในที่ต่าง ๆ หรือการปรับปรุงบริการให้กับประชาชนให้ดียิ่งขึ้น

ส่วนที่สำคัญในการทำให้ AI มีประสิทธิภาพที่พร้อมใช้งานได้จริง นั่นคือ “ข้อมูล (Data)” และในหลาย ๆ ครั้งการใช้งานข้อมูลก็มักจะมีข้อกังวลในเรื่องความมั่นคงปลอดภัย (Security) เรื่องอธิปไตยข้อมูล (Data Sovereignty) หรือบางแห่งก็ต้องการใช้งานแบบ On-Premise

“เมื่อได้พูดคุยกับลูกค้า พบว่าราว 40% ที่พูดคุยกับองค์กรนั้นคือจะเกี่ยวกับเรื่องกลยุทธ์ในข้อมูล (Data) เพราะอย่างที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ ข้อมูลที่ดีก็จะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึก (Insight) ที่ดี” คุณ Peter Marrs กล่าวเสริม” คุณ Peter Marrs กล่าวเสริม 

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Dell ได้เปิดตัว Dell AI Factory ในงาน Dell Technology World ช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่พร้อมสนับสนุนความต้องการในด้านข้อมูลในทุกอุตสาหกรรม พร้อมพาร์ตเนอร์ที่อยู่ในระบบนิเวศ (Ecosystem) ทำให้องค์กรทุกอุตสาหกรรมสามารถสร้าง AI ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ง่าย พร้อมใช้แบบ End-To-End ซึ่งในภูมิภาค APJ ก็มีการใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยี Generative AI จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนอาจจะทำนายอนาคตไปในระยะไกล ๆ ไม่ได้ง่าย ๆ แต่ คุณ John Roese, Global Chief Technology Officer และ Chief AI Officer แห่ง Dell Technologies ได้เผย 5 มุมมองเทรนด์ AI ในปี 2025 ที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นและเริ่มเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปีหน้านี้ ได้แก่

คุณ John Roese, Global Chief Technology Officer และ Chief AI Officer แห่ง Dell Technologies 

1. สถาปัตยกรรม Agentic AI จะเพิ่มมากขึ้น

สถาปัตยกรรม Agentic AI หรือโมเดล AI ที่สร้าง AI Agent ไปทำงานที่ซับซ้อนได้อย่างอัตโนมัติเอง (Autonomous Agent) นั้นจะกลายเป็นเครื่องมือใหม่ที่เริ่มมีการปรับใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะไม่ใช่โมเดล AI ที่เป็นลักษณะ Reactive หรือต้องสั่งการผ่าน Prompt เพื่อให้ทำอะไรบางอย่างแล้วจึงค่อยตอบกลับมา รวมทั้งจะไม่ใช่โมเดล AI ตัวเดียวที่จะต้องเก่งทุกอย่าง แต่จะเป็นการทำงานร่วมกันของ AI Agent หลาย ๆ ตัวที่เชี่ยวชาญในแต่ละเรื่องแล้วทำงานร่วมกัน

โดย Agentic AI จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถสั่ง ไปทำงานที่ซับซ้อนได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องมนุษย์เข้าไปแทรกแซงขั้นตอนการทำงานอีกต่อไป เช่น การร้องขอให้ไปตรวจสอบติดตามเครื่องจักรเพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องดังกล่าวจะทำงานได้ตามปกติ พร้อมกับถ้าหากเกิดเหตุปัญหาอะไรให้ดำเนินการแก้ไขอย่างถูกต้องให้ได้เลย เป็นต้น 

2. AI ระดับองค์กรจะขยายผลจากหลักการสู่ความเป็นจริงมากขึ้น

จากปีแรกของ Generative AI องค์กรอาจจะยังแค่ทดลองทดสอบกันอยู่ แต่ปีหน้าจะเริ่มเข้าสู่ระดับ Production มากขึ้น ซึ่ง Dell คืออีกหนึ่งแห่งที่มีการปรับ AI ใช้ภายในองค์กรจำนวนมากแล้ววันนี้ เช่น วิศวกรกว่า 20,000 คนที่ใช้ผู้ช่วยเขียนโค้ด หรือผู้ให้บริการราว 15,000 คนที่ใช้ AI ช่วยแนะนำ Next Best Action เป็นต้น

