ถือเป็นครั้งแรกเลยครับที่ทีมงาน TechTalkThai ได้รีวิวเครื่องโน้ตบุ๊คที่ออกแบบมาสำหรับงานกราฟฟิกกันโดยเฉพาะ กับ ASUS ProArt StudioBook 15 H500GV โน้ตบุ๊ครุ่นสำหรับมืออาชีพที่จัดเต็มทั้งสเป็คในเครื่องและการออกแบบภายนอก พร้อม CPU Intel Core i7 และการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 2060 เหมาะสำหรับทั้งคนที่ทำงานด้านกราฟฟิก ไปจนถึงสถาปนิกและวิศวกรที่ต้องใช้โปรแกรมออกแบบ และโปรแกรมเมอร์ที่ต้องการการ์ดจอสำหรับช่วยประมวลผลในงานเฉพาะทางบางอย่างครับ
ASUS ProArt StudioBook 15 H500GV: สเป็คแรงมาก แต่ไม่หนักอย่างที่คิด

ก่อนจะรีวิวโน้ตบุ๊คเครื่องนี้ ต้องขอเล่าก่อนกว่า ASUS ProArt เป็นผลิตภัณฑ์อีกตระกูลหนึ่งในกลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับทำงานที่ต้องประมวลผลด้านกราฟฟิกโดยเฉพาะ ที่มีทั้ง Desktop, Notebook, จอ และเมนบอร์ดเลย เรียกได้ว่าถ้าอยากหาคอมแรงๆ ซักเครื่องสำหรับงานด้านกราฟฟิก ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลรูปภาพ, การตัดต่อวิดีโอ, การจำลองทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม หรืองานเขียนโปรแกรมที่ต้องมีการประมวลผลจากการ์ดจอเข้ามาช่วย ASUS ProArt ก็เป็นทางเลือกให้ได้ทั้งสำหรับคอมสำเร็จรูป, โน้ตบุ๊ค และคอมประกอบเลยครับ ผู้ที่สนใจรายละเอียดลองเข้าไปเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ https://www.asus.com/ProArt/ ได้เลยครับ
คราวนี้สำหรับ ASUS ProArt StudioBook 15 H500GV ที่ได้มารีวิวในครั้งนี้ ก็เป็นโน้ตบุ๊คที่ออกแบบมาให้รองรับงานระดับมืออาชีพโดยเฉพาะหรือเรียกในภาษากลางๆ ว่า Mobile Workstation ก็เรียกได้ว่าถ้าใครกำลังมองหาคอมสำหรับงานกราฟฟิกหนักๆ ที่สามารถพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ได้ ตัวนี้ก็ถือเป็นคำตอบที่น่าสนใจครับ โดยสเป็คของเครื่องที่ได้มาทดสอบมีดังนี้

- CPU: Intel Core i7-9750H 6-Core ความถี่ 2.60GHz พร้อมแคชขนาด 12MB รองรับการทำ Turbo Boost ได้สูงสุด 4.5GHz
- RAM: 16GB On-board สามารถอัปเกรดได้สูงสุดรวมกัน 48GB
- SSD: 1TB รองรับการติดตั้งได้สูงสุดสองลูก ความจุรวมสูงสุด 2TB
- GPU: NVIDIA GeForce RTX 2060, 6GB GDDR6 VRAM
อ่านสเป็คเบื้องต้นก็เห็นได้ถึงความแรงที่ไม่แพ้เครื่อง Desktop แล้วครับ แต่อีกจุดหนึ่งที่ถือว่าโดดเด่นมากๆ ก็คือเรื่องของจอ 4K UHD ขนาด 15.6 นิ้วแบบขอบบางด้วยเทคโนโลยี NanoEdge ที่รับประกันความตรงของสีด้วยคุณสมบัติ 100% Adobe RGB Color Space และมีความแม่นยำของสีด้วยค่า Delta-E น้อยกว่า 1.5 และยังผ่านการรับรอง PANTONE Validated มาอีกด้วย มั่นใจได้เลยว่าการแสดงผลค่าสีจะครบถ้วนและชัดเจน

