บทความโดย เด็บ ริชาร์ดสัน, Contribution Editor, เร้ดแฮท
คำอธิบายง่าย ๆ ของ edge computing คือการประมวลผลที่เกิดขึ้น ณ ตำแหน่ง หรือใกล้กับตำแหน่งทางกายภาพของผู้ใช้ หรือแหล่งที่มาของข้อมูลที่กำลังประมวลผล เช่น อุปกรณ์หรือเซ็นเซอร์
การวางบริการด้านการประมวลผลต่าง ๆ ไว้ใกล้กับตำแหน่งเหล่านี้ ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากบริการที่รวดเร็วและเชื่อถือได้มากขึ้น และองค์กรจะได้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นและความคล่องตัวของโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ด้วย
ความท้าทายของ Edge computing
เนื่องจากมีการใช้อุปกรณ์และบริการต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่ที่ edge แพร่หลายมากขึ้น ทำให้การบริหารจัดการนอกพื้นที่การทำงานแบบเดิม ๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีการนำแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไปใช้นอกดาต้าเซ็นเตอร์ อุปกรณ์หลากหลายเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณและกระจายไปอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดจนออน-ดีมานด์แอปพลิเคชันและบริการต่าง ๆ ก็ทำงานอยู่บนโลเคชันที่ห่างไกล หลากหลาย และแตกต่างกันอย่างมาก
สภาพแวดล้อมของการใช้งานไอทีที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ ทำให้องค์กรต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ เช่น
- ความท้าทายด้านบุคลากรที่จะต้องมั่นใจได้ว่ามีทักษะในการจัดการกับความต้องการต่าง ๆ ของโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ edge ที่เปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง
- การสร้างความสามารถในการโต้ตอบและตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ ด้วยการใช้มนุษย์ให้น้อยที่สุด แต่ต้องปลอดภัยและเชื่อถือได้มากขึ้น
- ทำให้การทำงานที่ edge สามารถปรับขนาดได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ต้องพิจารณาจำนวนอุปกรณ์และอุปกรณ์ปลายทางที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างไรก็ตามความท้าทายที่ยากจะขจัดได้ดังกล่าวสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้ระบบอัตโนมัติที่ edge (edge automation)
คุณประโยชน์ของ Edge automation
การทำงานต่าง ๆ ที่ edge ได้แบบอัตโนมัติจะช่วยลดความยุ่งยากที่เกิดจากการใช้โครงสร้างพื้นฐานไฮบริดคลาวด์ได้มาก องค์กรจึงสามารถใช้ประโยชน์จาก edge computing ได้มากขึ้น
Edge automation สามารถช่วยองค์กรได้ดังนี้
- เพิ่มความสามารถในการปรับขนาดการทำงาน ด้วยการใช้การกำหนดค่าที่ช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานไอทีทั้งหมดขององค์กรมีความเสถียรมากขึ้น และบริหารจัดการอุปกรณ์ edge ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เพิ่มความคล่องตัว โดยปรับการทำงานให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป และใช้ทรัพยากร edge เท่าที่จำเป็น
- ให้ความสำคัญอย่างมากต่อความปลอดภัยและระบบรักษาความปลอดภัยของการทำงานจากระยะไกล ด้วยการอัปเดต การแพตช์ และการบำรุงรักษาที่จำเป็นแบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องส่งช่างเทคนิคไปที่หน้างาน
- ลดดาวน์ไทม์ จากการบริหารจัดการเครือข่ายที่ง่ายขึ้น และลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยการวิเคราะห์ การตรวจสอบ และการแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติ
ตัวอย่างการใช้ edge automation ในอุตสาหกรรม 7 ประเภท
1. การขนส่ง
ธุรกิจขนส่งสามารถทำให้กระบวนการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เคยทำแบบแมลนวลและมีความซับซ้อนกลายเป็นอัตโนมัติได้ ด้วยการอัปเดทซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ให้กับรถไฟ เครื่องบิน และยานพาหนะขับเคลื่อนอื่น ๆ ซึ่งช่วยลดการทำงานด้วยพนักงานได้อย่างมาก ทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและขจัดความผิดพลาดจากการตั้งค่าต่าง ๆ แบบแมนนวล ช่วยให้ทีมงานสามารถทำงานอื่น ๆ ที่เป็นงานในเชิงกลยุทธ์ สร้างสรรค์นวัตกรรม และมีความสำคัญมากกว่าได้
