สรุปไฮไลท์งานสัมมนา DailiTech ประจำปี 2025 ภายใต้ธีม Introduction to AWS Thailand Region & AWS re:Invent re:Cap 2024

กลับมาอีกครั้ง สำหรับงานสัมมนา DailiTech ประจำปี 2025 ภายใต้ธีม Introduction to Thailand Region & AWS re:Invent re:Cap 2024 ร่วมกันอัปเดตความรู้ทางเทคโนโลยีล่าสุดและฟีเจอร์ที่ประกาศเปิดตัวล่าสุดในงาน AWS re:Invent ที่ลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา

ประเด็นสำคัญภายในงานสัมมนา DailiTech ประจำปี 2025

  • ช่วงเช้ามาในธีม การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ AWS Thailand Region มีบริการอะไรพร้อมให้ใช้งานตั้งแต่ Day One บ้าง
  • ช่วงบ่ายมาในธีม AWS re:Invent re:Cap 2024 นำสารจากผู้บริหารของ AWS บนเวทีที่ลาสเวกัส มาสรุปอัปเดตให้ลูกในประเทศไทย

AWS Thailand Region: พลิกโฉมธุรกิจไทยด้วยระบบ Cloud

เริ่มต้อนปีที่พิเศษสำหรับประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2025 AWS ได้ประกาศว่า AWS Thailand Region ได้เปิดให้บริการแล้ว! นับเป็นข่าวดีสำหรับภาคธุรกิจและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในประเทศไทย เนื่องจาก Amazon Web Services (AWS) ได้เปิดตัวศูนย์ข้อมูล (Data Center) แห่งแรกในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเข้าถึงบริการ Cloud Computing ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

AWS Thailand Region นับเป็นโครงสร้างพื้นฐานแห่งแรกของ AWS ในประเทศไทย โดย Region ใหม่นี้ประกอบด้วย 3 Availability Zones ที่ตั้งอยู่ห่างกันเพียงพอต่อการรองรับความต่อเนื่องทางธุรกิจ และใกล้พอที่จะรองรับการทำงานของแอปพลิเคชัน ที่ต้องการความพร้อมใช้งานสูงได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ แต่ละ Availability Zone มีระบบไฟฟ้า การระบายความร้อน และระบบรักษาความปลอดภัยที่เป็นอิสระต่อกัน พร้อมเครือข่ายสำรองที่มีความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ

ตั้งแต่วันนี้ นักพัฒนา สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ องค์กรภาคธุรกิจ ภาครัฐฯ สถาบันการศึกษา และองค์กรไม่แสวงหากำไร สามารถเลือกใช้บริการจากศูนย์ข้อมูล AWS ในประเทศไทยได้แล้ว พร้อมเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics), ระบบรักษาความปลอดภัย (Security), ระบบการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning: ML) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ

ทำไม AWS Thailand Region จึงสำคัญสำหรับธุรกิจไทย?

  • ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล: การใช้งานบริการคลาวด์ผ่านศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย ทำให้การส่งข้อมูลมีความเร็วสูงขึ้น ลดความหน่วง และตอบสนองต่อการใช้งานได้ทันที
  • ความปลอดภัย: AWS ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นอย่างมาก การเก็บข้อมูลในประเทศไทยช่วยให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทยได้อย่างง่ายดาย
  • ลดต้นทุน: การใช้งานบริการคลาวด์ในประเทศไทยช่วยลดต้นทุนในการเชื่อมต่อ และยังมีโปรโมชั่น ส่วนลดต่างๆ ที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้าในประเทศไทยโดยเฉพาะ
  • สนับสนุนนวัตกรรม: AWS Thailand Region เปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยได้เข้าถึงเทคโนโลยีคลาวด์ล่าสุด เพื่อนำไปพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ
  • ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล: การมี AWS Thailand Region จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน

ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจาก AWS Thailand Region คืออะไร?

