บริษัท Microsoft มีการประกาศผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ประจำปี 2565 ออกมาให้เห็นตัวเลขการเติบโตเรียบร้อยแล้ว และเมื่อนำมาเปรียบเทียบในปฏิทินเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา จะเห็นตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน โดยในปีงบประมาณ 2565 บริษัท Microsoft มีรายได้อยู่ที่ 51.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 20% และมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นถึง 18.8 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 21% ของรายได้สุทธิปฏิทินเก่าประจำปี 2564
กลุ่มสินค้าที่ทำรายได้สูงสุดกลายเป็นธุรกิจคลาวด์ของไมโครซอฟท์ โดยมีรายได้อยู่ที่ 22.1 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับรายได้ของปีที่ผ่านมา และนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ บริษัท Microsoft ทำเม็ดเงินได้ถึง 50,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรกของปี
ตัวเลขผลประกอบการแยกตามกลุ่มธุรกิจสินค้า
-
กลุ่มธุรกิจสินค้า Office และบริการ Cloud รายได้เพิ่มขึ้น 14%
-
กลุ่มธุรกิจสินค้า Office 365 รายได้เพิ่มขึ้น 19%
-
กลุ่มธุรกิจสินค้า LinkedIn รายได้เพิ่มขึ้น 37%
-
กลุ่มธุรกิจสินค้า Dynamics และระบบ Cloud รายได้เพิ่มขึ้น 29%
-
กลุ่มธุรกิจสินค้า Dynamics 365 รายได้เพิ่มขึ้น 45%
-
กลุ่มธุรกิจสินค้า Windows OEM รายได้เพิ่มขึ้น 25%
-
กลุ่มธุรกิจสินค้า Surface รายได้เพิ่มขึ้น 8%
-
กลุ่มธุรกิจสินค้า Azure รายได้เพิ่มขึ้น 32%
จากตัวเลขผลประกอบการข้างต้นนี้ ถ้ามาสรุปแยกประเภทกลุ่มสินค้า Azure และบริการ Cloud อื่นๆ จะเห็นรายได้การเติบโตของกลุ่ม Microsoft Cloud ถึง 46% จึงไม่แปลกใจว่าทำไมธุรกิจ Cloud เป็นตัวแปลที่ทำให้ Microsoft มีรายได้ถึง 51.7 พันล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2565
จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนในการผลิตแต่ตัวเลขรายได้ของ Windows OEM กลับเพิ่มขึ้นถึง 25% อาจจะเป็นเพราะการได้รับผลกระทบ COVID-19 ทำให้มีการกักตัวและทำงานในรูปแบบ WFH มากขึ้น ปริมาณการใช้งาน Computer PC ก็มีจำนวนมากขึ้นตาม ถ้าสังเกตกลุ่มสินค้าที่มีตัวเลขการเติบโตต่ำสุด คือ Surface มีรายได้เพิ่มขึ้นแค่ 8% ส่วนใหญ่มาจากการขาย Surface Laptop ทำให้คาดการได้ว่าตัวเลขจะทรงตัวอยู่แบบนี้เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตผู้ใช้งานเปลี่ยนไปตามวิถี New Normal นั้นเอง