[รีวิว] โน้ตบุ๊ก ASUS BR1100FK เครื่องเล็กเด็กใช้ได้ ทนไม้ทนมือ เรียนออนไลน์สบายบรื๋อ

Asus BR1100FK โน้ตบุ๊กเครื่องเล็กกะทัดรัดที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับเด็ก ๆ วัยประถมที่ต้องเรียนออนไลน์ในช่วงนี้โดยเฉพาะ หรือผู้ใหญ่จะเอาไปใช้ประชุมทำงานเอกสารนำเสนองานก็ยังโอเค

TL;DR

  • ASUS BR1100FK โน้ตบุ๊กขนาด 11.6 นิ้ว เครื่องเล็กแต่วัสดุทนทานระดับ Military-grade ขอบยางกันกระแทกรอบตัวเครื่อง พื้นผิวมีปุ่มนูนเล็ก ๆ หยิบจับแล้วติดมือไม่ลื่นดี
  • หน้าจอสัมผัส IPS ความละเอียด 1366 x 768 พิกเซล ที่ปล่อยแสงสีฟ้าต่ำถนอมสายตา ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland มาแล้ว แถมยังพับหน้าจอได้ 360 องศาอีกด้วย
  • ออกแบบมาเพื่อใช้ในการศึกษาโดยเฉพาะสำหรับนักเรียนในระดับชั้นประถมเป็นต้นไป เหมาะกับการใช้เรียนออนไลน์ตามสถานการณ์ปัจจุบัน หรือผู้ใหญ่เองเอาไปใช้ทำงานเอกสารกับประชุมออนไลน์ก็ยังไหว
  • ปากกา Stylus รับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ สามารถนำไปใช้สร้างสรรค์ตามจินตนาการได้เต็มที่
  • เครื่องไม่ร้อน แบตเตอรี่อึดเพียงพอสำหรับการใช้งานต่อเนื่องได้ยาวกว่า 10 ชม. มาพร้อมกับอแดปเตอร์ขนาดเล็ก พกพาง่าย

อารัมภบท

ในสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ที่กำลังแพร่ระบาดหนักขึ้นเรื่อย ๆ เช่นนี้ คงไม่ได้มีแต่ผู้ใหญ่วัยทำงานเท่านั้นที่ต้องเปลี่ยนมาทำงานแบบ Work from Home แต่น้อง ๆ เด็กนักเรียนก็จำเป็นต้องเริ่มปรับเปลี่ยนมาเรียนกันแบบออนไลน์หรือ Learn from Home ด้วยเช่นกัน ปัญหาจึงต้องตกมาอยู่ที่ครูและผู้ปกครองที่จะต้องจัดหาอุปกรณ์โน้ตบุ๊กสำหรับบุตรหลานวัยเรียนเพื่อรองรับการเรียนออนไลน์ แต่ครั้นจะสละโน้ตบุ๊กที่ผู้ปกครองเองใช้อยู่ก็กลัวว่าเด็ก ๆ จะทำพังไปเสียก่อน น่าจะไม่ทนไม้ทนมือเด็ก ๆ วัยกำลังซนมากนัก

แต่ความกังวลเหล่านั้นจะหมดไปถ้าหากใช้โน้ตบุ๊ก ASUS BR1100FK ที่ ASUS ออกแบบมาสำหรับเด็กนักเรียนเพื่อการเรียนรู้โดยเฉพาะ มีปากกาและหน้าจอสัมผัสที่สนับสนุนให้เด็กนักเรียนสามารถแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ รวมถึงวัสดุตัวเครื่องที่ออกแบบมาให้ทนทานระดับสุดด้วยยางกันกระแทกรอบตัวเครื่องที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานระดับ Millitary-grade มาแล้วด้วย

Fact Sheet

credit : ASUS

โน้ตบุ๊ก ASUS BR1100FK เครื่องที่ได้รับมารีวิวกันในครั้งนี้เป็นเครื่องที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดแต่ถึกทนแน่นอน เพราะโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ได้ผ่านการทดสอบความทนทานระดับ Military-grade ของมาตรฐาน MIL-STD-810H แถมแป้นพิมพ์บนคีย์บอร์ดยังป้องกันน้ำหกได้ถึง 330 ซีซี หรือน้ำ 1 แก้ว ได้อีกด้วย