  • เพิ่มความคล่องตัว: สามารถปรับขนาดทรัพยากรไอทีได้ตามความต้องการของธุรกิจ
  • ลดต้นทุนด้านไอที: ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนในฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ: ระบบคลาวด์ของ AWS มีความเสถียรและความปลอดภัยสูง
  • ส่งเสริมการเติบโต: เปิดโอกาสให้องค์กรทุกขนาดสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

การเปิดตัว AWS Thailand Region เป็นก้าวสำคัญของวงการเทคโนโลยีในประเทศไทย และจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเงิน ธนาคาร การค้าปลีก หรือการผลิต ธุรกิจต่างๆ สามารถนำเทคโนโลยีคลาวด์มาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ

เปรียบเทียบ AWS Thailand Region กับ AWS Singapore Region: เลือกภูมิภาคไหนดี?

การเลือกใช้ AWS Region ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจ เพราะจะส่งผลต่อประสิทธิภาพต้นทุน ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล และความปลอดภัยของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจในประเทศไทย การเปิดตัว AWS Thailand Region ทำให้มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัวเลือก นั่นคือ เราจะเลือกใช้ AWS Thailand Region หรือ AWS Singapore Region ดี? มาเปรียบเทียบกันเลยครับ

ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือก AWS Region

  • Latency: ความหน่วงในการส่งข้อมูล หากธุรกิจของคุณต้องการความเร็วในการประมวลผลข้อมูลสูง เช่น แอปพลิเคชันเรียลไทม์ การเลือก Region ที่ใกล้กับผู้ใช้งานมากที่สุดจะช่วยลดความหน่วงได้ดีที่สุด
  • ต้นทุน: ค่าใช้จ่ายในการใช้งานบริการคลาวด์แต่ละ Region อาจแตกต่างกันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าธรรมเนียมการถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง Region
  • กฎระเบียบ: หากธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล การเลือก Region ที่มีกฎระเบียบด้านความปลอดภัยข้อมูลสอดคล้องกับประเทศของคุณจะช่วยลดความเสี่ยงได้
  • ความพร้อมใช้งานของบริการ: ไม่ใช่ทุกบริการของ AWS จะมีให้ใช้งานในทุก Region ดังนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริการที่คุณต้องการใช้งานมีให้บริการใน Region ที่คุณเลือกหรือไม่
  • การสนับสนุน: พิจารณาถึงการสนับสนุนทางเทคนิคและภาษาที่รองรับของแต่ละ Region สำหรับ Thailand Region จะรองรับภาษาไทยอย่างแน่นอน

เมื่อไหร่ควรเลือก AWS Thailand Region?

  • ธุรกิจที่มีฐานลูกค้าหลักอยู่ในประเทศไทย: การเลือกใช้ Thailand Region จะช่วยลดความหน่วงในการเข้าถึงข้อมูล และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น
  • ธุรกิจที่ต้องการปฏิบัติตามกฎหมาย PDPA: การเก็บข้อมูลในประเทศไทยจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทยได้ง่ายขึ้น
  • ธุรกิจที่ต้องการลดต้นทุน: การถ่ายโอนข้อมูลภายในประเทศจะมีค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าการถ่ายโอนข้อมูลข้าม Region

AWS ได้เริ่มต้นดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อปี 2015 ก่อนจะประกาศแผนเปิด Thailand Region ในปี 2022 และประกาศเริ่มต้นให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา ในฐานะ Region ลำดับที่ 35 ของ AWS ต่อจากประเทศมาเลเซีย และอัปเดตล่าสุด Region ลำดับที่ 36 ก็กำลังจะเกิดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโก” คุณ Apichet กล่าว

มีบริการอะไรพร้อมให้ใช้งานใน Thailand Region บ้าง?

ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการในประเทศไทย AWS ก็ได้ประกาศ “Day1 Service Launch with Thailand Region” ให้พร้อมใช้งานได้ทันที รวมไปถึงอัปเดตแผนบริการอื่น ๆ ที่กำลังจะตามมาในอีก 12 เดือนต่อมาด้วย

ภาพด้านบนนี้ คือบริการที่ประกาศพร้อมใช้งานตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว Thailand Region อย่างเป็นทางการ และภาพด้านล่างนี้ คือบริการที่จะมีการอัปเดตเปิดตัวให้พร้อมใช้งานในอีก 12 เดือนถัดไป โดยเฉพาะรายการที่มีเครื่องหมายถูกสีเขียวปรากฏอยู่

ราคาค่าบริการต่าง ๆ ของ AWS Thailand Region เป็นอย่างไรบ้าง?

