Red Hat ประกาศเปิดตัวชุดเครื่องมือใหม่ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความซับซ้อนในการทำงานบน Hybrid Cloud และ Edge Computing พร้อมประกาศความร่วมมือกับ AMD
ในงาน Red Hat Summit ที่กำลังจัดขึ้น ทาง Red Hat ได้มีเปิดตัว Red Hat OpenShift Lightspeed ซึ่งเป็น AI Assistant สำหรับผู้ใช้งาน OpenShift พร้อมให้บริการแบบ General Availability แล้ว โดย Lightspeed ทำงานร่วมกับโมเดล AI จากหลายค่าย ทั้ง OpenAI, Microsoft Azure OpenAI และ IBM WatsonX รวมถึงรองรับการทำงานแบบ Private Deployment บน Red Hat Enterprise Linux AI หรือ OpenShift AI ระบบนี้ช่วยให้คำแนะนำแบบ Step-by-step ผ่านคำสั่งภาษาธรรมชาติ และให้ความช่วยเหลือในงานต่างๆ บน OpenShift เช่น การแก้ไขปัญหาและการตรวจสอบทรัพยากร นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Preview ที่ช่วยให้ AI Assistant สามารถดึงข้อมูลจากสภาพแวดล้อมจริงในระดับ Cluster เพื่อตอบคำถามได้แม่นยำมากขึ้น
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจคือ Red Hat Edge Manager ที่เปิดตัวในรูปแบบ Technology Preview สำหรับจัดการอุปกรณ์ Edge จำนวนมาก โดยเน้นการรวมศูนย์การควบคุมแอปพลิเคชันและโครงสร้างพื้นฐานในสภาพแวดล้อมแบบ distributed เช่น เครือข่ายร้านค้าปลีกหรือโรงงานอุตสาหกรรม ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อจัดการอุปกรณ์หลายหมื่นเครื่องด้วยการควบคุมตามนโยบาย แม้ในสภาพแวดล้อมที่ขาดผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ในพื้นที่ มีคุณสมบัติเด่น ได้แก่ การ Deploy ตามนโยบายด้วย Desired-state Configurations, การแจ้งเตือนแบบปรับแต่งได้ และการสื่อสารที่ปลอดภัยผ่านโปรโตคอล Mutual TLS รวมถึงสถาปัตยกรรม Agent ที่ทนทานช่วยให้สามารถจัดการได้แม้ในสภาพเครือข่ายที่ไม่เสถียร
นอกจากนี้ Red Hat ยังขยายความร่วมมือกับ AMD เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ Workload ด้าน AI และ Virtual Infrastructure ในระบบ Hybrid Cloud โดย Red Hat จะผสานรวม AMD Instinct GPU และ Epyc CPU เข้ากับแพลตฟอร์ม AI และ OpenShift โดยปัจจุบัน OpenShift AI รองรับ AMD Instinct GPU แล้ว ทำให้สามารถปรับแต่งประสิทธิภาพสำหรับ Large Language Model และ Small Language Model บน Microsoft Azure ได้ ส่วน RHEL AI ก็ได้รับการรับรองให้รัน Inference บน AMD Instinct MI300X GPU นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทยังร่วมกันพัฒนาโครงการ Open Source vLLM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบ Inference และการรองรับ Multi-GPU อีกด้วย