CDIC 2023

[รีวิว] Synology SSD Cache: เพิ่มความเร็ว NAS ให้ทำงานเอนกประสงค์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างง่ายดาย

สำหรับธุรกิจองค์กรที่มีการใช้งาน Synology อย่างจริงจังทั้งในฐานะของ NAS Storage และ Application Server เอนกประสงค์ แนวทางหนึ่งที่จะสามารถช่วยให้อุปกรณ์ Synology NAS ทำงานได้อย่างรวดเร็วและรองรับงานได้อย่างหลากหลายมากขึ้นนั้น ก็คือการเพิ่ม SSD Cache เข้าไปเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Random I/O ทั้งในการแชร์ไฟล์และการเรียกใช้งาน Application ต่างๆ นั่นเอง

ในบทความนี้ทีมงาน TechTalkThai จะขอรีวิวการใช้งาน SSD Cache ใน Synology DS1621+ ร่วมกับ Synology SNV3400-400G ซึ่งเป็น M.2 NVMe SSD ให้ทุกท่านให้เห็นถึงประโยชน์ของการใช้งานจริงกันครับ

SSD Cache ใน Synology มีประโยชน์อย่างไร? เหมาะกับงานแบบไหน?

หากใครคุ้นเคยกับระบบ Enterprise Storage ในรูปแบบ Hybrid Storage กันอยู่แล้ว ก็คงคุ้นชินกับการที่เรานำ RAM หรือ SSD มาใช้เสริมเป็น Cache ให้กับระบบ Storage เพื่อเพิ่มความเร็วในการใช้งาน I/O ในรูปแบบที่เราทำการตั้งค่าเอาไว้ อย่างเช่นเพิ่มความเร็วเฉพาะการอ่านข้อมูล, เพิ่มความเร็วทั้งการอ่านและเขียนข้อมูล, ไปจนถึงการเพิ่มความเร็วให้กับเฉพาะ Random I/O ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าอุปกรณ์ที่เราใช้งานอยู่นั้นรองรับความสามารถเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน ยกเว้นว่าใครที่ใช้ All Flash Storage ก็อาจไม่เจอความสามารถเหล่านี้กันแล้ว

สำหรับ Synology ที่รูปแบบการใช้งานส่วนใหญ่นั้นยังคงเป็นการใช้งาน Hard Disk Drive (HDD) จำนวนมากเพื่อให้มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลปริมาณมากที่ถูกปกป้องด้วย RAID เพื่อใช้ในการทำหน้าที่เป็น NAS Storage สำหรับการทำ File Sharing, iSCSI SAN, Backup Server หรือแม้แต่ Application Server อื่นๆ สำหรับธุรกิจองค์กร ไม่ว่าจะเป็น VPN Server, Web Server, Proxy Server, VM Hypervisor, Docker Server, Document Viewer, Chat Server, Calendar Server, CCTV Storage หรืออื่นๆ ก็ตาม การใช้งาน SSD Cache นี้ก็จะช่วยเพิ่มความเร็วให้กับการทำงานทั้งหมดเหล่านี้ได้ทันทีอย่างง่ายดาย

ติดตั้งใช้งานได้ง่าย แค่ใส่ SSD เพิ่มเข้าไป แล้วไปตั้งค่าเพิ่ม SSD Cache ใน Volume ที่ต้องการ

สำหรับขั้นตอนการติดตั้งใช้งาน SSD นั้นก็ตรงไปตรงมา โดยทั่วไปแล้ว Synology มีทางเลือกให้ติดตั้ง SSD Cache ด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่