การติดตั้งและบริหารจัดการอุปกรณ์ได้แบบอัตโนมัติ มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้มากกว่าการทำงานเหล่านี้แบบแมนนวล
2. ค้าปลีก
การก่อตั้งร้านค้าปลีกสักหนึ่งแห่งที่มีระบบการให้บริการแบบดิจิทัลผ่านออนไลน์อาจเป็นเรื่องซับซ้อน ตั้งแต่เรื่องของการจัดการตั้งค่าอุปกรณ์เน็ตเวิร์ก การตรวจสอบการกำหนดค่าต่าง ๆ และตั้งค่าทรัพยากรด้านการประมวลผลทั่วทุกส่วนของร้าน และเมื่อร้านพร้อมเปิดให้บริการ งานด้านไอทีจะเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับความเสถียร ความสม่ำเสมอ และความเชื่อถือได้แทนเรื่องของความเร็วและการปรับขนาด
Edge automation ช่วยให้ร้านค้าปลีกพึ่งพาตัวเองและดูแลอุปกรณ์ใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอมากขึ้น พร้อม ๆ กับช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการตั้งค่าและการอัปเดตแบบแมนนวลลงได้อย่างมาก
3. อุตสาหกรรม 4.0
สำหรับอุตสาหกรรม 4.0 เราเห็นกันอยู่ว่ามีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT), คลาวด์คอมพิวติ้ง, การวิเคราะห์ และปัญญาประดิษฐ์/แมชชีนเลิร์นนิง (AI/ML) มาผสมผสานใช้ในกระบวนการผลิตและการดำเนินงานต่าง ๆ ของภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นโรงกลั่นน้ำมันและก๊าซไปจนถึงโรงงานอัจฉริยะ และระบบซัพพลายเชน
ตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของ edge automation ในอุตสาหกรรม 4.0 คือในส่วนของการผลิตที่ใช้เวอร์ชวลไลเซชัน อัลกอริธึม โดย edge automation สามารถช่วยตรวจจับความบกพร่องต่าง ๆ ของส่วนประกอบที่ผลิตขึ้นบนสายงานด้านการประกอบผลิตภัณฑ์ ทั้งยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการทำงานต่าง ๆ ในโรงงาน ด้วยการระบุและแจ้งเตือนเมื่อเกิดปัจจัยแวดล้อมที่เป็นอันตรายหรือการกระทำใด ๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาต
4. โทรคมนาคม สื่อ และความบันเทิง
Edge automation เป็นประโยชน์อย่างมากต่อผู้ให้บริการ รวมถึงการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เช่น edge automation สามารถเปลี่ยนข้อมูลที่ได้รับจากอุปกรณ์ edge ให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ สามารถนำไปใช้เพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ เช่น การแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อได้แบบอัตโนมัติ
Edge automation ยังช่วยให้ส่งมอบบริการใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ให้บริการสามารถส่งอุปกรณ์ไปยังบ้านหรือสำนักงานของลูกค้า และลูกค้าก็สามารถเสียบปลั๊กใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องมีช่างเทคนิคมาติดตั้งให้ การให้บริการได้แบบอัตโนมัติไม่เพียงช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า แต่ยังสร้างกระบวนการดูแลรักษาเน็ตเวิร์กให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งมีศักยภาพในการลดค่าใช้จ่ายแฝงอยู่ด้วย
5. บริการด้านการเงินและประกันภัย
ลูกค้าของภาคการเงินต้องการบริการและเครื่องมือด้านการเงินที่เฉพาะตัวมากขึ้น และต้องสามารถเข้าใช้งานได้จากทุกที่ รวมถึงจากอุปกรณ์โมบายของลูกค้า
เช่น edge automation สามารถช่วยให้ธนาคารที่ต้องการเปิดตัวเครื่องมือทางการเงินแบบที่ลูกค้าสามารถหาข้อเสนอที่ต้องการได้ด้วยตนเอง (self-service tool) ไม่ว่าจะเป็นแพ็คเกจประกันภัยใหม่ ข้อเสนอในการจดจำนอง หรือบัตรเครดิต สามารถขยายบริการเหล่านี้ได้ในขณะที่ยังคงมาตรฐานความปลอดภัยของอุตสาหกรรมไว้อย่างเข้มงวดโดยอัตโนมัติ และไม่กระทบต่อประสบการณ์ลูกค้า
