Content Delivery Network หรือ CDN คือระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ของเครื่องเซิฟเวอร์จำนวนมหาศาลที่กระจายตัวอยู่ตามภูมิภาคต่างๆทั่วโลก เซิฟเวอร์เหล่านี้จะเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อทำหน้าที่ในการส่งข้อมูลให้ไปถึงผู้รับปลายทางให้เร็วที่สุด รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้น (Availability) ได้ตลอดเวลา
ข้อมูลหรือ Content บนอินเทอร์เน็ตที่ส่งผ่าน CDN ได้นั้นมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ข้อความ รูปภาพ ไฟล์เอกสาร ซอฟต์แวร์ และไฟล์มัลติมีเดียประเภทต่างๆ เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้จะถูกคัดลอก (Caching) ไปเก็บไว้บนเครื่องเซิฟเวอร์ที่กระจายตัวอยู่บริเวณเครื่องปลายทาง หรือที่เรียกว่า “Edges” of the Internet เมื่อมีการร้องขอข้อมูล เซิฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุดจะเป็นคนตอบรับคำร้องขอเหล่านั้นแทนเครื่องเซิฟเวอร์ต้นทางที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งสามารถร่นระยะเวลาในการส่งข้อมูลให้เร็วขึ้นกว่าเดิมโดยเฉลี่ยแล้วมากกว่า 50%
ปัญหาของ CDN ในยุคปัจจุบัน
การพัฒนาของระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเทคโนโลยี 4G ส่งผลให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเริ่มมีความต้องการข้อมูลประเภทมัลติมีเดียมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพขนาดใหญ่ความละเอียดสูง ข้อมูลเสียง วิดีโอระดับ HD เหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อความเร็วในการแสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ นอกจากนี้ เว็บไซต์แบบไดนามิคที่มีแนวคิดในการแสดงผลอันหลากหลาย ทำให้ไม่สามารถทำ Caching ได้ ก็เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เหล่านี้นับว่าเป็นปัญหาที่ CDN ในยุคปัจจุบันต้องปรับตัวตาม
อีกประเด็นสำคัญที่ท้าทายความสามารถของ CDN คือ การใช้งานอุปกรณ์โมบายล์ เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่นับวันจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นจนแทบจะกลายเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการเชื่อมต่อโลกอินเทอร์เน็ต การส่งข้อมูลโดยไม่ปรับแต่งรูปแบบให้เหมาะสมกับอุปกรณ์โมบายล์เหล่านี้ส่งผลให้สูญเสียแบนด์วิทด์ไปโดยเปล่าประโยชน์
Akamai ผู้ให้บริการระบบ CDN แบบ Next-generation ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและการใช้งานที่เปลี่ยนไป Akamai ได้นำพัฒนาระบบ CDN แบบ Next-generation ซึ่งอาศัยเทคนิคต่างๆในการส่งข้อมูลบนเว็บไซต์แบบไดนามิคที่ไม่สามารถทำ Caching ได้อย่างรวดเร็ว เช่น Route Optimization, TCP Connection Optimization และ Pre-fetching เป็นต้น นอกจากนี้ยังให้บริการ CDN Security สำหรับป้องกันภัยคุกคามรูปแบบต่างๆที่อาจพุ่งเป้ามายังเว็บไซต์อันแสนสำคัญขององค์กร รวมทั้งสามารถป้องกันการโจมตี DDoS ขนาดใหญ่เกินกว่า 320 Gbps ได้อีกด้วย
Akamai เป็นผู้ให้บริการระบบ CDN ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนเซิฟเวอร์มากกว่า 280,000 เครื่องกระจายตัวอยู่กว่า 100 ประเทศทั่วโลก และในไทยเองก็มีเซิฟเวอร์ติดตั้งอยู่ตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศไม่เฉพาะแค่ในกรุงเทพฯ เท่านั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผู้ใช้ในประเทศไทยสามารถใช้บริการระบบ CDN แบบ Next-genration ของ Akamai ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตอบรับแนวคิด “Fast, Reliable, and Security”
ประโยชน์จากการใช้ CDN
CDN ก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการแก่ผู้ใช้บริการเว็บไซต์ เจ้าของ Content และแอพพลิเคชัน รวมไปถึงผู้ให้บริการเครือข่ายหรือ ISP