“บริการที่ Thailand Region ถูกกว่า 10 – 15% และ Latency ดีขึ้นเมื่อเทียบกับที่สิงคโปร์” นี่คือการอัปเดตเรทราคาบริการต่าง ๆ ของ AWS Thailand Region อย่างเป็นทางการอีกเช่นกัน ความคุ้มค่าที่ถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งานอยู่ที่ Singapore Region

ย้ายข้อมูลมาไว้ที่ Thailand Region ต้องทำอย่างไร

DailiTech พร้อมให้คำแนะนำและบริการย้ายข้อมูลที่กำลังใช้งานอยู่บน Singapore Region มาอยู่ที่ Thailand Region ซึ่งในการดำเนินการนี้จะมีค่าใช้จ่ายในการทำ Cross Region Connectivity ที่เกิดขึ้นในครั้งแรก แต่สิ่งที่คุ้มค่ากว่า คือ บริการที่ประหยัดขึ้น 10 – 15% และได้รับ Latency ที่ดีกว่า

AWS ขยายบริการ AWS Direct Connect ที่ Telehouse Bangkok

สร้างการเชื่อมต่อที่เร็วขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับธุรกิจในไทย

พร้อมกันนี้ AWS ได้ประกาศขยายที่ตั้งของ AWS Direct Connect มายัง Data Center ของ Telehouse ในประเทศไทยเพิ่มเติม และยังเป็นแห่งที่ 2 ในไทยตามหลัง TCC Data Center ให้บริการเข้าถึง AWS public regions และ AWS Local Zones ได้โดยตรงแบบ Private และ Direct Access โดยรองรับการเชื่อมต่อแบบ 10 Gbps และ 100 Gbps การเข้ารหัส MACsec เพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น ปัจจุบัน AWS Direct Connect มีที่ตั้งให้บริการทั่วโลกมากกว่า 145 แห่ง

ทำไมการขยาย AWS Direct Connect ที่ Telehouse Bangkok จึงสำคัญ?

  • เพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ: การเชื่อมต่อโดยตรงช่วยลดความหน่วงในการส่งข้อมูล ทำให้แอปพลิเคชันทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • เพิ่มความปลอดภัย: การเชื่อมต่อแบบส่วนตัวช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการถ่ายโอนข้อมูล เนื่องจากข้อมูลจะไม่ผ่านอินเทอร์เน็ตสาธารณะที่อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ: การเชื่อมต่อที่เสถียรและมีความเร็วสูงช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริการคลาวด์
  • ลดต้นทุน: สำหรับธุรกิจที่มีปริมาณการใช้งานข้อมูลจำนวนมาก การใช้ AWS Direct Connect สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้

การให้บริการลูกค้า

DailiTech และ Telehouse ได้ร่วมมือกันในฐานะพันธมิตรเพื่อให้บริการลูกค้าเข้าถึง AWS Direct Connect ได้ง่ายและคล่องตัวขึ้น หากองค์กรธุรกิจสนใจหรือต้องการปรึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริการเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ DailiTech: contact@dailitech.com

การย้ายไปยัง Thailand Region และแนวทาง Transition Data Center เดิมในองค์กรสู่ Cloud

เป้าหมายของทุกองค์กรต้องการย้ายข้อมูลมาอยู่ใกล้ตัวมากที่สุด เมื่อเรามี AWS Thailand Region อย่างเป็นทางการแล้ว โอกาสที่เราจะเร่งดำเนินการเป้าหมายนี้ก็ง่ายขึ้น นอกจากนี้ DailiTech ในบทบาทผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านโซลูชันบริการของ AWS ในประเทศไทย ได้นำเสนอ 3 หลักการในการย้ายข้อมูลและแอปพลิเคชันมาทำงานใน AWS Thailand Region ซึ่งมุ่งเน้นไปที่แนวทางการทำให้ Migration เป็นเรื่องง่าย

  • ทำให้การ Migration เป็นเรื่องง่ายไม่ซับซ้อนเพียงแค่ Enable Thailand Region ในระบบ AWS
  • เริ่มจากย้าย Application แล้วต่อด้วย Data ท้ายสุดค่อยมาจัดการย้าย DNS
  • ทุกอย่างจะต้องเชื่อมต่ออยู่บน Thailand Region ไม่ต้องสร้าง Account ขึ้นมาใหม่ให้เกิดความยุ่งยากและซับซ้อน สามารถใช้ Account เดิมได้ทั้งบน Thailand และ Singapore