ASUS ออกแบบเครื่องนี้มาเพื่อมุ่งเน้นการใช้งานเพื่อการศึกษาสำหรับนักเรียนในระดับชั้นประถมขึ้นไปโดยเฉพาะ น้อง ๆ นักเรียนสามารถนำเอาโน้ตบุ๊ก ASUS BR1100FK นี้ไปใช้เป็นเครื่องมือเสริมการเรียนรู้ประกอบการเรียน ไม่ใช่แค่ใช้เฉพาะในห้องเรียนเท่านั้น แต่รวมไปถึงการใช้งานที่บ้านได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำการบ้านหรือการเรียนออนไลน์ในช่วงการแพร่ระบาดจาก COVID-19 เช่นนี้ และที่เหนือไปกว่านั้นคือในรุ่น ASUS BR1100FK นี้ยังมีปากกา Stylus ติดมาให้ด้วย ไม่ต้องหาซื้ออุปกรณ์เสริมมาใช้อีก เรียกได้ว่า ครบ จบในเครื่องเดียว

ส่วนสเปคเครื่องเป็นอย่างไรนั้น มีรายละเอียดตามนี้เลย

ขนาด (กว้าง, ยาว, หนา)204.9 มม. x 294.6 มม. X 19.95 มม.
น้ำหนักประมาณ 1.40 กก.
หน้าจอ11.6 นิ้ว LED-backlit HD (1366 x 768) IPS หน้าจอสัมผัส ปล่อยแสงสีฟ้าต่ำที่ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland
หน่วยประมวลผล (CPU)Intel Pentium Silver N6000 1.1 GHz (4 MB Cache, up to 3.3 GHz, 4 cores)
หน่วยประมวลผลด้านกราฟฟิก (GPU)Intel UHD Graphics
ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk)SSD eMMC 128 GB
หน่วยความจำ (RAM)4 GB DDR4 2933 MHz (เหลืออีก 1 slot)
กล้องกล้องเว็บแคมความละเอียดแบบ HD กล้องหันหน้าออกสำหรับโหมดแท็บเล็ต (World-facing camera) ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
เสียงลำโพงสเตอริโอ 2 ตัวไมโครโฟน จำนวน 2 ตัว
ปุ่มและพอร์ตต่าง ๆUSB 3.2 Gen 2 Type-C จำนวน 1 ช่อง USB 3.2 Gen 1 Type-A จำนวน 1 ช่อง
USB 2.0 จำนวน 1 ช่อง HDMI จำนวน 1 ช่องช่อง LAN Ethernet 1 ช่องช่องเสียบหูฟังและไมโครโฟน 3.5 มม. 1 ช่อง
ระบบปฏิบัติการWindows 10 Pro
อื่นๆ ปากกา Stylusช่องอ่านการ์ด microSD หรือใส่ nano SIM (มีเฉพาะรุ่น LTE เท่านั้น)สามารถ Flip หน้าจอได้ 360 องศาเพื่อใช้งานในโหมดแท็บเล็ตได้

แกะกล่องลองใช้

สำหรับ ASUS BR1100FK นั้น ภายในกล่องจะมีเครื่องโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่เรียกว่าพร้อมใช้งานได้ทันที โดยมีตัวเครื่องโน้ตบุ๊กที่จับขึ้นมาแล้วรู้สึกได้เลยว่างานประกอบแน่น อีกทั้งสายชาร์จก็ขนาดเล็กกะทัดรัด แถมมีเม้าส์ไร้สายและกระเป๋าผ้าที่ขนาดพอดีกับตัวเครื่องมาให้ด้วย แต่ทั้งนี้ ตัวเม้าส์นั้นอาจจะเปิดฝาหลังยากสักเล็กน้อย ซึ่งอาจต้องให้ครูหรือผู้ปกครองช่วยแกะเอาตัว Receiver ออกมาก่อนตอนเริ่มใช้งาน แต่ก็ถือว่างานประกอบของตัวเม้าส์เองค่อนข้างดี

ขนาดเครื่องโน้ตบุ๊ก ASUS BR1100FK นี้ถือว่าเล็กกะทัดรัดถนัดมือ และเพื่อให้เห็นภาพยิ่งขึ้นจึงเอาเครื่องไปทาบกับกระดาษ A4 ดู ปรากฏว่าขนาดเครื่องรุ่นนี้เท่า ๆ กับกระดาษ A4 แทบจะพอดีเป๊ะเลยทีเดียว