และปีหน้านี้จะเริ่มเห็นองค์กรขนาดใหญ่เริ่มปรับใช้งาน AI ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งเครื่องมือ AI ส่วนใหญ่จะต้องทำเป็นลักษณะ Enterprise AI ที่อาจจะกลายเป็นมาตรฐานให้กับองค์กรต่าง ๆ โดยที่องค์กรจะกลายเป็นการนำแต่ละส่วนมาใช้งานบน On- Premises ไม่จำเป็นต้องสร้างเองตั้งแต่เริ่มต้นอีกต่อไป

“ปีหน้าเราเชื่อว่าจะได้เห็นองค์กรมากมากมายหลายแห่งเข้าสู่โลกของ AI ซึ่งจะไม่ใช่แค่การพิสูจน์แนวคิด (POC) แล้ว แต่จะเป็นโครงการที่มีผลกระทบ (Impact) ต่อกระบวนการที่เป็นแกนของธุรกิจได้จริงและที่สำคัญจะสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น มีผลกำไรมากขึ้น”  คุณ John Roese กล่าว

3. Sovereign AI จะเร่งการปรับใช้ทั่วโลก

อธิปไตยปัญญาประดิษฐ์ (Sovereign AI) หรือขีดความสามารถของประเทศในการสร้าง AI บนโครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล เน็ตเวิร์กโครงข่ายธุรกิจ และแรงงานของตัวเอง จะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญของแต่ละประเทศทั่วโลก ซึ่งบทบาทของภาครัฐบาลในด้าน AI จะมีความสำคัญอย่างมากในการทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น แม้ว่าบริบทของภาครัฐแต่ละประเทศจะแตกต่างกันไป

และในปี 2025 คุณ John Roese คาดว่าภาครัฐบาลทุกประเทศในโลกจะสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งมองเห็นเป็น 3 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่

  • Government for Government คือภาครัฐสร้าง Data Center ของตัวเองขึ้นมา เพื่อสร้างโมเดลของตัวเองแล้วทรานส์ฟอร์มตัวเอง หากแต่รูปแบบนี้พบได้ค่อนข้างน้อย
  • Government for Industry คือภาครัฐสร้าง Data Center พร้อมโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของตัวเองขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถใช้งาน โดยภาครัฐจะช่วยสร้าง AI Data Center ขนาดใหญ่เพื่อให้เป็นเครื่องมือสำหรับภาคอุตสาหกรรมสร้างโครงการ AI ได้สำเร็จ
  • Government with Industry คือภาครัฐจะไม่ได้เป็นผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานใด ๆ แล้ว แต่ภาครัฐจะเป็นผู้อำนวยความสะดวก (Facilitator) ในการจัดการจัดระเบียบในภาคอุตสาหกรรม สามารถเรียนรู้และปรับใช้เทคโนโลยี AI ได้เร็วกว่าคู่แข่งที่อื่น ๆ 

“สิ่งเหล่านี้จะไม่ได้เป็นรูปแบบที่แยกออกจากกันทั้งหมด อาจมีประเทศที่ทำทั้งสามอย่างนี้เลย หรืออาจมีประเทศที่ทำเพียงอย่างที่สามเท่านั้น เป็นต้น” คุณ John Roese กล่าว

4. AI จะผสมผสานกับเทคโนโลยีเกิดใหม่อื่น ๆ เกิดขึ้น

จากช่วงที่ Generative AI กำเนิดขึ้น ได้มีเทคโนโลยีอีกหลากหลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน อาทิ Quantum Computing, Zero Trust, Digital Twin, Telecom โครงข่าย 5G, 6G ฯลฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่า AI ได้ผสานกับเทคโนโลยีที่เกิดใหม่เหล่านั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง AI ได้ช่วยทำให้เทคโนโลยีเหล่านั้นมีพัฒนาการที่เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

“เราเริ่มเห็นรูปแบบนี้แล้วประมาณเมื่อสองปีก่อน ซึ่ง AI คือเทคโนโลยีที่แยกออกมา โดย AI ได้เปลี่ยนกรอบของทุกอย่าง รวมถึงบทบาทของเทคโนโลยีอื่น ๆ เกือบทั้งหมดด้วย” คุณ John Roese กล่าว “ไม่ว่าคุณจะสำรวจเทคโนโลยีอะไรในปัจจุบันตอนนี้ ล้วนมีความเกี่ยวพันในระบบนิเวศ AI แล้วทั้งนั้น ดังนั้น AI จึงไม่เพียงแต่กลายเป็นศูนย์กลางของโลกแห่งแอปพลิเคชันของเราเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางของโลกเทคโนโลยีด้วย” 