ขั้นตอนสำหรับการทำ Migration

การย้ายระบบสู่ Cloud หรือ Cloud Migration เป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและจำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้การย้ายระบบเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ ขั้นตอนหลักๆ ที่ควรพิจารณาประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้

  1. ประเมินต้นทุน (Cost) – คำนวณต้นทุนทั้งหมดรวมถึงค่าใช้จ่ายในการย้ายระบบ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานบน Cloud และค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมบุคลากร นอกจากนี้อาจจะ เปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างการดำเนินงานบน Cloud กับการดำเนินงานบนระบบเดิม เพื่อประเมินผลตอบแทนจากการลงทุน และเลือกแผนบริการของ AWS ที่สอดคล้องกับงบประมาณและความต้องการขององค์กร
  2. วิเคราะห์ภาระงาน (Workload) – ตัดสินใจเกี่ยวกับด้านต่าง ๆ ของปริมาณงานที่จะย้ายรวมถึง จัดกลุ่มแอปพลิเคชันตามความสำคัญ ความซับซ้อน และความพร้อมในการย้าย กำหนดลำดับความสำคัญในการย้ายแอปพลิเคชันแต่ละกลุ่ม
  3. ตรวจสอบความเข้ากันได้ (Compatibility) – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าปริมาณงานเข้ากันได้ใน Region เป้าหมาย
  4. สร้างรากฐาน (Foundation) – สร้างรากฐานในภูมิภาคใหม่เป็นสิ่งสำคัญ AWS Thailand Region เปิดตัวมาเพื่อรองรับความพร้อมส่วนนี้เพื่อทำให้ธุรกิจไทยมีการเติบโตที่ยั่งยืน
  5. วางแผนการย้ายระบบ (Migration Path) – เลือกกลยุทธ์การย้ายระบบที่เหมาะสม เช่น Lift and Shift, Re-platforming หรือ Refactoring วางแผนการตัดการเชื่อมต่อจากระบบเดิมอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและวางแผนการกู้คืนข้อมูลในกรณีที่เกิดปัญหา

AWS GenAI ในปี 2025 เป็นเทรนด์ที่น่าจับตา

AWS GenAI หรือ Amazon Web Services Generative AI ได้กลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปี 2025 โดย AWS ได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจมากมาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจในการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน

ไฮไลท์บริการใหม่ของ AWS และ AWS GenAI ที่ประกาศใน re:Invent 2024 ที่ลาสเวกัส

Amazon Bedrock: ไฮไลท์สำคัญของ Amazon Bedrock ในงาน re:Invent 2024

    • Data Automation – ฟีเจอร์ใหม่นี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าโดยอัตโนมัติจากเนื้อหาหลายรูปแบบที่ไม่มีโครงสร้าง เช่น เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ และเสียง เพื่อสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ GenAI ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ประกอบด้วยวิดีโอสรุปช่วงเวลาสำคัญ การตรวจจับเนื้อหาภาพที่ไม่เหมาะสม การวิเคราะห์เอกสารประกอบที่ซับซ้อนโดยอัตโนมัติ และอื่นๆ อีกมากมาย
    • Prompt cashing- ฟีเจอร์นี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการประมวลผลคำขอซ้ำ ๆ โดยการแคชผลลัพธ์ของคำสั่งที่เคยเรียกใช้ ทำให้การตอบสนองของโมเดลเร็วขึ้นและประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น
    • Structured Data Retrieval – เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสืบค้นข้อมูลที่มีโครงสร้าง (เช่น ข้อมูลในฐานข้อมูล) ได้โดยตรงด้วยภาษาธรรมชาติ ทำให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น ไม่จำเป็นต้องเขียนคำสั่ง SQL ที่ซับซ้อนอีกต่อไป
    • GraphRAG – เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจบน Amazon Bedrock ซึ่งช่วยให้การสืบค้นข้อมูลมีความซับซ้อนและครอบคลุมมากขึ้น GraphRAG ช่วยให้ระบบเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลได้ดีขึ้น ทำให้สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น ระบบสามารถดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาแสดงผลได้อย่างครบถ้วน ระบบสามารถอธิบายที่มาของคำตอบได้ ทำให้ผู้ใช้เข้าใจที่มาของข้อมูลได้อย่างชัดเจน
    • Intelligent Prompt Routing – ช่วยให้การใช้งานโมเดลภาษาขนาดใหญ่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยระบบจะทำการเลือกโมเดลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละคำถาม ทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด
    • Multi-agent Collaboration – ช่วยให้คุณสามารถสร้างและจัดการ AI Agent หลายตัวที่ทำงานร่วมกันได้ เช่น การบริการลูกค้า การวิเคราะห์ข้อมูล และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ

Amazon Titan: โมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่พัฒนาโดย AWS เอง ซึ่งโดดเด่นในด้านความสามารถในการทำความเข้าใจภาษาธรรมชาติและสร้างเนื้อหาที่หลากหลาย

Amazon CodeWhisperer: เครื่องมือช่วยเขียนโค้ดที่ใช้ AI ช่วยให้ผู้พัฒนาเขียนโค้ดได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถแนะนำโค้ด สร้างฟังก์ชัน และตรวจสอบโค้ดได้อัตโนมัติ

Amazon SageMaker Unified Studio (New): เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล และวิศวกรซอฟต์แวร์ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพในการสร้างและปรับใช้โมเดล Machine Learning (ML) โดยรวมเอาเครื่องมือและบริการต่างๆ ของ AWS ที่เกี่ยวข้องกับ AI และ Machine Learning เข้าไว้ด้วยกันในที่เดียว

Amazon SageMaker Lakehouse (New): คือบริการคลาวด์ที่ช่วยให้คุณสร้างและจัดการ Data Lakehouse ได้อย่างง่ายดาย Data Lakehouse นั้นเป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานคุณสมบัติของ Data Lake ซึ่งมีความยืดหยุ่นในการจัดเก็บข้อมูลทุกประเภท เข้ากับคุณสมบัติของ Data Warehouse ที่มีความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ทำให้คุณสามารถเก็บข้อมูลดิบจำนวนมหาศาล และวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

Amazon SageMaker Lakehouse Zero-ETL (New):  เป็นแนวคิดที่ช่วยให้คุณสร้างและจัดการ Data Lakehouse ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการ Extract, Transform, Load (ETL) ที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน

Amazon Q: เครื่องมือค้นหาแบบเวกเตอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลในองค์กรได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

    • Amazon Q Business (Coming Soon): ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการที่ธุรกิจต่าง ๆ ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นอัตโนมัติ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://aws.amazon.com/th/q/

GitLab Duo ผสานรวมกับ Amazon Q: การผสานรวม GitLab Duo กับ Amazon Q นับเป็นก้าวสำคัญในการปฏิวัติวงการ DevSecOps โดยนำพลังของ AI มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ ทำให้กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์มีความรวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Amazon EKS Auto Mode: ออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนในการจัดการคลัสเตอร์ Kubernetes บน AWS โดยอัตโนมัติเกือบทั้งหมด ทำให้ผู้ใช้สามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาแอปพลิเคชันได้โดยไม่ต้องกังวลกับการจัดการโครงสร้างพื้นฐานของคลัสเตอร์

แนวโน้มที่น่าสนใจของ AWS GenAI ในปี 2025:

  • การผสานรวม AI เข้ากับทุกผลิตภัณฑ์และบริการของ AWS: AWS กำลังมุ่งมั่นที่จะนำ AI มาใช้ในทุกผลิตภัณฑ์และบริการของตน เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การเน้นความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ: AWS ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของข้อมูลเป็นอย่างมาก โดยมีการพัฒนามาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า
  • การสนับสนุนนักพัฒนา: AWS มอบเครื่องมือและทรัพยากรต่าง ๆ แก่นักพัฒนา เพื่อให้สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว

ประโยชน์ที่ธุรกิจจะได้รับจาก AWS GenAI:

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: AI ทำให้เป็นอัตโนมัติเพื่อช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซากและใช้เวลามาก ทำให้พนักงานมีเวลาไปมุ่งเน้นงานที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
  • สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ: AI ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
  • ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า: AI สามารถช่วยให้ธุรกิจให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

AWS GenAI ในปี 2025 เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว การนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความได้เปรียบในการแข่งขันและสามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างรวดเร็ว