ส่วนวัสดุของเครื่องถือว่าดูทนทานดีมาก ทั้งตรงขอบมุมรอบตัวเครื่องที่หุ้มยางกันกระแทกไว้หมด และตรงพื้นผิวของเครื่องจะมีปุ่มเล็ก ๆ นูนขึ้นมา ทำให้หยิบจับแล้วติดมือดี ไม่ลื่นหลุดมือง่าย ๆ แถมจับแล้วไม่เป็นรอยนิ้วมืออีกด้วย ทำให้ไม่ต้องเช็ดรอยนิ้วมือทำความสะอาดบ่อยครั้งให้ยุ่งยาก

ในรุ่น ASUS BR1100FK นี้จะมีปากกา Stylus ติดมาให้ใช้งานด้วย พร้อมช่องเก็บปากกาตรงด้านข้างของเครื่อง ดึงออกมาใช้งานได้ไม่ยาก แถมน้ำหนักก็เบากำลังดี แต่ข้อควรระวังก็คือเวลาถอดปากกาออกมาใช้งานแล้วลืมเก็บใส่กลับคืนนั้น จะไม่มีการแจ้งเตือนจากเครื่องโน้ตบุ๊ก จึงควรกำชับกับเด็กนักเรียนผู้ใช้งานให้เก็บปากกาเข้าที่ให้เรียบร้อยทุกครั้งหลังการใช้งานด้วย มิเช่นนั้นอาจสูญหายได้

ส่วนด้านล่างตัวเครื่องก็จะเป็นวัสดุเดียวกับด้านบน คือมีผิวสัมผัสเป็นปุ่มเล็ก ๆ และแถบยางกันลื่นขนาดยาวที่ช่วยทำให้หยิบจับติดมือได้ดี วางบนโต๊ะก็ไม่เลื่อนขยับมากนัก นอกจากนี้ ยังมีลำโพงอยู่โซนด้านหน้าของเครื่อง 2 ตัว 

เปิดหน้าจอขึ้นมาจะเห็นคีย์บอร์ดเป็นแป้นแบบมาตรฐานขนาดเหมาะมือสำหรับเด็ก ๆ และเมื่อกดพิมพ์บนคีย์บอร์ดดูแล้ว จะรู้สึกถึงงานประกอบที่แน่นแข็งแรงจริง ๆ ป้องกันเด็กวัยซนที่ชอบงัดแงะแกะเล่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ตรงทัชแพดก็ถือว่าใหญ่ใช้ได้ ส่วนตัวใช้งานเองก็ไม่ได้รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด

ทั้งแป้นพิมพ์และทัชแพดรวมทั้งที่พักข้าง ๆ นั้น ASUS ยังมี BacGuard ที่เป็นสารเคลือบช่วยป้องกันการสะสมและการเติบโตของแบคทีเรียตามมาตรฐาน ISO 22196 สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้สูงถึง 99% ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของทาง ASUS ในด้านความสะอาดถูกหลักอนามัย โดนใจพ่อแม่ผู้ปกครองที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพของลูกหลานเป็นแน่

นอกจากนี้ ด้านบนของคีย์บอร์ดจะเห็นว่ามีกล้องที่ออกแบบมาเพื่อใช้ถ่ายรูปในขณะที่ใช้โหมดแท็บเล็ต เรียกว่า World-facing camera มาให้ด้วย พอพับหน้าจอไป 360 องศาแล้วก็จะเหมือนแท็บเล็ตที่มีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง จะถ่ายรูปกระดานหรือสไลด์นำเสนอหน้าห้องก็สะดวกพร้อมใช้งานได้เลยในเครื่องเดียว ไม่ต้องถ่ายจากมือถือสลับเครื่องให้วุ่นวาย

ตรงเมนู Fn บนคีย์บอร์ดยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจคือ สามารถเลือกใช้โหมด Function Key หรือโหมด Hot Key แบบล็อกไว้ได้เลย โดยกดปุ่ม Fn+Esc เพื่อเลือกโหมดที่จะใช้

ตรง Hot Key ก็ยังมีปุ่มแบบใหม่ ๆ พ่วงมาด้วยที่รองรับการใช้งานทั้งการเรียนและการประชุมออนไลน์เป็นอย่างมาก นั่นคือ ปุ่มเปิด/ปิดกล้อง และปุ่มเปิด/ปิดไมโครโฟน ซึ่งกดทีเดียวก็เปิด/ปิดกล้องหรือไมค์ได้เลย อีกทั้งยังมีปุ่ม Capture Screen หน้าจอแบบเลือกพื้นที่ได้ เพียงแค่กดปุ่ม แล้วก็ลากเพื่อ Capture Screen ส่วนนั้นได้ทันที ไม่ต้องหาเครื่องมือแอปเพิ่มเติมเลย เหมาะมากสำหรับเด็ก ๆ ที่พึ่งเริ่มหัดใช้คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงผู้ใช้งานที่เน้นฟีเจอร์เพื่อการประชุมออนไลน์ด้วย