ด้วยสเป็คที่แรง รวมถึงจอและสีที่คุณภาพจัดเต็มขนาดนี้ หลายๆ คนอาจจะห่วงว่าเครื่องอาจจะร้อน ภายใน ASUS ProArt StudioBook 15 H500GV นี้จึงออกแบบระบบระบายความร้อนมาแบบเต็มที่ให้มั่นใจได้ว่าทุกอุปกรณ์ในเครื่องจะยังทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ในขณะที่เสียงเงียบมากด้วยความดังสูงสุดของการระบายความร้อนเพียงแค่ไม่ถึง 39dB เท่านั้น ก็เรียกว่าแทบไม่ได้ยินเสียงขณะใช้งานเลยนั่นเองครับ
ส่วนพอร์ตและการเชื่อมต่อที่ให้มาก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานมากๆ ด้วย USB3.1 Gen 1 จำนวน 3 ช่อง, USB-C 3.1 Gen 2 จำนวน 1 ช่อง, RJ45 จำนวน 1 ช่อง และพอร์ตเชื่อมต่อจออย่าง HDMI อีก 1 ช่องที่รองรับการต่อจอ 60Hz 4K UHD ก็ทำให้การเชื่อมต่อจอเสริมนั้นสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังรองรับ Wi-Fi 6 แบบ Dual-band 2×2 และ Bluetooth 5.0 อีกด้วย
สำหรับแบตเตอรี่ที่ให้มาในเครื่องก็ถือว่ากำลังดี ด้วย 76W 4-cell Lithium-Polymer ก็สามารถรองรับการใช้งานโดยไม่ต้องเสียบสายชาร์จได้ระยะหนึ่ง ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของเครื่องสเป็คสูงระดับนี้อยู่แล้วที่มักถูกออกแบบมาใช้แบบชาร์จไฟเป็นหลัก และมีพลังงานเหลือพอที่จะทำงานได้โดยไม่ต้อชาร์จไฟได้บ้างเท่านั้น
สุดท้ายที่น่าตกใจมากๆ คือเรื่องของน้ำหนักครับ เครื่องนี้ด้วยสเป็คที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ กลับมีน้ำหนักเพียงแค่ 1.98 กิโลกรัมเท่านั้น หนักกว่าโน้ตบุ๊ครุ่นทั่วๆ ไปที่จอใหญ่เพียงเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่ได้ และหนังมีความหนาเพียงแค่ 18.9 มิลลิเมตรหรือเพียงไม่ถึง 2 เซนติเมตร ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยวัสดุแบบแมกนีเซียม-อัลลอยที่มีทั้งความทนทานและเบาบาง ดังนั้นหากใครคิดว่ากำลังอยากได้โน้ตบุ๊คทำงานแรงๆ และไม่คิดว่าน้ำหนัก 2 กิโลกรัมจะหนักเกินไป ASUS ProArt StudioBook 15 H500GV ก็คือเป็นทางเลือกที่ดีครับ
ผู้ที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเริ่มสนใจ ASUS ProArt StudioBook 15 H500GV สามารถลองศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.asus.com/th/Laptops/ProArt-StudioBook-15-H500GV/ นะครับ
แกะกล่อง ลองใช้ของจริง
เครื่องนี้เป็นอีกเครื่องหนึ่งของ ASUS ที่เห็นได้ชัดมากว่าถูกออกแบบมาให้อยู่ในตลาดพรีเมี่ยม โดยในการแกะกล่องมาทดลองใช้งานนั้น เราก็พบว่าภายในกล่องกระดาษสีน้ำตาลที่เป็นกล่องนอกสุดแล้ว ข้างในก็ยังมีกล่องกระดาษสวยงามที่ถูกออกแบบมาสำหรับ ASUS ProArt StudioBook 15 H500GV โดยเฉพาะอีกด้วย เรียกได้ว่าแค่ขั้นตอนการดึงโน้ตบุ๊คออกมายลโฉมครั้งแรก ก็ผ่านการคิดของทีมงาน ASUS หลายตลบแล้วครับ



