
สเปกฉบับร่างของมาตรฐาน Wi-Fi 7 หรือ IEEE 802.11be เริ่มพัฒนามานานหลายปีแล้ว และเริ่มมีผลิตภัณฑ์ที่อิงตามมาตรฐานดังกล่าวออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงปี 2023 ที่ผ่านมา ล่าสุดสเปกฉบับสมบูรณ์ถูกพัฒนาจนเสร็จเรียบร้อย และกลุ่ม Wi-Fi Alliance ก็พร้อมออกตราสัญลักษณ์ Wi-Fi 7 Certified เพื่อรับรองอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานดังกล่าวแล้ว
Wi-Fi 7 เป็นมาตรฐานด้าน Wireless LAN ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Wi-Fi 6/6E โดยใช้งานบนย่านความถี่ทั้ง 2.4, 5 และ 6 GHz มีการเพิ่มและปรับแต่งฟีเจอร์มากมายเพื่อเพิ่ม Throughput ลด Latency และเพิ่มความเสถียรในการใช้งาน ซึ่งช่วยยกระดับสมรรถนะการเชื่อมต่อไร้สายไปอีกขั้น ตัวอย่าง Use Case ใหม่ ได้แก่ Multi-user AR/VR/XR, Immersive 3-D Training, Electronic Gaming, Hybrid Work, Industrial IoT และ Automotive
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจบนมาตรฐาน Wi-Fi 7 มีดังนี้
- 320 MHz Channel – ขยายขนาดช่องสัญญาณเพิ่มขึ้นจากมาตรฐานเดิม 2 เท่า (160 MHz)
- Multi-Link Operation (MLO) – ช่วยให้อุปกรณ์สามารถรับส่งข้อมูลได้หลายๆ ลิงก์พร้อมกัน ช่วยเพิ่ม Throughput ลด Latency และเพิ่มความเสถียรในการใช้งาน
- 4K QAM – เพิ่มอัตราการส่งข้อมูลได้สูงกว่าเทคนิคเดิม (1024 QAM) ถึง 20%
- 512 Compressed Block-ack – ยกระดับประสิทธิภาพในการใช้งานและลด Overhead
- Multiple RUs to a Single STA – เพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดสรรทรัพยากรและประสิทธิภาพของช่วงคลื่นความถี่ที่ใช้รับส่งข้อมูล
- Emergency Preparedness Communication Services (EPCS) – มอบประสบการณ์บริการ National Security & Emergency Preparedness (NSEP) แบบไร้รอยต่อให้แก่ผู้ใช้ ในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพการให้บริการ Wi-Fi
- ปรับปรุง Triggered Uplink Access บนมาตรฐาน Wi-Fi 6 ให้ดียิ่งขึ้น

คาดว่าจะเริ่มมีผลิตภัณฑ์จากหลากหลาย Vendor ที่ผ่านการรับรอง Wi-Fi 7 Certified ให้เห็นในตลาดเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
ที่มา: https://www.wi-fi.org/news-events/newsroom/wi-fi-alliance-introduces-wi-fi-certified-7