สำหรับรุ่น BR1100FK นั้นสามารถหมุน Flip หน้าจอได้แบบ 360 องศา ปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นโหมดแท็บเล็ต หรือจะวางเป็นแบบเต็นท์ตั้งขึ้นแล้วใช้หน้าจอสัมผัสร่วมกับปากกา Stylus ก็ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยของโต๊ะเรียนหรือโต๊ะทำงานไปได้อีก ถ้าวางบนโต๊ะเลคเชอร์ก็ยังมีพื้นที่เหลือ ๆ ให้วางอย่างอื่นได้ด้วย

ด้านข้างตัวเครื่องซ้ายขวา จะเห็นว่ามีพอร์ตมาให้ครบถ้วน โดยด้านซ้ายของเครื่องจะมีช่อง Kensington lock ช่องเสียบสายชาร์จ ช่อง USB 3.2 Type-C และ Type-A อย่างละช่อง และมีช่อง HDMI กับช่องใส่ปากกา Stylus

ส่วนทางด้านขวาจะมีปุ่มเพิ่มลดเสียง ปุ่มเปิดปิดเครื่อง ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ช่อง USB 2.0 Type-A 1 ช่อง และที่ดูน่าสนใจคือเครื่องเล็กขนาดนี้ยังมีช่อง RJ45 LAN Ethernet มาให้เพื่อการเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เสถียรยิ่งขึ้น รองรับการเรียนและการประชุมออนไลน์อย่างราบรื่นได้โดยไม่ติดขัด

แต่จุดที่ควรระวังคือ ปุ่มเพิ่มลดเสียงอยู่ใกล้กับปุ่มเปิดปิดเครื่องมากไปหน่อย ถ้าเผลอกดผิดก็อาจปิดเครื่องไปโดยไม่รู้ตัว

ถึงเวลาเปิดเครื่องลองใช้ ตัวเครื่องนั้นมาพร้อมกับ Windows 10 Pro ซึ่งเปิดรันขึ้นมาได้รวดเร็ว และตัวเครื่องยังมีซอฟต์แวร์ MyASUS ที่จะแสดงข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของเครื่อง รวมทั้งสามารถปรับแต่ง Customize โหมดต่าง ๆ ได้ เช่น การเปิดเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนด้วยระบบ AI (AI Noise-Cancelling) ทั้งส่วนของไมโครโฟนและลำโพง หรือว่าจะเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือผ่าน Link to MyASUS เพื่อรับส่งไฟล์กันได้อีกด้วย

หลังจากเปิดเครื่องแล้ว จะเห็นไฟ LED ด้านหลังตัวเครื่องติดขึ้นมา ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่บอกสถานะของเครื่องว่าพร้อมใช้งานหรือไม่ใน 2 เรื่อง คือ สถานะแบตเตอรี่และสถานะการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สาเหตุที่มีไฟแสดงสถานะเช่นนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าเด็กนักเรียนอาจยังไม่คุ้นชินกับการใช้งานโน้ตบุ๊ก และอาจจะยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเครื่องหากมีปัญหาระหว่างการใช้งาน

ทาง ASUS จึงได้ออกแบบไฟ LED หลังตัวเครื่องขึ้นมาเพื่อให้ผู้ปกครองที่บ้านหรือคุณครูที่โรงเรียนสามารถตรวจสอบสถานะของเครื่องที่เด็กนักเรียนใช้งานได้ง่ายขึ้น เพื่อจะได้เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

  • ไฟ LED สว่างค้างไว้ แปลว่า เครื่องใช้งานได้ปกติ
  • ไฟ LED กะพริบช้า ๆ แปลว่า แบตเตอรี่น้อยกว่า 20%
  • ไฟ LED กะพริบถี่ ๆ แปลว่า การเชื่อมต่อ WiFi มีปัญหา

อีกจุดที่ออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยมคือ ตรงกล้องเว็บแคมนั้นจะมีที่เลื่อนเปิดปิดกล้องแบบ Physical ที่จะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวได้อย่างไร้กังวลจากเหตุกรณีที่เครื่องอาจถูกแฮ็กเข้ามาเปิดเว็บแคมอัตโนมัติ จึงปลอดภัยสำหรับเยาวชนผู้ใช้งานวัยอยากรู้อยากเห็นที่อาจจะเผลอกดลิงก์เข้าไปเจอไวรัสได้