ในสัมผัสแรกกับตัวเครื่องที่มีน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัมนี้ก็ถือว่าไม่หนักจนเกินไปสำหรับการใช้งาน และยิ่งถ้าเทียบว่าเครื่องสเป็คสูงระดับนี้แล้วก็ถือว่าไม่หนักเลย ส่วนตัววัสดุภายนอกทำมาแข็งแรงทนทานดี

พอเปิดฝาจอออกมา ก็พบว่าตัวยึดจอกับเครื่องนั้นแข็งแรงมากครับ ส่วนตัวคีย์บอร์ดที่ให้มานั้นก็จะให้สัมผัสที่ต่างจากเครื่องอื่นๆ ของ ASUS อยู่พอสมควร และมีระยะกดที่ค่อนข้างลึก ดูมีความจริงจังสำหรับใช้ในการทำงาน ส่วน Touchpad ที่ให้มาก็มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ เหมาะสำหรับจอใหญ่ๆ แบบนี้เลยครับ

ด้วยความที่เครื่องหนัก จอของเครื่องนี้จึงออกแบบมาต่างจากรุ่นอย่าง Ultrabook คือเปิดออกมาแล้วไม่ได้ใช้จอรับน้ำหนักเครื่องครับ และด้านล่างของจอก็เว้นที่เอาไว้ให้ระบายความร้อนได้ด้วย

คราวนี้พอเปิดเครื่อง สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้ชัดมากตั้งแต่ตอนเข้าหน้าของ Windows 10 ก็คือความคมชัดและสีที่สดชัดเจนมากๆ ของจอ แทบไม่รู้สึกเลยว่านี่คือจอของโน้ตบุ๊คแต่เหมือนจอสำหรับงานกราฟฟิกโดยเฉพาะมากกว่า และยิ่งหลังจาก Login เข้าไปเจอกับ Background หน้าจอของเครื่อง ProArt ที่ออกแบบมาให้เห็นความเด่นของการไล่เฉดสีแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความต่างครับ


ด้วยจอที่มีสัดส่วน 16:9 นี้ก็ถือว่าเพียงพอต่อการทำงานกราฟฟิกได้ดี และโน้ตบุ๊ครุ่นนี้ก็ยังให้ระบบเสียงที่ดีมากๆ มาอีกทำให้งานตัดต่อวิดีโอสามารถทำได้ดีเลยครับ
ส่วนความเร็วในการใช้งานก็ไม่ติดขัดอะไร เพราะด้วยสเป็คเครื่องระดับนี้รวมกับ SSD ที่ให้มา ทุกอย่างก็ทำงานได้รวดเร็วสวยงามตามท้องเรื่องครับ ส่วนพอร์ตที่ให้มาก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานดี เสียบเมาส์และคีย์บอร์ดเพิ่มก็ยังมีช่องเหลือพอให้ใช้ทำอย่างอื่นได้อีกครับ


ประเด็นหนึ่งที่ต้องทราบก่อนนำไปใช้งานจริงก็คือเครื่องนี้ Battery อยู่ได้ราวๆ 5-7 ชั่วโมงเท่านั้นครับ และอาจน้อยกว่านี้อีกถ้าใช้งานหนักๆ ดังนั้นเครื่องนี้ผมว่าก็มีจุดที่ชัดเจนมากว่าเป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับการใช้งานแทน PC ที่เน้นทำงานกราฟฟิก ที่เราจะได้เรื่องของการยกเครื่องไปใช้งานที่อื่นได้, มีจอคุณภาพสูงมาก และกินพื้นที่น้อย ทำให้พื้นที่ทำงานเราเป็นระเบียบมากขึ้น โดยมีแบตเตอรี่สำหรับใช้ยามฉุกเฉินหรือทำงานนอกสถานที่โดยไม่ชาร์จไฟได้เพียงเล็กน้อยครับ