- ผู้ใช้บริการเว็บไซต์: CDN ช่วยให้ผู้ใช้บริการเว็บไซต์และเว็บแอพพลิเคชันสามารถโหลดข้อมูลมาแสดงผลและทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆ ได้รวดเร็วกว่าการไม่ใช้ CDN
- เจ้าของ Content: เว็บไซต์ E-commerce, ผู้ให้บริการสื่อออนไลน์ และผู้ให้บริการระบบคลาวด์ สามารถใช้ CDN สำหรับนำเสนอประสบการณ์การใช้บริการอันแสนยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่ลูกค้าอยู่ต่างประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา และการการันตีความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น ป้องกันการโจมตีแบบ DDoS เป็นต้น เหล่านี้ก่อให้เกิด Brand Loyalty อันแข็งแกร่งในระยะยาว
- ISP: ด้วยอัตราการใช้งาน Online Streaming และ Video on Demand ที่เติบโตสูงขึ้น CDN เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับชมให้เหมาะสมต่ออุปกรณ์หลากหลายประเภท เช่น โน๊ตบุ๊ค สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต รวมไปถึงช่วยลดปริมาณทราฟฟิคที่เกิดขึ้นบนระบบเครือข่ายและเซิฟเวอร์หลักโดยการกระจาย Content ไปเก็บไว้ยังระบบ CDN นอกจากนี้ ISP ยังสามารถนำ CDN ไปจัดทำเป็นโซลูชันร่วมเพื่อนำเสนอขายต่อองค์กรขนาดใหญ่และเจ้าของ Content ได้
3 บริการหลักของ Akamai Next-generation CDN
Akamai ให้บริการ CDN แบบครบวงจรสำหรับบริษัทขนาดเล็ก จนไปถึงองค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ประกอบด้วย
บริการสำหรับส่งวิดีโอไปยังเครื่องปลายทางทั้งแบบ Video on Demand (VOD) Streaming และ Live Streaming ซึ่งสามารถปรับแต่งขนาดของวิดีโอให้เหมาะสมกับแบนด์วิทด์ของเครือข่ายและอุปกรณ์ปลายทางได้โดยอัตโนมัติ รวมทั้งช่วยจัดการ Workflow ของการเผยแพร่วิดีโอให้ง่ายยิ่งขึ้น เช่น VOD Streaming เพียงแค่อัพโหลดไฟล์วิดีโอความละเอียดสูงสุดขึ้น Akamai ระบบ Media Delivery จะทำการ Transcode และ Packaging เป็นหลากหลายรูปแบบสำหรับแต่ละเงื่อนไขของแบนด์วิทด์และประเภทของอุปกรณ์โดยทันที
ข้อมูลวิดีโอเหล่านี้จะถูกทำ Caching เก็บไว้ใน CDN เพื่อช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องเซิฟเวอร์หลัก ลดแบนด์วิทด์ และช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถโหลดวิดีโอให้แสดงผลได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย หนึ่งในตัวอย่างการให้บริการที่ใหญ่ที่สุดคือ การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกปี 2014 ที่บราซิล ระบบ CDN ของ Akamai ต้องรองรับแบนด์วิทธ์ของวิดีโอสูงสุดถึง 6.9 Tbps และกระจายสัญญาณวิดีโอไปยังผู้ชมกว่า 5,000,000 คนจาก 80+ ประเทศทั่วโลก
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.akamai.com/us/en/solutions/products/media-delivery/
บริการสำหรับเร่งความเร็วในการส่งข้อมูลและ Content บนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ ซอฟต์แวร์ ไฟล์เอกสาร และอื่นๆ ไปยังเครื่องปลายทางที่กระจายอยู่ทั่วโลกโดยอาศัยเทคนิคต่างๆ เช่น
- Edge Caching และ Dynamic Page Caching: การทำ Caching สำหรับข้อมูลทั่วไปและข้อมูลแบบไดนามิค
- Route Optimization: การเลือกเส้นทางที่สั้นและใช้เวลาน้อยที่สุดในการส่งข้อมูลไปยังเครื่องปลายทาง
- Pre-fetching: การดึงข้อมูลหรือ Content มาล่วงหน้าเพื่อเพิ่มความเร็วในการแสดงบนผลเว็บไซต์
- Compression และ Optimization: บีบอัดข้อมูลและปรับแต่งโปรโตคอลเพื่อให้สามารถส่งข้อมูลได้เร็วมากยิ่งขึ้น
นอกจากเทคนิคการเพิ่มความเร็วแล้ว บริการ Web Performance ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงเว็บไซต์ โดยการันตี Availability ของระบบ CDN ที่ 100% หมายความว่า กรณีที่เซิฟเวอร์ต้นทางทำงานได้ตามปกติ ผู้ใช้บริการจะเข้าถึงเว็บไซต์ได้อย่างแน่นอน
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.akamai.com/us/en/solutions/products/web-performance/