บริการอื่น ๆ ที่น่าสนใจจากงาน re:Invent 2024

  • Amazon Aurora DSQL (Preview): หรือ Distributed SQL เป็นบริการฐานข้อมูลที่พัฒนาขึ้นโดย Amazon Web Services (AWS) โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความสามารถในการกระจายข้อมูลออกไปยังหลายๆ Node ทำให้สามารถจัดการกับข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมใช้งานสูง
  • Amazon Aurora Serverless v2 – คือบริการฐานข้อมูลที่ได้รับความนิยมสูงบน AWS ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับขนาดฐานข้อมูลได้อย่างอัตโนมัติตามปริมาณการใช้งานจริง โดยไม่ต้องจัดการทรัพยากรฐานข้อมูลเอง ทำให้ผู้ใช้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมาก

AWS สร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยชิปซิลิคอนที่ออกแบบเอง: ก้าวสำคัญสู่การยกระดับประสิทธิภาพคลาวด์

AWS ได้ลงทุนอย่างมหาศาลในการพัฒนาชิปซิลิคอนที่ออกแบบเอง ซึ่งเป็นการปฏิวัติวงการคลาวด์คอมพิวติ้งอย่างแท้จริง การตัดสินใจสร้างชิปของตัวเองนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และมอบความยืดหยุ่นในการปรับแต่งบริการคลาวด์ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากยิ่งขึ้น

การที่ AWS สร้างสรรค์ชิปซิลิคอนของตัวเอง เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและมอบบริการคลาวด์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ชิปเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการให้บริการคลาวด์เท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตและพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างชิปที่ AWS พัฒนาขึ้น

  • AWS Nitro System: เป็นรากฐานสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของ AWS โดยทำหน้าที่แยกฟังก์ชันต่าง ๆ ของไฮเปอร์ไวเซอร์ ออกเป็นส่วนย่อย ๆ และนำไปทำงานบนฮาร์ดแวร์เฉพาะ ทำให้ได้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งขึ้น และความยืดหยุ่นที่มากขึ้น
  • AWS Graviton: โปรเซสเซอร์ที่ออกแบบมาสำหรับงานประมวลผลทั่วไป โดยเน้นที่ประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน เหมาะสำหรับงานวิเคราะห์ข้อมูล และแอปพลิเคชันที่ต้องการทรัพยากรการประมวลผลสูง
  • AWS Inferentia: ชิปที่ออกแบบมาสำหรับงานด้าน Machine Learning โดยเฉพาะ ช่วยให้การทำนายผลและอนุมานข้อมูลทำได้เร็วขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การแปลภาษา การรู้จำภาพ และการวิเคราะห์ความรู้สึก
  • AWS Trainium: ชิปที่ออกแบบมาสำหรับงานฝึกอบรมโมเดล Machine Learning ขนาดใหญ่ ช่วยลดเวลาในการฝึกอบรมและต้นทุน
  • AWS Trn2 Instance: เป็นอินสแตนซ์ที่ใช้ชิป Trainium ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน Machine Learning ที่ต้องการทรัพยากรการคำนวณจำนวนมาก

ทำไมลูกค้าจึงเลือก AWS S3 สำหรับงานที่หลากหลาย?

Amazon S3 หรือ Simple Storage Service เป็นบริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากลูกค้าทั่วโลก เนื่องจากความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือที่สูง ทำให้ S3 สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับงานที่หลากหลาย ตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูลสำรอง ไปจนถึงการสร้างแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

เหตุผลที่ลูกค้าเลือกใช้ AWS S3

  • ความยืดหยุ่นสูง: S3 สามารถจัดเก็บข้อมูลได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นไฟล์รูปภาพ วิดีโอ เอกสาร หรือข้อมูลดิบ สามารถปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บได้ตามความต้องการ และไม่มีขีดจำกัดในการจัดเก็บข้อมูล
  • ความทนทาน: S3 มีระบบสำรองข้อมูลที่ซับซ้อน ทำให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา
  • ความปลอดภัย: S3 มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบสิทธิ์ และการตรวจสอบการเข้าถึง
  • ค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า: จ่ายตามปริมาณการใช้งานจริง ไม่มีค่าใช้จ่ายแฝง
  • การผสานรวมกับบริการอื่นๆ ของ AWS: S3 สามารถทำงานร่วมกับบริการอื่นๆ ของ AWS ได้อย่างราบรื่น เช่น EC2, Lambda, และ Redshift

re:Cap แนวคิดของ Dr. Werner Vogels ในธีม “Simplexity : ความเรียบง่ายบนความซับซ้อน”