สำหรับภาพที่ได้จากกล้องเว็บแคมและกล้อง World-facing camera นั้น ถือว่าคุณภาพอยู่ในระดับที่รับได้ เพียงพอที่จะเอาไว้ใช้ถ่ายรูปเก็บรายละเอียดในชั้นเรียน ซึ่งด้วยเทคโนโลยีปรับลดสัญญาณรบกวนแบบสามมิติ (3DNR) บนเว็บแคมก็สามารถกำจัดสัญญาณรบกวนได้ถึง 94% และแม้ว่าจะอยู่ในสภาพแสงน้อย แต่ก็ยังเก็บรายละเอียดได้ดี

ภาพจากกล้องเว็บแคม
ภาพจากกล้องเว็บแคม
ภาพจากกล้อง World-facing camera
ภาพจากกล้อง World-facing camera

พอทดลองใช้หน้าจอสัมผัสและปากกาแล้ว ก็รู้สึกว่าเครื่องเร็วเพียงพอที่จะให้เด็ก ๆ ใช้งานได้อย่างแน่นอน ปากกา Stylus นั้นก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน เพราะสามารถรองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ ซึ่งเมื่อลองใช้วาดรูปบนแอปพลิเคชัน Whiteboard แล้วก็ไหลลื่น เปิดเว็บแอปเพื่อการเรียนรู้ก็ใช้งานได้อย่างราบรื่นดีมาก

หลังจากทดลองใช้งานมาสักพักหนึ่งแล้ว แบตเตอรี่ของเครื่องนั้นถือว่าอึดยาวนานมาก โดยหลังจากชาร์จเต็มแล้วทดลองใช้งานทำเอกสารผ่านเน็ต ต่อจอแยกแล้วก็ยังสามารถใช้งานได้กว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งถ้าไม่ได้ต่อหน้าจอแยกก็จะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมงเลยทีเดียว และที่สำคัญคือเครื่องไม่ค่อยร้อน เด็ก ๆ น่าจะใช้งานกันได้สบาย และพอให้เด็กใช้งานดู เด็กก็ดูสนุกชอบใจ ไม่ได้ติดปัญหาเครื่องอืดจนอดทนรอไม่ไหว เราเองในฐานะพ่อแม่ก็สบายใจเพราะตัวเครื่องก็ดูทนทาน ทนไม้ทนมือเด็ก ๆ ได้ดีทีเดียว

สำหรับคุณภาพเสียงผ่านลำโพงนั้น เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่พอใช้งานได้ เรียนออนไลน์หรือประชุมก็เสียงดังชัดเจนดี แต่ถ้าเปิดดูหนังฟังเพลงดัง ๆ อาจมีเสียงแตกบ้าง แนะนำว่าฟังผ่านหูฟังน่าจะสบายหูกว่า

Benchmarking

ทดสอบประสิทธิภาพของเครื่องสักเล็กน้อยด้วยโปรแกรม PCMark 10 ที่สามารถทดสอบประสิทธิภาพเครื่องได้หลากหลาย ซึ่งจะเลือกการทดสอบที่เน้นใช้ทำงานด้านเอกสาร การประชุม และการปรับแต่งภาพ หรือเล่นเกมว่าเป็นอย่างไร โดยได้ผลการทดสอบตามนี้

จากผลการทดสอบ จะเห็นว่าคะแนนส่วน Essentials และ Productivity ได้ระดับที่โอเค แสดงให้เห็นว่าสามารถใช้เครื่องนี้ในการทำงานเอกสาร เปิดเล่นเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือการประชุมออนไลน์ได้ระดับหนึ่ง ส่วนคะแนน Gaming ชัดเจนเลยว่าเครื่องนี้ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเล่นเกมหนัก ๆ อย่างแน่นอน เพราะผลคะแนนส่วน Gaming นั้นน้อยมาก ๆ ส่วนการใช้แต่งภาพหรือวีดีโอนั้นอาจจะเรียกว่า ใช้ทำงานกราฟิกอะไรหนัก ๆ ไม่ไหวแน่ ๆ แต่ถ้าเป็นการแต่งภาพแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังถือว่ายังพอทำได้อยู่อย่างเช่น ปรับแสงปรับสี เป็นต้น

