วางระบบ Unified Storage อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และยั่งยืน ด้วย Dell PowerStore Storage ตอบโจทย์ Hybrid Multicloud, DevOps และ High Performance Storage ในหนึ่งเดียว

ระบบ Enterprise Data Storage นั้นยังคงได้รับความต้องการในภาคธุรกิจองค์กรอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่องค์กรหลายแห่งได้เริ่มใช้ Cloud ในการรองรับ Workload ปริมาณมาก และเริ่มเข้าใจถึงข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันระหว่าง Cloud และ On-Premises อย่างชัดเจน จนได้ตัดสินใจมุ่งหน้าสู่กลยุทธ์ Hybrid Multicloud อย่างเต็มตัว เป็นแนวโน้มสำคัญสำหรับปี 2024 นี้

Dell PowerStore Storage เป็นโซลูชัน Unified Storage ที่สามารถรองรับสถาปัตยกรรม Hybrid Multicloud ได้ รวมถีงยังรองรับ Workload ได้อย่างหลากหลาย ด้วยการใช้งานที่ง่ายดาย และการผสานระบบเพื่อรองรับการทำงานร่วมกับ Workload ต่างๆ ได้ในแบบอัตโนมัติ ทำให้ที่ผ่านมา Dell PowerStore ได้กลายเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับธุรกิจองค์กรหลายแห่งที่มองหาระบบ Enterprise Storage ใหม่เพื่อใช้งาน

ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงความสามารถและประโยชน์ของ Dell PowerStore ที่ธุรกิจองค์กรควรทราบกัน เพื่อให้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการลงทุนระบบ Enterprise Storage ได้

Dell PowerStore Storage: ระบบ Unified Storage ที่โดดเด่นและแตกต่างด้วย Software-Driven ที่ยืดหยุ่นตอบทุกโจทย์การใช้งานแห่งอนาคต

ในปี 2024 นี้ ปัจจัยที่ธุรกิจองค์กรต้องคำนึงถึงในการเลือกลงทุนในระบบ Enterprise Storage นั้นมีความซับซ้อนสูงขึ้นกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก จากการเกิดขึ้นของ Workload ใหม่ๆ อย่างเช่น DevOps และ AI ที่ทำให้รูปแบบการใช้งานของระบบ Storage เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของการ Integrate เข้ากับเทคโนโลยีต่างๆ ที่จำเป็นต่อธุรกิจองค์กร อีกทั้งการเชื่อมผสานระบบสู่ภาพของ Hybrid Multicloud และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล

Dell PowerStore เป็นระบบ Unified Storage ที่ใช้หลักแนวคิด Software-Driven เป็นหัวใจหลักในการทำงาน ซึ่งถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้โดยเฉพาะ ด้วยการรองรับ Workload ที่หลากหลายขึ้น, การเลือกใช้สถาปัตยกรรมที่มีประสิทธิภาพสูง, การผสาน Cybersecurity เข้าเป็นหนึ่งเดียวกับระบบจัดเก็บข้อมูล และการรองรับการใช้งานในแบบ Hybrid Multicloud

นอกจากนี้ รูปแบบการลงทุนของระบบ Storage เองก็มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น จากในอดีตที่ธุรกิจมักจะต้องลงทุนซื้อขาดในแบบ Perpetual มาสู่การคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริงในแบบ Pay Per Use ที่ยืดหยุ่นต่อการใช้งานและการเพิ่มขยาย ซึ่ง Dell ก็สามารถรองรับโจทย์นี้ได้ด้วย Financial Services และพันธมิตร ที่เริ่มให้บริการแล้วในประเทศไทย

โดยรวมแล้ว จุดเด่นที่น่าสนใจของ Dell PowerStore ก็มีด้วยกันหลากหลายประการ ซึ่งทีมงาน TechTalkThai ขอสรุปเอาไว้ดังนี้

1. รองรับ Workload ได้หลากหลาย ภายใต้แนวคิด Unified Storage ประสิทธิภาพสูง

การเป็น Unified Storage ของ Dell PowerStore นี้ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Workload ที่ครอบคลุมทั้งแบบดั้งเดิมและสำหรับตอบโจทย์อนาคต โดยภายในอุปกรณ์เพียงชุดเดียวนี้ สามารถรองรับการให้บริการข้อมูลได้ทั้งในแบบ Block, File, Virtual Volumes (vVols) และ Container ทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถใช้งานพื้นที่จัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ได้อย่างยืดหยุ่น

แน่นอนว่าในการรองรับ Workload ที่หลากหลาย Dell PowerStore จะต้องมีประสิทธิภาพที่สูงเพียงพอ ซึ่ง Dell ก็ได้เลือกใช้แนวทางในการเสริมประสิทธิภาพด้วยกันหลายวิธี เช่น