Cloud Security ของ Akamai แบ่งออกเป็น 2 ระบบหลักสำหรับป้องกันเว็บไซต์และ Data Center คือ Multi-layered Web Security และ DDoS Protection
- Multi-layered Web Security: ปกป้องเว็บแอพพลิเคชันจากภัยคุกคามและการโจมตีรูปแบบต่างๆบนโลกไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น SQL Injection, Cross-Site Scripting, CSRF และการโจมตีรูปแบบอื่นๆบน OWASP Top 10 ซึ่งนโยบายรักษาความปลอดภัยถูกควบคุมโดยทีมนักวิจัยด้านความปลอดภัยกว่า 1,500 คน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ผู้ใช้บริการจะได้นโยบายสำหรับป้องกันเว็บไซต์ที่เหมาะสมและแข็งแกร่งเพียงพอสำหรับต่อกรกับอาชญากรรมบนโลกออนไลน์
- DDoS Protection: ด้วยระบบ CDN ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ช่วยให้ Akamai สามารถรับมือกับการโจมตีแบบ DDoS ได้อย่างไร้กังวล โดยสามารถป้องกัน DDoS ที่มีขนาดใหญ่กว่า 320 Gbps โดยที่ระบบยังคงสามารถทำงานได้อย่างปกติ นับว่า DDoS Protection เป็นหน้าด่านสำคัญในการปกป้องเว็บไซต์จากการถูกถล่มโดยผู้ไม่ประสงค์ดีที่แฝงตัวอยู่ในโลกไซเบอร์อย่างแท้จริง
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.akamai.com/us/en/solutions/products/cloud-security/
จับมือกับ WIT พร้อมให้บริการทุกโซลูชันในประเทศไทย
Akamai ได้จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับ บริษัท เวิลด์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (WIT) ผู้มีประสบการณ์ในการติดตั้งและวางระบบ IT Infrastructure มานานกว่า 27 ปี เพื่อให้มั่นใจได้ว่า สามารถส่งมอบบริการ CDN และโซลูชันด้านความปลอดภัยทั้ง 3 รายการให้แก่ผู้ใช้ในประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคืนผลกำไรได้อย่างรวดเร็ว
จนถึงวันนี้ Akamai ได้ให้บริการ CDN แบบ Next-generation แก่องค์กรที่มีชื่อเสียงทั่วโลกมากกว่า 1,000 ราย เช่น Standard Chartered, Cathay Pacific, KKBOX, Adobe และ IBM ซึ่งในไทยเอง ด้วยความสนับสนุนจาก WIT ก็ได้ให้บริการแก่บริษัทชั้นนำทั่วประเทศมากกว่า 10 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ ธนาคารกรุงเทพฯ ที่เลือกใช้โซลูชัน Web Performance เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์และระบบ Internet Banking อันแสนยอดเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้บริการ
พร้อมเสนอโปรโมชันทั้งแบบรายเดือนและแบบ Pay-as-you-go
อัตราค่าบริการของ Akamai แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบรายเดือนและแบบ Pay-as-you-go
- รายเดือน: คิดค่าบริการตามจำนวน Byte ขั้นต่ำ ยิ่งใช้บริการมาก อัตราค่าบริการยิ่งถูกลง หรือสามารถเลือกคิดค่าบริการแบบอัตราก้าวหน้าได้ในกรณีที่ไม่สามารถจำนวน Byte ขั้นต่ำได้แน่ชัด เหมาะสำหรับผู้ใช้บริการปกติ หรือใช้บริการเป็นจำนวนมาก
- Pay-as-you-go: คิดค่าบริการตามจำนวน Byte จริงโดยไม่มีเงื่อนไขขั้นต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้บริการน้อย
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานสัมมนาของ Akamai จัดโดย WIT ได้ฟรี
WIT ร่วมกับ Akamai เชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาภายใต้หัวข้อ “Solution Workshop for eCommerce: Speed up your sites” ที่จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2016 เวลา 14.00 – 17.00 น. ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมได้ที่นี่
* เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านสถานที่ ทีมงาน WIT และ Akamai ขอสงวนสิทธิ์ในการคัดเลือกบุคคลที่เข้าร่วมงานสัมมนา และจะแจ้งยืนยันสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานผ่านทางอีเมลภายในวันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2015