นอกจากนี้ ได้ลองทดสอบกับ PCMark 10 Applications อีกรอบหนึ่งเพื่อทดสอบดูว่าถ้าใช้เครื่องนี้ทำงานเอกสาร Microsoft Office แล้วจะเป็นอย่างไร ได้ผลการทดสอบตามภาพด้านล่างนี้

จากผลจะเห็นได้ว่า เครื่องนี้ใช้ทำงานกับเอกสาร Microsoft Office ได้ดีในระดับหนึ่งเลย เวลาเปิดปิดโปรแกรมถือว่าไม่ช้าแล้ว และถ้าจะนำเครื่องนี้ไปทำงานกับเอกสาร Excel หลักแสนบรรทัดก็ยังทำงานได้ไหวอยู่ ส่วนสำหรับเด็ก ๆ นักเรียนโดยเฉพาะเด็กวัยประถมนั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการใช้งานที่เน้นใช้ทำรายงานหรือทำการบ้านส่งครูเป็นหลัก 

บทส่งท้าย

ทางทีม ADPT มีความเห็นว่าเครื่อง ASUS BR1100FK นี้เป็นเครื่องที่เหมาะกับน้อง ๆ วัยเรียนเป็นอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เข้ามาเสริมประสบการณ์ในการเรียนออนไลน์ ใช้ทำการบ้าน ทำรายงาน ค้นคว้าหาความรู้ด้วยขนาดเครื่องที่เล็กแต่ทนทาน วาดรูปด้วยปากกา Stylus ก็ลื่นไหล ประสิทธิภาพไม่ต้องแรงมาก พกพาไปไหนมาไหนก็ได้โดยไม่ต้องพะวงเรื่องพกอุปกรณ์เสริมเยอะ ๆ ตัวเครื่องทนไม้ทนมือเด็ก ๆ อย่างแน่นอน

ส่วนผู้ใหญ่ก็ใช้งานได้เช่นกัน เน้นทำงานผ่านเว็บไซต์หรือเบราว์เซอร์ ประชุมงานออนไลน์ ทำเอกสารหรือปรับแต่งภาพเล็กน้อยก็ได้ พกพาไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศได้โดยที่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของเครื่องมากนัก

สำหรับราคาของเครื่อง ASUS BR1100FK นั้นถือว่าเข้าถึงได้ด้วยราคาเปิดตัวออกมาเพียง 13,690 บาทเท่านั้น ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ ASUS และถ้าใครสนใจอยากซื้อเครื่องนี้ก็สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ASUS Official Store ทั้งบน Shopee หรือ Lazada หรือ JD ได้เลย

สุดท้ายนี้ ทีมงาน ADPT ขอขอบพระคุณทาง ASUS ประเทศไทยเป็นอย่างสูงที่ได้ให้ความอนุเคราะห์เครื่อง ASUS BR1100FK มารีวิวในครั้งนี้ และจากที่ได้ลองให้เด็กใช้งานแล้ว ก็อาจจะต้องไปหาซื้อมาใช้งานเองด้วยแล้วเช่นกัน 

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

[รีวิว] ชวนลอง TP-Link เปิดใช้งานฟรี Omada Cloud Controller

ที่ผ่านมาเมื่อมีอุปกรณ์ในเครือข่ายเพิ่มขึ้นธุรกิจหรือผู้ใช้งานมักเริ่มมองหาการบริหารจัดการแบบศูนย์กลาง ซึ่งในอดีตแบรนด์ต่างๆมักพูดถึงเรื่องฮาร์ดแวร์สำหรับหน้าที่นั้น แต่ในปัจจุบัน Cloud-based Management คือทางเลือกที่ถูกนำเสนอมากขึ้น แต่บ่อยครั้งที่ทางเลือกมักมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายรายเดือนหรือรายปี ซึ่งในบางกรณีอาจสูงจนไม่คุ้มค่ากับขนาดธุรกิจที่มีการใช้งานไม่ซับซ้อน ในวันนี้เป็นโอกาสของลูกค้าผู้ใช้งาน TP-Link ที่ได้เปิด Cloud Controller ให้ใช้งานได้ฟรีภายใต้ License …

Juniper ลงทุนใน Recogni พัฒนาชิป AI ประสิทธิภาพสูงสำหรับแร็กเซิร์ฟเวอร์

Juniper Networks เพิ่งเปิดเผยว่าได้ลงทุนใน Recogni ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพผู้พัฒนาชิป AI ที่โดดเด่นด้านขนาดและประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มุ่งเป้าการใช้งาน AI ในศูนย์ข้อมูล