• การใช้สถาปัตยกรรม End-to-End NVMe ตั้งแต่ระดับของ NVMe SSD ไปจนถึงการเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน NVMe/TCP ความเร็วสูงผ่าน 100GbE และ NVMe/FC ความเร็วสูงผ่าน 32Gbps FC ทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถใช้งาน Storage ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนระบบเครือข่ายทุกรูปแบบ
• ระบบ Self-Optimization ที่ใช้ Machine Learning ช่วยปรับแต่งการทำงานของระบบให้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้ Storage สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสำหรับทุก Workload เสมอ
• การเพิ่มขยายได้แบบ Scale Up และ Scale Out ที่จะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้ไปพร้อมๆ กัน โดยมีความจุรวมสูงสุดได้มากถึง 18PBe ต่อ Cluster เลยทีเดียว

ทั้งนี้ด้วยแนวคิดของการออกแบบระบบให้เป็น Software Defined นั้นหมายความว่า ในอนาคตหากมีเทคโนโลยีใหม่ๆ, Hardware ที่ประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น, การเชื่อมต่อแบบใหม่, การให้บริการข้อมูลแบบใหม่ Dell PowerStore ก็จะพร้อมรองรับต่อการนำเทคโนโลยีเหล่านั้นเข้ามาเสริมให้กับระบบ Storage ได้ทันที

สำหรับรุ่นต่างๆ ที่ Dell PowerStore มีให้เลือกใช้งานได้นั้น มีดังนี้

2. เสริม Data Resiliency ให้กับข้อมูลสำคัญของธุรกิจ

อีกหนึ่งสิ่งที่ Dell ให้ความสำคัญกับ Dell PowerStore มากๆ นั้นก็คือ Cyber Resiliency ที่ได้ผสานทั้งประเด็นด้านความมั่นคงทนทานและความมั่นคงปลอดภัยเอาไว้ด้วยกัน เช่น

• ความมั่นคงทนทานระดับ Six-Nines ด้วยการออกแบบระบบให้สามารถทำงานต่อเนื่องได้ไม่ว่าจะเผชิญกับปัญหาใด ทำให้มีค่า Availability สูงสุดถึง 99.9999%
• การปกป้องข้อมูลภายใน ด้วยการทำ Snapshot, Replication, Native Metro Synchronous Replication, Zero RTO/RPO
• Dell PowerStore Storage Direct การผสานระบบร่วมกับ Backup Solution อย่าง Dell PowerProtect DD ช่วยให้การสำรองข้อมูลและการบริหารจัดการการสำรองข้อมูลเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และจัดเก็บข้อมูลสำรองได้อย่างคุ้มค่า
• เทคโนโลยี Dynamic Resiliency Engine (DRE) ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของ Dell เพื่อปกป้องข้อมูลอีกชั้นด้วยการปรยุกต์นำแนวคิด Virtualization ชั้นสูงมาใช้
• การเสริมมั่นคงปลอดภัยให้กับข้อมูลและระบบ ไม่ว่าจะเป็นการทำ Immutable and Secure Snapshot, Data-at-Rest Encryption, Multi-Factor Authentication, File Level Retention (FLR), Hardware Root of Trust, Security Analytics และอื่นๆ อีกมากมาย
• อัปเกรดได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงานของระบบ ไม่ว่าจะเป็นการอัปเกรดในส่วนของ Software หรือ Hardware ทำให้ระบบมี Downtime น้อยลง ง่ายดายต่อการดูแลรักษาในระยะยาว

ในมุมมองของ Dell นั้น ระบบ Enterprise Storage คือหัวใจสำคัญที่สุดในการปกป้องข้อมูลสำคัญของธุรกิจ ดังนั้น Dell จึงได้ให้ความสำคัญในการผสานความสามารถที่จะช่วยปกป้องข้อมูลเหล่านี้เอาไว้ภายใน Dell PowerStore โดยตรง

3. รองรับสถาปัตยกรรม Hybrid Multicloud ได้ในตัว

เพื่อตอบรับต่อความต้องการในการปรับสู่สถาปัตยกรรมแบบ Hybrid Multicloud ของธุรกิจองค์กรทั่วโลก Dell PowerStore จึงได้มีการทดสอบและสามารถรองรับการทำงานร่วมกับบริการ Cloud ชั้นนำในการทำงานเป็น Data Storage ที่ติดตั้งทำงานอยู่ที่ผู้ให้บริการ Services Provider   และทำการการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายบน Public Cloud โดยใช้ Direct Connection ซึ่งองค์กรจะได้ประโยชน์จากการเลือกใช้ Cloud เพื่อการกระจาย Workload ได้ตามต้องการ (Cloud Agnostic) และยังสามารถบริหารจัดการความปลอดถภัยของข้อมูล  โดยสามารถทำงานร่วมกับ VMware Cloud Foundation และ VMware vSphere ได้อีกด้วย