จะเห็นได้ว่า AI ณ ตอนนี้ได้กลายเป็นแกนกลางของเทคโนโลยีที่จะพัฒนาก้าวหน้าไปได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งทุกอย่างดูเหมือนจะเชื่อมกับ AI ไปทั้งหมดแล้ว

“ทุกเทคโนโลยีตอนนี้คือจะเป็นการทำให้เทคโนโลยี AI ใช้งานได้หรือจะทำให้ใช้งานได้ด้วย AI (Every technology is now either enabling AI or is enabled by AI.)” คุณ John Roese กล่าวเสริม

5. AI จะกลายเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับทุกคน

แน่นอนว่าทักษะดิจิทัลคือสิ่งที่สำคัญมากและมีการพูดถึงกันเป็นวงกว้างในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งแรงงานจำเป็นจะต้องอัปสกิล (Upskill) เพิ่มทักษะใหม่เข้าไปอย่างต่อเนื่อง เพราะงานที่ทำง่ายและทำซ้ำ ๆ ทุกวันจะถูกแทนที่อย่างแน่นอน หากแต่สิ่งที่จะต้องเพิ่มเข้าไปอีกคือทักษะ AI เพราะลักษณะงานนั้นได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

“ปี 2024 จะเป็นปีที่พวกเรามีข้อมูลมากขึ้น ที่จะทำให้เข้าใจได้ว่างานอะไรจริง ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจาก AI” คุณ John Roese กล่าว “แม้ว่างานทั่วไปจะถูกระบบ AI แทนที่อย่างแน่นอน แต่สิ่งที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ คือสิ่งที่น่าตื่นเต้น นั่นคือยังคงมีการสร้างงานรูปแบบใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกที่”

ตัวอย่างที่คุณ John Roese ยกขึ้นมานั้น เช่น Software Composer, AI Interpreter ซึ่งจะเป็นงานในระดับขั้นที่สูงขึ้นของอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ หากแต่งานระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านฮาร์ดแวร์หรือช่างผู้เชี่ยวชาญในการก่อสร้าง Data Center ต่าง ๆ อย่างเช่น ช่างไฟฟ้า ช่างประปา ก็ได้รับอานิสงฆ์ให้มีการลงทุนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

“ดังนั้น AI ไม่ได้เพียงแต่จะสร้างงานระดับสูงใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นตัวเร่งให้เกิดการลงทุนครั้งใหญ่ในด้านการก่อสร้าง ระบบประปา ไฟฟ้า ระบบส่งไฟฟ้า และระบบย่อยของไฟฟ้าด้วย” คุณ John Roese กล่าวเสริม

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่การคาดการณ์จากทาง Dell Technologies ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นในปี 2025 ที่ไม่แน่ว่าจะเกิดจริง ๆ หรือไม่ แต่ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าโลกของ AI โดยเฉพาะ Generative AI ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจองค์กรทั้งโลก ที่จะต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง AI จะยังคงเป็นกุญแจสำคัญไปอีกสักพักใหญ่ในการทำให้เกิดวิวัฒนาการของเทคโนโลยีต่าง ๆ ดังนั้น เราจึงควรต้องพัฒนาอัปสกิล AI กันอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยคือตลอดทั้งปี 2025 นี้ที่จะยังคงเป็นเทรนด์ AI อย่างต่อเนื่องแน่นอน

About chatchai

Tech Writer แห่ง TechTalk Thai ที่สนใจในทุกนวัตกรรมและเทคโนโลยี

Check Also

รู้จัก GhostGPT แชทบอทของเหล่าร้าย ผู้ช่วยชั้นดีของแฮ็กเกอร์

โดยทั่วไปผู้คนมักคุ้นกับ ChatGPT เป็นอย่างดีแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งเรามักได้ยินเรื่องที่ว่าแฮ็กเกอร์เองก็มี AI เพื่อช่วยในการโจมตีได้ แม้ตัว ChatGPT หรือ Generative AI ภาคปกติจะมีการป้องกันแค่ไหนก็ตามสุดท้ายแล้วในโลกที่เปิดกว้าง คนที่คิดร้ายก็มักจะหาทางได้เสมอ และ GhostGPT …

SAP ร่วมกับ Microsoft กระตุ้นลูกค้าเข้าสู่โครงการ RISE with SAP ผ่าน Azure

RISE with SAP เป็นแคมเปญส่งเสริมกระตุ้นให้ผู้ใช้งานเดินทางสู่ ERP บนเวอร์ชันคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า โดยประกาศล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ Microsoft และ SAP มีร่วมกันเพื่อสนับสนุนลูกค้าที่สนใจใช้โครงสร้างพื้นฐานของ Microsoft Azure