  1. ใช้ 2.5″ SSD ติดตั้งลงไปในช่อง Drive Tray ปกติ เป็นวิธีการที่รองรับใน Synology DS หลายรุ่นมากที่สุด แต่ก็มีข้อเสียคือต้องเสียช่องติดตั้ง Drive นั้นๆ ไปเลย
  2. ใช้ M.2 SSD ติดตั้งใน Built-in M.2 SSD Slot ในตัวเครื่อง เป็นวิธีที่ทำได้ใน Synology DS บางรุ่นเท่านั้น มีข้อดีคือเรายังจะใช้ Drive Tray ด้านหน้าได้อย่างเต็มที่อยู่
  3. ใช้ M.2 SSD ติดตั้งใน M.2 SSD Adapter Card เป็นวิธีที่รองรับใน Synology รุ่นที่สามารถเสริม Adatper Card ได้เท่านั้น ซึ่งก็มีหลายรุ่นที่รองรับได้ แต่ก็ต้องซื้อ Adapter Card มาเพิ่มด้วย

ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ SSD มาทำ SSD Cache นั้น ก็ต้องตรวจสอบรุ่นที่รองรับและวิธีการที่สามารถใช้ก่อนที่ https://kb.synology.com/th-th/DSM/tutorial/Which_Synology_NAS_models_support_SSD_cache นะครับ

ทั้งนี้ในการทดสอบของทีมงาน TechTalkThai เราใช้ Synology DS1621+ และ Synology SNV3400-400G ที่ทาง Synology ให้มาทดสอบ ซึ่งขั้นตอนนั้นก็ง่ายมากๆ ดังนี้

  1. Shutdown ปิดเครื่อง Synology ก่อน
  2. ดึง Drive Tray ทั้งหมดออกมา
  3. ตรงด้านซ้ายข้างในเครื่อง จะมีช่อง Built-in M.2 SSD Slot อยู่ ก็จัดการติดตั้ง Synology SNV3400-400G เข้าไปได้เลย
  4. ติดตั้ง Drive Tray ทั้งหมดกลับเข้าไป แล้วเปิดเครื่อง
  5. เข้าไปทำการตั้งค่า SSD Cache ใน Storage Manager บนหน้าจอบริหารจัดการของ Synology DSM

โดยในการตั้งค่าต่างๆ นั้น Parameter ที่ควรรู้จักก่อนเลือกตั้งค่าต่างๆ จะมีดังนี้

  • Read-only Cache เป็นการ Cache ข้อมูลที่มีการอ่านบ่อยๆ เท่านั้น เพื่อให้การอ่านข้อมูลมีความเร็วมากยิ่งขึ้น และจะไม่เกิดการสูญเสียข้อมูลแต่อย่างใดหากเกิดเหตุไฟดับขึ้น สามารถทำได้ตั้งแต่ SSD 1 ชุดเป็นต้นไป (ประเภท Cache RAID เป็น RAID 0)
  • Read-write cache เป็นการ Cache ข้อมูลทั้งในส่วนของการอ่านและการเขียน เพื่อให้ I/O โดยรวมทั้งหมดมีความเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ต้องใช้ SSD ตั้งแต่ 2 ชุดขึ้นไปทำ RAID (ประเภท Cache RAID 1, RAID 5 หรือ RAID 6) หรือ Fault Tolerant วิธีการอื่นๆ ร่วมกัน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดกรณีข้อมูลสูญหาย
  • Pin all Btrfs metadata to SSD cache ในกรณีที่สร้าง Volume แบบ Btrfs เราจะสามารถเลือกนำ Metadata มาวางบน SSD Cache เพื่อให้มีความเร็วในการทำงานที่สูงขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ต้องการเข้าถึงไฟล์ขนาดเล็กจำนวนมาก รวมถึงการใช้งาน Application อื่นๆ อย่างเช่น Active Backup, Hyper Backup และการทำ Snapshot (Snapshot Replication)
  • Skip sequential I/O สำหรับกรณีที่การใช้งานไฟล์ส่วนใหญ่นั้นเป็นไฟล์ขนาดใหญ่อย่างเช่นวิดีโอ ที่ Synology สามารถทำประสิทธิภาพได้ดีด้วยการทำ RAID อยู่แล้ว เราก็สามารถเลือก Skip การ Cache ข้อมูลเหล่านี้ได้ เพื่อให้เหลือพื้นที่บน Cache สำหรับไปเพิ่มประสิทธิภาพในส่วนอื่นๆ แทนได้เช่นกัน
  • Enable Automatic Protection Mechanism only when the SSD read-write cache is not protected by redundancy เราสามารถเลือกตั้งค่าการใช้ Automatic Protection Mechanism เมื่อ SSD Read-write cache ไม่ได้ถูกปกป้องด้วยการทำ Redundancy เช่น RAID ได้ เพื่อให้ในยามปกติที่ระบบไม่ได้มีปัญหาอะไร ระบบจะได้สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การตั้งค่าทั้งหมดนี้สามารถทำได้ผ่านหน้า Synology DSM ในแบบ UI เลือกติ๊กค่าที่ต้องการได้ง่ายๆ ทันที โดยเมื่อทำการตั้งค่าเสร็จหมดแล้ว Volume ที่เราเลือกเอาไว้ก็จะมี SSD Cache ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ทันที และสามารถตรวจสอบการทำงานของ Cache ได้ที่ Storage Manager ในส่วนของ Storage Pool และ Volume ที่เราสร้างเอาไว้ได้เลย

