NetworkWorld ได้พูดถึงคีย์เวิร์ด 2 คำที่ฟังดูแล้วไม่น่าจะไปด้วยกันได้อย่าง Container และ High Performance Computing (HPC) ซึ่งเป็นประโยชน์ที่จะทราบถึงแนวคิดเหล่านี้เอาไว้ก่อนที่จะเกิดความนิยมขึ้นอย่างแพร่หลาย

ข้อดีของ Container ก็คงไม่ต้องตอกย้ำอะไรมากอยู่แล้วเพราะคือสิ่งทำให้องค์กรสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันได้อย่างอิสระต่อกันเนื่องจากได้รวบรวมเอาไลบรารี่หรือส่วนอื่นๆ เฉพาะที่จำเป็นต่อการทำงานไว้ให้แล้ว ดังนั้นจึงลดปัญหาตอนติดตั้งได้อย่างดี เช่น OS เวอร์ชันต่างกัน เป็นต้น
สำหรับ HPC เองเหมาะสำหรับการคำนวณใหญ่อย่าง Big Data หรือแนว Supercomputing ซึ่งไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องอะไรกันได้กับพวก Microservice ที่ Container ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์นั้น รวมถึงเรื่องสิทธิ์อย่าง Docker เองที่ชอบใช้ไปถึงระดับผู้ดูแลที่แตกต่างกับโลกของด้าน Supercomputing ที่สนใจเรื่องความมั่นคงปลอดภัยเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามมีการตั้งโปรเจ็คโอเพ่นซอร์สในปี 2015 ขึ้นมาชื่อ Singularity จาก Lawrence Berkeley National Research เพื่อตอบสนองแนวคิดการใช้งาน Container กับงาน HPC ซึ่งตอนนี้ตัวบริษัท Sylab เองอ้างว่าตัวเองได้ครองตลาดด้านนี้อยู่ราว 90-95% โดยนอกจากจะใช้งานได้ง่ายและผู้ใช้งานยังสามารถ import ตัว image ของ Docker เข้ามาได้ด้วยโดยไม่ต้องอาศัยสิทธิ์ super user แต่อย่างใด รวมถึง Singularity ได้รวมเอาเครื่องมือจำเป็นสำหรับการทำงานด้านวิทยาศาสตร์มาแล้วเช่นกัน โดยในงาน Super Computing ล่าสุด Singularity ได้ถูกยกเป็น 1 ใน 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าจับตามองด้วยและยังได้ประกาศการทำงานร่วมกับ Kubernetes ทำให้ดีต่อการสเกลการใช้งานและบริหารจัดการแบบอัตโนมัติขึ้นไปอีกต่อหนึ่ง