แน่นอนว่าพอทดสอบไปได้ระยะหนึ่งก็เริ่มสังเกตได้ชัดว่าเครื่องมีการระบายความร้อนที่ค่อนข้างจะต่อเนื่อง แต่การออกแบบของ ASUS เครื่องนี้คือลมร้อนจะออกไปทางด้านหลัง, ด้านซ้ายขวาตรงบริเวณใกล้จอของเครื่องเท่านั้น ดังนั้นเวลาจะจัดพื้นที่ทำงานก็ต้องคำนึงถึงการระบายความร้อนตรงนี้ด้วย และไม่นำสิ่งที่จะกีดขวางการระบายความร้อนไปขวางทางลมครับ รวมถึงไม่เดินสาย USB หรือสาย HDMI ผ่านลมร้อนได้ก็จะดี ก็ต้องจัดสายกันนิดหน่อยครับ
โดยรวมใช้แล้วก็รู้สึกว่าค่อนข้างชอบกับความแรงของเครื่องในขนาดที่ไม่ใหญ่มาก คือถ้าต้องการใช้การ์ดจอระดับ NVIDIA RTX 2060 ในการทำงาน แต่ไม่อยากได้ Desktop ใหญ่ๆ มาใช้ ผมว่า ASUS ProArt StudioBook 15 H500GV ก็ค่อนข้างจะตอบโจทย์ทีเดียวครับ แต่ถ้าอยากทำงานให้สะดวกเต็มที่ก็แนะนำว่าควรจะต้องซื้อ Keyboard, Mouse, Monitor เสริมเข้ามาเพิ่มด้วย จะทำให้เราจัดพื้นที่ทำงานได้ง่ายขึ้น และมีที่วาง ASUS ProArt StudioBook 15 H500GV แยกไปเป็นจอข้างๆ กันกับจอใหญ่ ก็จะเหมาะเลยครับ
สรุปข้อดีข้อเสีย
ข้อดี
- สเป็คแรงมากทั้ง CPU, GPU, RAM, SSD ทำงานกราฟฟิกได้สบายๆ
- จอสีคมชัดและตรง และมีสัดส่วน 19:10 ใช้ทำงานจริงได้เหมาะมากๆ เรียกว่าจอนี้ดีที่สุดเท่าที่เคยทดสอบมาเลยครับ
- ระบบเสียงดีมาก เหมาะกับงานวิดีโอที่ต้องตรวจสอบทั้งภาพและเสียงอยู่ตลอด
- น้ำหนักไม่เกิน 2 กิโลกรัม ถือว่าเบามากแล้วกับสเป็คระดับนี้
- วัสดุภายนอกสวยดี ทนทาน
ข้อเสีย
- ปุ่ม Spacebar สั้นไปนิดหน่อย ตอนทดลองใช้ยังไม่ทันชินมือ แต่คิดว่าใช้ๆ ไปก็คงชินได้ครับ
- ระบายความร้อน 3 ทิศทาง ทำให้จัดพื้นที่ทำงานยากนิดหน่อย ซึ่งพอลงตัวแล้วก็ไม่ต้องไปปรับอะไรอีกครับ
- แบตเตอรี่ไม่ทนมากแต่เข้าใจได้เพราะสเป็คเครื่องแรงมาก ดังนั้นถ้าจะใช้ต้องเข้าใจในข้อจำกัดส่วนนี้ครับ
ติดต่อทีมงาน ASUS ประเทศไทย

สำหรับผู้ที่สนใจสินค้าของ ASUS และต้องการข้อมูลรายละเอียดต่างๆ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.asus.com/th/commercial/