สตาร์ทอัพเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ Lucidity ระดมทุนได้ 21 ล้านดอลลาร์

Lucidity.cloud สตาร์ทอัพจากอินเดียที่ช่วยให้การจัดการเก็บข้อมูลแบบมัลติคลาวด์เป็นไปโดยอัตโนมัติ เปิดเผยว่า บริษัทสามารถระดมทุนได้ 21 ล้านดอลลาร์ในรอบ Series A ที่นำโดย WestBridge Capital หลังจากบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้จนถึงปัจจุบัน Lucidity มีเงินทุนรวม 31 ล้านดอลลาร์แล้ว

Credit: Lucidity

Lucidity ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดย Nitin Bhadauria และ Vatsal Rastogi โดยบริษัทนำเสนอแพลตฟอร์มแบบ “NoOps” หรือ “no operations” ซึ่งช่วยให้การขยายและลดขนาดของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบบล็อกบนคลาวด์เป็นไปโดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทต่าง ๆ มีพื้นที่เพียงพอสำหรับข้อมูลของตนเสมอ ด้วยการลดการจัดสรรพื้นที่เกินจำเป็น Lucidity คาดว่าจะสามารถช่วยองค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ได้มากถึง 70%

แพลตฟอร์มนี้ทำงานร่วมกับบริการโครงสร้างพื้นฐานบนคลาวด์หลัก เช่น Amazon Web Services, Microsoft Azure และ Google Cloud และสามารถรวมเข้ากับแอปพลิเคชันใด ๆ ที่ทำงานบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องใช้โค้ด นอกจากนี้ ยังช่วยให้ทีมงานลดเวลาที่ต้องใช้ในการปรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลด้วยตนเอง ทำให้สามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีผลกระทบสูงกว่าได้

ตามที่ Bhadauria กล่าว แพลตฟอร์มของ Lucidity ประกอบด้วยบริการหลักสองส่วน ได้แก่ Storage Auto-Scaler ซึ่งช่วยลดและขยายขนาดของที่เก็บข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์แบบไดนามิก ซึ่งองค์กรสามารถติดตั้งเป็นเอเจนต์บนเซิร์ฟเวอร์ของตน และระบบจะเริ่มเพิ่มประสิทธิภาพของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลโดยอัตโนมัติภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง และอีกบริการหนึ่งคือ Storage Audit ซึ่งเป็นฟีเจอร์เสริมฟรีที่ช่วยให้องค์กรประเมินได้ว่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่สามารถปล่อยว่างได้มีเท่าใด และพวกเขาใช้จ่ายไปกับพื้นที่เหล่านั้นมากน้อยเพียงใด

Lucidity ระบุว่าธุรกิจกำลังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่องค์กรต่าง ๆ กำลังย้ายเวิร์กโหลดไปยังสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์มากขึ้น เพื่อให้ได้ประโยชน์จากความสามารถในการขยายตัว ความยืดหยุ่น และต้นทุนที่ลดลง ส่งผลให้ความต้องการด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กระแสการนำแอปพลิเคชันปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ก็เป็นปัจจัยเร่ง เพราะ AI ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาล

แทนที่จะเสี่ยงต่อการหยุดทำงานของแอปพลิเคชัน องค์กรจำนวนมากเลือกที่จะจัดสรรพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์เกินความจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่ามีความจุเพียงพอรองรับช่วงที่มีความต้องการสูงสุด แต่การทำเช่นนี้มีต้นทุนที่สูง แม้ว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเซิร์ฟเวอร์เพื่อลดต้นทุนเหล่านี้ได้ แต่หลายทีมกลับหลีกเลี่ยงการทำเช่นนั้น เพราะกลัวการสูญหายของข้อมูลโดยไม่ตั้งใจหรือปัญหาอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดช่วงหยุดทำงาน

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ องค์กรจำนวนมากกำลังเสียเงินไปกับพื้นที่เก็บข้อมูลที่ไม่ได้ใช้งานเลย รายงานจาก Deloitte Touche ระบุว่า บริษัทบางแห่งใช้จ่ายไปกับค่าใช้จ่ายบนคลาวด์อย่างสูญเปล่าสูงถึง 30% ของงบประมาณทั้งหมด

Rishit Desai จาก WestBridge Capital กล่าวว่า ในปัจจุบันมีความต้องการเร่งด่วนสำหรับโซลูชันที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายบนคลาวด์ และเขาเชื่อว่า Lucidity นำเสนอสิ่งที่ตอบโจทย์นี้โดยตรง

“Lucidity เปลี่ยนแปลงวิธีที่องค์กรบริหารและจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์โดยพื้นฐาน” เขากล่าว “แพลตฟอร์มที่ไม่มีใครเทียบได้ของบริษัทช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล และช่วยลดต้นทุนได้อย่างมากสำหรับลูกค้าในทุกขนาด”

เห็นได้ชัดว่ามีองค์กรจำนวนมากที่เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้ หากตัวเลขของ Lucidity เป็นจริง บริษัทอ้างว่ารายได้ของตนเติบโตขึ้นกว่า 400% ในปีที่ผ่านมา (แม้จะไม่ได้เปิดเผยฐานรายได้เริ่มต้น) และมีลูกค้ากลุ่ม Fortune 500 หลายสิบราย โดยในอนาคต Lucidity ตั้งเป้าหมายที่จะขยายทีมการตลาดและการขาย เพื่อเพิ่มรายได้ และขยายเข้าสู่ตลาดที่เก็บข้อมูลแบบออบเจ็กต์ (Object Storage) เพื่อช่วยให้องค์กรประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการจัดเก็บข้อมูลได้มากยิ่งขึ้น

ที่มา: https://siliconangle.com/2025/02/12/cloud-storage-optimization-startup-lucidity-raises-21m/

About นักเขียนฝึกหัดหมายเลขเก้า

Check Also

Google เปิดตัว Gemini 2.5 โมเดล AI ใหม่ล่าสุด พร้อมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์สูง

Google ประกาศเปิดตัว Gemini 2.5 โมเดล AI ที่ฉลาดที่สุดในขณะนี้ พร้อมความสามารถด้าน “Thinking” ที่ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งในด้านการคิดวิเคราะห์และการเขียนโค้ด โดยรุ่นแรกคือ Gemini 2.5 Pro Experimental

Brad Lightcap ซีโอโอ OpenAI รับบทบาทเพิ่ม ขณะที่ซีอีโอ Sam Altman มุ่งเน้นงานวิจัย

Brad Lightcap ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ OpenAI ได้รับบทบาที่เพิ่มขึ้น โดยต่อจากนี้จะดูแล “ธุรกิจและการดำเนินงานประจำวัน” ของบริษัท เพื่อให้ Sam Altman ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มีเวลามากขึ้นในการมุ่งเน้นด้านการวิจัยและผลิตภัณฑ์