สำหรับคู่มือของการทำ SSD Cache สามารถศึกษาได้ที่ https://kb.synology.com/th-th/DSM/help/DSM/StorageManager/genericssdcache?version=7

อัปเดตเป็น DSM 7 รุ่นล่าสุด เพื่อให้ SSD Cache ทำงานได้ดีขึ้น พร้อมใช้ความสามารถใหม่ๆ มากมายบน Synology

ในการตั้งค่า SSD Cache นั้น Synology DSM 6 และ DSM 7 นั้นจะสามารถตั้งค่าได้ต่างกันเล็กน้อย ซึ่งจากการทดสอบใช้งานจริงมา ทีมงาน TechTalkThai ขอแนะนำให้อัปเกรดมาใช้ DSM 7 รุ่นล่าสุดเนื่องจาก SSD Cache จะทำงานได้ดียิ่งขึ้น และสามารถทำการปรับแต่งการตั้งค่าให้เป็นแบบล่าสุด ซึ่งซับซ้อนน้อยลงได้

แต่สำหรับใครที่เคยใช้ SSD Cache อยู่แล้วตั้งแต่ DSM 6 ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะในการอัปเกรดมาใช้ DSM 7 นี้สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการตั้งค่าของ Volume เดิม โดยเมื่อทำการอัปเกรดเป็น DSM 7 เสร็จแล้ว เราจะสามารถเข้าไป Remove SSD Cache ได้ที่ Storage Manager ก่อนจะทำการ Create SSD Cache กลับเข้าไปใหม่ เพื่อให้เราสามารถใช้ความสามารถ SSD Cache ล่าสุดใน DSM 7 ได้เมื่อเราพร้อม

ข้อต้องรู้ก่อนติดตั้ง SSD Cache

  1. ควรเลือกใช้ Synology SSD ในการทำ Cache เพราะปกติ SSD ที่จะนำมาทำ Cache นี้ควรจะต้องมีความทนทานที่สูง ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากค่า Drive Writes per Day (DWPD) ที่ระบุถึงปริมาณข้อมูลที่เขียนได้สูงสุดต่อวันในระยะเวลาประกัน ซึ่ง Synology SSD นั้นจะมีค่าเหล่านี้สูงถึง 1.3 DWPD ซึ่งก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้ในการทำ SSD Cache แล้ว ในขณะที่ยังมีประเด็นด้าน IOPS และ Latency ที่ต้องเสถียรตลอดการใช้งาน รวมถึงยังต้องทนทานต่อกรณีไฟฟ้าดับแล้วข้อมูลไม่สูญหาย พร้อมเปิดใช้งานได้ตลอด 24/7 ลองศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนนี้ได้ที่ https://kb.synology.com/th-th/DSM/tutorial/What_are_Some_Considerations_for_Creating_SSD_Cache#kOUq86pq1k
  2. สามารถตรวจสอบรุ่นที่รองรับและวิธีการทำ SSD Cache สำหรับแต่ละรุ่นได้ที่ https://kb.synology.com/th-th/DSM/tutorial/Which_Synology_NAS_models_support_SSD_cache
  3. ในการทำ SSD Cache นั้นจะใช้ Memory บางส่วนของ Synology DS ร่วมด้วย โดยในการทำ Read-only cache และ Read-write cache จะมีการใช้ Memory ไม่เท่ากัน ซึ่งสำหรับระบบที่มี RAM ขนาดใหญ่ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะจริงๆ ก็ไม่ได้ใช้ RAM เยอะมากนัก และใน DSM 7 จะช่วยประเมินมาให้เลยว่าจะต้องใช้พื้นที่เท่าใดตั้งแต่ตอนสร้าง SSD Cache แล้ว สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://blog.synology.com/xmas-wishlist-optimizing-your-nas-with-ssd-cache
  4. การตั้งค่า Pin all Btrfs metadata to SSD cache จะใช้พื้นที่บน SSD Cache ถึงระดับหลาย GB ในแบบคงที่ตลอด แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อพื้นที่ของ SSD Cache ที่มีหลักหลายร้อย GB ให้ใช้งานนัก