4. ก้าวสู่สถาปัตยกรรมใหม่ในการทำ HCI ด้วย Dynamic AppsON

Dell PowerStore สามารถทำงานร่วมกับ Dell VxRail เพื่อสร้างระบบ HCI ที่มีการแยกส่วนระหว่าง Compute และ Storage ออกจากกันอย่างชัดเจน แต่ยังคงทำงานร่วมกันแบบอัตโนมัติได้อย่างสมบูรณ์ ช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถเพิ่มขยายเฉพาะส่วนของ Compute หรือ Storage ได้อย่างอิสระ ในขณะที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย

5. พร้อมใช้งานทุกความสามารถ ไม่ต้องซื้อ License เพิ่มเติมแต่อย่างใด

ความสามารถต่างๆ ของ Dell PowerStore สามารถเปิดใช้งานได้โดยไม่ต้องมีการซื้อ License เพิ่มเติม ทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถเริ่มต้นใช้งานเฉพาะความสามารถพื้นฐาน และค่อยๆ เปิดใช้งานความสามารถอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการใช้งาน หรือต่อยอดระบบในภายหลังได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

6. ใช้งานต่อเนื่องยาวนานอย่างยั่งยืน ด้วย Future Proof Program

สิ่งที่ทำให้ธุรกิจองค์กรจำนวนมากเลือกใช้ Dell PowerStore นั้นก็คือ Future-Proof Program ที่เป็นโครงการสำหรับช่วยให้การทำ IT Lifecycle นั้นมีความราบรื่นยิ่งกว่าที่เคย เช่น

• Data Reduction Guarantee: การรับประกันอัตราส่วนการทำ Data Reduction ที่ 4:1 สำหรับ Dell PowerStore โดยหากในการใช้งานจริงไม่สามารถลดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลลงได้เท่ากับหรือดีกว่าสัดส่วนดังกล่าว Dell จะทำการเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
• Anytime Upgrade: การอัปเกรดอุปกรณ์ได้อย่างยืดหยุ่น ด้วยทางเลือกในการทำ Node Swap, การลดราคาสำหรับกรณีที่ต้องการเพิ่มขยายแบบ Scale Out หรือการเปลี่ยน Controller ของอุปกรณ์เป็นรุ่นที่ใหญ่ขึ้น

แนวทางเหล่านี้จะทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถมั่นใจได้ในการใช้งาน Dell PowerStore ในระยะยาว และสอดคล้องกับทิศทางของเป้าหมายขององค์กรในด้าน Sustainability ที่จะช้วยลดการใช้พลังงานของศูนย์คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงจะสามารถรองรับการจัดเก็บข้อมูลในปริมาณที่ธุรกิจต้องการได้แม้จะมีการเติบโตของข้อมูลในอนาคต และระบบจะพร้อมต่อการเพิ่มขยายหรืออัปเกรดเพื่อรองรับโจทย์ใหม่ๆ และ Workload ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นต่อไป

7. เลือกลงทุนระบบ Storage ได้ทั้งรูปแบบการซื้อขาด Perpetual และการใช้งานแบบ Pay Per Use ผ่าน Dell Financial Services และพันธมิตร

ประเด็นสุดท้ายคือการที่ Dell พร้อมให้บริการแบบ Financial Services แล้วในประเทศไทย ดังนั้นธุรกิจองค์กรที่สนใจใช้งานโซลูชันใดๆ จาก Dell จึงมีทางเลือกได้ทั้งการลงทุนซื้อโซลูชันในแบบ Perpetual หรือการคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริงแบบ Pay Per Use นั่นเอง ซึ่ง Dell PowerStore ก็เป็นหนึ่งในโซลูชันที่มีทางเลือกเหล่านี้ให้ใช้งานได้

ทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า Dell PowerStore นี้ได้ผ่านการคิดมาเป็นอย่างดีสู่การออกแบบที่เหมาะสมต่อการใช้งานในปัจจุบันและอนาคต ทำให้ Dell PowerStore นี้ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับธุรกิจองค์กรขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่ต้องการมาองหาระบบ Storage เพื่อใช้งานในระยะยาว และไม่ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องของการอัปเกรดหรือเปลี่ยนระบบอีกต่อไป

หากสนใจ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dell PowerStore Storage สามารถติดต่อได้ทันทีที่

บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

โทร. 02-020-3001 หรือ อีเมล dell_com@sisthai.com