ดร.วิชญ์ เนียรนาทตระกูล (Managing Director, DailiTech) กล่าวว่า “แนวคิด “ Simplexity : ความเรียบง่ายบนความซับซ้อน” ของ Dr. Werner Vogels ซีทีโอของ Amazon Web Services (AWS) เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ AWS ในการมอบบริการคลาวด์ที่ทรงพลังแต่ใช้งานง่ายให้กับลูกค้า”

ความหมายในบริบทของ AWS

ในบริบทของ AWS แนวคิดนี้หมายถึงการนำเสนอบริการคลาวด์ที่ทรงพลังและมีความสามารถในการรองรับงานที่ซับซ้อนได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้งานได้ง่ายและเข้าใจได้สำหรับผู้ใช้ทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนา นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล หรือผู้บริหารธุรกิจ โดยตัวอย่างการนำแนวคิดนี้ไปใช้ใน AWS เช่น Amazon S3 บริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ใช้งานง่าย แต่มีความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างปลอดภัยและเชื่อถือได้

ความท้าทายในการสร้างความเรียบง่ายบนความซับซ้อน

  • เทคโนโลยีที่ซับซ้อน: การสร้างบริการคลาวด์ที่ทรงพลังต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ซับซ้อนมากมาย
  • ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย: ลูกค้าแต่ละรายมีความต้องการที่แตกต่างกัน การสร้างบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มจึงเป็นเรื่องท้าทาย
  • การแข่งขันที่สูง: ตลาดคลาวด์มีความแข่งขันสูง การสร้างความแตกต่างจึงต้องอาศัยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์

Less ops แนวทางการสร้าง App แล้วลืมไม่ต้อง Operation (มาก)

เป็นการบรรยายอีกช่วงน่าสนใจของ Dr. Komate Amphawan ชี้ให้เข้าใจเหตุผลที่ทำให้ Serverless เป็นที่นิยม Serverless เป็นแนวคิดในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการเซิร์ฟเวอร์ โดยผู้พัฒนาจะโฟกัสไปที่การเขียนโค้ดส่วนที่เป็นธุรกิจหลักเท่านั้น ส่วนการจัดการโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ เช่น การปรับขนาดเซิร์ฟเวอร์ การจัดการระบบปฏิบัติการ หรือการติดตั้งไลบรารีต่าง ๆ จะเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการคลาวด์อย่าง AWS เป็นต้น

AWS Serverless Spectrum เป็นแนวคิดที่ครอบคลุมบริการต่าง ๆ ของ AWS ที่เกี่ยวข้องกับ Serverless Computing โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการต่าง ๆ ใน Serverless Spectrum ได้ตามความเหมาะสมกับขนาดของ workload ที่หลากหลาย

AWS Fargate: คำตอบสำหรับการประมวลผลแบบ Serverless บนคอนเทนเนอร์

AWS Fargate คือบริการที่ช่วยให้คุณเรียกใช้งานคอนเทนเนอร์ (Container) ได้โดยไม่ต้องจัดการเซิร์ฟเวอร์โดยตรง เป็นการนำแนวคิด Serverless มาประยุกต์ใช้กับโลกของคอนเทนเนอร์ ทำให้คุณสามารถโฟกัสไปที่การพัฒนาแอปพลิเคชันได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดการทรัพยากรพื้นฐาน ช่วยลดความซับซ้อน เพิ่มความคล่องตัว ลดต้นทุน มีความปลอดภัย และรองรับทั้ง ECS และ EKS

AWS Fargate ทำงานอย่างไร?