Edge automation ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้งานได้อย่างรวดเร็วตามต้องการ และมีสิ่งที่ผู้ให้บริการทางการเงินต้องการ นั่นคือ ความเชื่อถือได้และการปรับขยายขนาดการให้บริการได้ตามต้องการ
6. เมืองอัจฉริยะ
เมืองหลายแห่งใช้เทคโนโลยี edge ที่ทันสมัยหลายอย่างผสมผสานกัน เพื่อปรับปรุงการให้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ เช่น ใช้ IoT และ AI/ML เพื่อติดตามและตอบสนองต่อปัญหาต่าง ๆ ที่กระทบต่อความปลอดภัยสาธารณะ ความพึงพอใจของประชาชน และความยั่งยืนของสภาพแวดล้อม
โครงการเมืองอัจฉริยะในช่วงแรก ๆ มีข้อจำกัดด้วยเทคโนโลยีในสมัยนั้น แต่เมื่อเกิด 5G networks (และเทคโนโลยีด้านการสื่อสารใหม่ ๆ ที่กำลังตามมา) ที่ส่งผลให้ไม่เพียงเข้ามาเพิ่มความเร็วของการรับส่งข้อมูล แต่ยังทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ด้วย เมืองอัจฉริยะจึงต้องขยายขีดความสามารถต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจำเป็นต้องทำให้การทำงานที่ edge เป็นไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การติดตามและการแจ้งเตือน
7. ภาคสาธารณสุข
ภาคสาธารณสุขได้เริ่มเปลี่ยนจากการให้บริการภายในโรงพยาบาลไปสู่ทางเลือกในการให้บริการทางไกลมานานแล้ว เช่น ศูนย์ผู้ป่วยนอก, คลินิก และห้องฉุกเฉินอิสระ (freestanding emergency rooms) และได้มีการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้อย่างแพร่หลายต่อเนื่อง เพื่อให้การสนับสนุนสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ เหล่านี้ นอกจากนี้ข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ ที่หลากหลาย ยังช่วยให้การตัดสินใจด้านการรักษาพยาบาลมีประสิทธิภาพและเฉพาะเจาะจงกับผู้รับบริการแต่ละรายมากขึ้น
การใช้ระบบอัตโนมัติ, edge computing และการวิเคราะห์ข้อมูล ช่วยให้แพทย์ผู้ทำการรักษาสามารถแปลงข้อมูลใหม่จำนวนมากมายเหล่านี้ ให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ทรงคุณค่า เพื่อช่วยให้การรักษาผู้ป่วยมีผลลัพธ์ดีขึ้น และมอบคุณประโยชน์ด้านการเงินและการดำเนินงานไปพร้อม ๆ กัน
Red Hat Edge
แพลตฟอร์มประมวลผลอันทันสมัยที่ขับเคลื่อนโดย Red Hat Edge สามารถช่วยองค์กรขยาย การใช้โอเพ่นไฮบริดคลาวด์ไปยัง edge ได้ Red Hat Edge แสดงให้เห็นถึงแรงผลักดันร่วมกันของ เร้ดแฮทในการรวม edge computing ไว้ในโอเพ่นไฮบริดคลาวด์ ระบบนิเวศของพันธมิตรที่มีขนาดใหญ่และกำลังขยายตัวตลอดจนวิธีการทำงานแบบโอเพ่นของเร้ดแฮท ทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นที่จำเป็นต่อการสร้างแพลตฟอร์มที่สามารถตอบสนองต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสร้างข้อเสนอที่โดดเด่นให้กับลูกค้า
Red Hat Edge ประกอบด้วยพอร์ตโฟลิโอของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สระดับองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น Red Hat Enterprise Linux, Red Hat Ansible Automation Platform และอื่น ๆ สามารถช่วยให้ลูกค้าใช้แนวทางรักษาความปลอดภัยแบบเลเยอร์สำหรับบริหารจัดการความเสี่ยงทั้งในองค์กร, ในคลาวด์และที่ edge ให้ดีขึ้น
ลูกค้าสามารถใช้พอร์ตโฟลิโอแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์ส และระบบนิเวศพันธมิตรที่ครอบคลุมของเร้ดแฮท เพื่อทำให้เกิดโซลูชันที่ยืดหยุ่นสำหรับ
- การมอบโครงสร้างพื้นอันทันสมัยที่เน้นความปลอดภัยและปรับขนาดได้มากขึ้น ตั้งแต่ edge ไปสู่แกนกลางจนถึงระบบคลาวด์
- การใช้ edge computing แก้ไขปัญหาต่าง ๆ และส่งเสริมกรณีการใช้งานที่เป็นนวัตกรรม
- หลีกเลี่ยงการถูกล็อกอินจากผู้ขายเทคโนโลยี และสร้างแพลตฟอร์มที่ยั่งยืนมากขึ้น
- การสร้างแพลตฟอร์ม edge ที่คล่องตัว ที่สามารถปรับใช้เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
- การปรับเปลี่ยนตามสภาวะตลาด และสร้างความโดดเด่นในการแข่งขัน