SSD Cache เหมาะกับใคร?

สำหรับผู้ที่ใช้งาน Synology NAS ในแบบทั่วๆ ไปตามบ้านหรือบริษัทในฐานะของ File Sharing Storage ที่ไม่ได้ใช้งานตลอดเวลา SSD Cache ก็อาจไม่จำเป็น แต่สำหรับกรณีที่เราใช้งานจริงจังเช่นมีการอัปโหลดไฟลจำนวนมากเข้าไปอย่างต่อเนื่อง, ต้องเข้าถึงไฟล์ทั้งหมดเพื่อทำการตัดต่อแก้ไขอยู่ตลอดเวลา หรือเปิดใช้งาน Application บน Synology NAS จำนวนมากเพื่อใช้ในการทำธุรกิจ การเสริม SSD Cache ก็เป็นทางเลือกที่เราแนะนำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบโดยรวมได้ โดยอาจเริ่มต้นจากการซื้อ SSD ชุดเดียวมาทำ Read-only cache ก่อนสำหรับการใช้งานทั่วไป แล้วค่อยซื้อมาอัปเกรดเพิ่มในภายหลังเป็น Read-write cache หรือทำ RAID เพื่อเพิ่มความเร็วและความทนทานให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกก็ได้

ติดต่อ Synology ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันของ Synology สามารถติดต่อทีมงาน Synology ได้ที่ https://sy.to/1kvgx
หรือตัวแทนจำหน่าย https://sy.to/shpvb


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

True IDC ได้รับ AWS Migration Competency ตอกย้ำความเชี่ยวชาญใน Cloud Migration เป็นรายแรกในประเทศไทย

True IDC ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์และบริการคลาวด์ชั้นนำ ได้ประกาศความสำเร็จล่าสุดของการให้บริการ AWS ด้วย AWS Migration Competency โดยการรับรองนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการนำเสนอโซลูชันและความเชี่ยวชาญด้านการโอนย้ายระบบคลาวด์ที่โดดเด่นแก่ลูกค้าองค์กร

วีเอ็มแวร์มอบรางวัล Excellence Awards แก่ลูกค้าในภูมิภาคเอเชีย [Guest Post]

บริษัท วีเอ็มแวร์ อิงค์ ผู้นำด้านนวัตกรรมซอฟต์แวร์ระดับองค์กร ประกาศผู้ชนะรางวัล Customer Achievement Awards อันทรงเกียรติ รางวัลเหล่านี้ยกย่องบริษัทที่ได้แสดงให้เห็นถึงการสร้างนวัตกรรมที่โดดเด่นและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ประโยชน์จากบริการและเทคโนโลยีของ VMware ลูกค้าของวีเอ็มแวร์ทำหน้าที่เป็นตัวเร่งให้เกิดนวัตกรรมและวิวัฒนาการทางธุรกิจภายในภูมิทัศน์แบบไดนามิกของสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์ ที่งาน VMware Explore …