เมื่อสร้าง Task บน Fargate ระบบจะจัดสรรทรัพยากรให้โดยอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องระบุจำนวนอินสแตนซ์หรือขนาดของอินสแตนซ์เอง Fargate จะจัดการทุกอย่างให้เอง หากคุณกำลังมองหาโซลูชันสำหรับการเรียกใช้งานคอนเทนเนอร์บนคลาวด์ AWS Fargate เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

3 รูปแบบในการเรียกใช้งาน AWS Lambda

การเรียกใช้ฟังก์ชัน Lambda นั้นมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละรูปแบบก็เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน มาดูรูปแบบแรก คือ การเรียกใช้แบบซิงโครนัส (Synchronous) เหมาะสำหรับงานที่ต้องการผลลัพธ์ทันที เช่น การคำนวณ การประมวลผลข้อมูล หรือการเรียก API อื่นๆ รูปแบบต่อมา คือ การเรียกใช้แบบอะซิงโครนัส (Asynchronous) เหมาะสำหรับงานที่ไม่ต้องการผลลัพธ์ทันที หรืองานที่ใช้เวลานาน เช่น การส่งอีเมล การอัปโหลดไฟล์ หรือการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ สำหรับรูปแบบสุดท้าย คือ การเรียกใช้แบบ Poll-based เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดคิวงาน และต้องการควบคุมลำดับการทำงานของงาน

ช่วง Demo Use Case

Demo Use Case บรรยายโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก DailiTech ทั้ง 3 ท่าน ประกอบด้วย

  • คุณ Pomsak Srikaew – Senior Solution Engineer, DailiTech
  • คุณ Premsupapong Vanitcharenthum – Software Engineer, DailiTech
  • คุณ Jetsadhanuphont Lamtom – Solution Specialist Engineer, DailiTech

ภายใต้หัวข้อ “Unified Data/AI Platform เมื่อ Data อยู่ใกล้ AI สร้าง Use Case ให้เร็วและปลอดภัย” เนื้อการบรรบยายครอบคลุมกรณีการใช้งาน AWS SageMaker Unified Studio, DataZone, Bedrock, Rdshift, QuickSight, S3 Table ซึ่งเป็นการสาธิตบริการของ AWS ที่มีการประกาศฟีเจอร์ใหม่ในงาน AWS re:Invent 2024 ที่ลาสเวกัส และถูกนำมา re:Cap ที่ประเทศไทยในงานสัมมนา Partner Update โดย DailiTech และ AWS Thailand

นอกจากนี้ ภายในงานสัมมนา DailiTech ประจำปี 2025 ครั้งนี้ยังมีบูธจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันจากแบรนด์ไอทีชั้นนำซึ่งประกอบด้วย KDDI Thailand, DATADOG, GitLab, PaloAlto, Fortinet, Trainocate และ Crowdstrike

DailiTech ในฐานะ Partner ของ AWS Thailand ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AWS Cloud Computing ยินดีให้คำปรึกษาสำหรับองค์กรทุกระดับโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับการประเมิน ตั้งแต่การทำ Landing Zone Extension, Workload Migration, Last Mile/Direct Connect และ Data Center Modernization

หากสนใจผลิตภัณฑ์และบริการจาก DailiTech สามารถติดต่อได้ที่

อีเมล: contact@dailitech.com

About Pawarit Sornin

- จบการศึกษา ปริญญาตรี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต - เคยทำงานด้าน Business Development / Project Manager / Product Sales ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Wireless Networking และ Mobility Enterprise ในประเทศ - ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

Google เปิดตัว Gemini 2.5 โมเดล AI ใหม่ล่าสุด พร้อมความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์สูง

Google ประกาศเปิดตัว Gemini 2.5 โมเดล AI ที่ฉลาดที่สุดในขณะนี้ พร้อมความสามารถด้าน “Thinking” ที่ให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งในด้านการคิดวิเคราะห์และการเขียนโค้ด โดยรุ่นแรกคือ Gemini 2.5 Pro Experimental

ต่อยอดระบบ SAP เดิมสู่การใช้ SAP S/4HANA Cloud อย่างเต็มศักยภาพที่มาพร้อมกับ AI ด้วยโซลูชั่น RISE with SAP จาก NDBS Thailand

สำหรับธุรกิจองค์กรที่มีการใช้งาน SAP ECC 6.0 หรือ SAP S/4HANA มาอย่างยาวนานในอดีต อาจต้องเร่งขบคิดถึงแนวทางการอัปเกรดระบบ SAP สู่ S/4HANA Cloud รุ่นใหม่เพื่อตอบโจทย์กลยุทธ์การใช้งานระบบ ERP …