หลังจากที่เมื่อต้นสัปดาห์มีข่าวว่า ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) กว่า 65% ของกรุงวอชิงตันถูก Ransomware เข้าโจมตี ส่งผลให้ไม่สามารถบันทึกภาพได้เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงไม่กี่วันก่อนที่ Donald Trump จะเข้าพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันนี้ทางหน่วยงาน National Crime Agency (NCA) แห่งสหราชอาณาจักรออกมาประกาศจับตัวผู้ต้องสงสัย 2 รายได้เป็นที่เรียบร้อย
เจ้าหน้าที่ NCA ได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยแฮ็คระบบเครือข่าย CCTV ของกรุงวอชิงตัวและติดตั้ง Ransomware เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ CCTV 123 จาก 187 เครื่องหยุดทำงาน โดยจับกุมได้ที่เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 คนเป็นชายชาวสหราชอาณาจักรและหญิงชาวสวีเดนอายุประมาณ 50 ปี ซึ่งทาง NCA ได้ดำเนินการจับกุมตามคำร้องขอของรัฐบาลสหรัฐฯ
เหตุการณ์แฮ็คระบบกล้อง CCTV และแพร่กระจาย Ransomware เข้าไปจนกล้องหยุดทำงานนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 – 15 มกราคม ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่ Donald Trump จะเข้าพิธีสาบานตนเพื่อรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ในวันที่ 20 มกราคม การโจมตีครั้งนี้ทำให้หน่วยรักษาความมั่นคงปลอดภัยของสหรัฐฯ เกิดความแตกตื่น เนื่องจากกลัวว่าจะมีการก่อการร้ายเกิดขึ้นตามมาขณะที่กล้องไม่สามารถใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม ทีมงาน IT ได้จัดการลบซอฟต์แวร์ทิ้งแล้วลงใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว และกล้อง CCTV ทุกเครื่องสามารถกลับมาใช้ทำงานได้เป็นปกติในวันที่ Donal Trump รับตำแหน่งประธานาธิบดี
ทั้งนี้ หน่วยพิสูจน์หลักฐานที่เข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว เช่น Secret Service และ FBI ออกมาระบุว่า พบ Ransomware ถึง 2 ประเภทที่เข้าโจมตีระบบเครือข่าย CCTV และทางเจ้าหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าไถ่แต่อย่างใด