Red Hat เผยโซลูชันใหม่วางแนวทางสนับสนุน AI, Automation และ Open Platform

Red Hat ผู้นำด้านโอเพ่นซอร์สสำหรับระดับองค์กร ได้ออกมาเปิดเผยถึงแผนการที่จะรองรับนวัตกรรมแห่งอนาคต โดยเพื่อการนั้นในงาน Red Hat Summit 2024 ที่สหรัฐฯ จึงได้มีการประกาศโซลูชันใหม่และ Roadmap เกี่ยวกับ 3 มุมมองสำคัญคือ AI, Automation และ Open Platform

คุณสุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทยของเร้ดแฮท

โดยเมื่อวานนี้ Red Hat ประเทศไทยได้ตอกย้ำถึงข่าวสารอัปเดตใหม่เหล่านี้ให้สื่อมวลชนได้รับทราบกันอีกครั้งจาก คุณสุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทยของเร้ดแฮท โดยทีมงาน TechTalkThai ขอสรุปสาระสำคัญมาให้ติดตามกันครับ

ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหาหลักต้องย้ำทุกท่านถึงผลิตภัณฑ์หลักของ Red Hat หรือโซลูชันโอเพ่นซอร์สที่การันตีความน่าเชื่อถือสำหรับงานระดับองค์กร โดยที่ Red Hat มีความสัมพันธ์กับ Ansible ในฐานะผู้เข้าซื้อกิจการ ดังนั้นในงาน Red Hat Summit ในครั้งนี้จึงจัดขึ้นร่วมกับงาน AnsibleFest ด้วย นอกจากนี้กล่าวได้ว่า Red Hat เป็นส่วนหนึ่งของ IBM จึงทำให้มีความร่วมมือใหม่ๆเกิดขึ้นด้วย

การอัปเดตใหม่เกิดขึ้นใน 3 มุมมองหลักๆคือ

1.) AI

ในมุมของ AI เริ่มต้นด้วยการจับมือกับ IBM เพื่อสำหรับโมเดล LLM ที่เป็นโอเพ่นซอร์สอย่างแท้จริง มาให้ผู้สนใจสามารถเข้าถึงได้ผ่าน InstructLab เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองและทำงานระดับการ customize ตัวโมเดล

ในกรณีที่มีความจริงจังมากขึ้นกับงานระดับองค์กร สู่การมองหาการ deploy ใช้งานจริงบนเซิร์ฟเวอร์ โซลูชันระดับ commercial ที่มีบทบาทเข้ามาก็คือ RHEL AI (Red Hat Enterprise Linux) ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่จำเป็นต่อการพัฒนาแล้ว

แต่สำหรับองค์กรที่มองหา cloud native หรือต้องการรองรับการขยายตัวในขนาดใหญ่ Red Hat OpenShift AI คือในมุมนี้โดยเฉพาะ ในการบริหารจัดการ ซึ่ง Red Hat มอง AI ในมุมของการทำให้เกิดขึ้นได้จริงในองค์กรและพยายามลดความซับซ้อนให้ผู้สนใจจับต้องได้ง่ายขึ้น นั่นจึงเกิดเป็นโซลูชันข้างต้นที่ครอบคลุมตั้งแต่การทดลองและการใช้งานเชิงพาณิชย์ในองค์กรที่ได้รับการดูแลโดย Red Hat

2.) Automation

เพื่อให้การทำงานเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ Red Hat มองว่าความเป็นอัตโนมัติขึ้นอยู่กับกรณีใช้งานซึ่งต้องมีสารตั้งต้นก่อน โดยหากทำได้จริงทีมงานจะมีเวลาเหลือไปทำงานอื่นแทน ลดต้นทุนและเวลาในการนำส่งผลิตภัณฑ์ ที่สำคัญคือตอบโจทย์การฟื้นฟูระบบในแนวคิดของ Cyber Resiliency

แน่นอนว่าความร่วมมือกับ IBM watsonx code จะช่วยปลดล็อกในการพัฒนาโค้ด หรือการยกระดับการจัดการระบบผ่านโซลูชัน Red Hat Ansible Lightspeed โดยแผนคือภายในครึ่งหลังของปีนี้จะนำ Red Hat Lightspeed มายัง RHEL และ OpenShift ด้วย

3.) Open Platform

จากสถิติการเติบโตระหว่าง Virtualization และ Container พบว่าแม้อนาคต Virtualization จะมีสัดส่วนน้อยลงก็ตาม แต่ยังจำเป็นและสำคัญกับองค์กร ด้วยเหตุนี้เองการทำให้แพลตฟอร์ม OpenShift สามาถรรองรับได้ทั้ง Container และ Virtualize จึงจำเป็น ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของโซลูชัน Red Hat OpenShift Virtualization จึงเกิดขึ้นที่รองรับการจัดการได้ทั้ง VM และ Container ไอเดียคือการนำ KubeVirt เข้ามาใช้นั่นเอง

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

AWS เพิ่มตัวเลือก WorkSpaces รุ่นใหม่รองรับ 32 vCPU สำหรับงานประมวลผลหนัก

AWS เปิดตัว WorkSpaces รุ่นใหม่พร้อม vCPU สูงสุด 32 คอร์และแรม 128GB สำหรับงานประมวลผลหนัก เพิ่มทางเลือกใหม่สำหรับการทำงาน Remote

AWS Management Console สนับสนุน Sign-In พร้อมกันหลายบัญชีได้แล้ว

ล่าสุด AWS ผู้ให้บริการ Cloud ยักษ์ใหญ่ได้ประกาศสนับสนุนการใช้งาน Multi-Session หรือการเข้าถึง AWS Management Console ด้วยบัญชี AWS ได้พร้อมกันหลายบัญชี โดยผู้ใช้งานจะสามารถ Sign-In …