ในงาน Red Hat TechTalks ซึ่งเป็นงานเสวนาด้านโซลูชันประจำปี Red Hat ได้ออกมาเผยถึงทิศทางและกลยุทธ์ประจำปี 2024 ซึ่งยังคงมุ่งเน้นไปที่การนำนวัตกรรม Opensource มาให้บริการในระดับ Enterprise Grade โดยมีเป้าหมายในการเป็นผู้ช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งด้านไอที ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของขั้นตอนการพัฒนาซอฟต์แวร์และโซลูชัน การจัดการ Hybrid และ Multi Cloud รวมไปถึงการรองรับเทคโนโลยี AI ซึ่งจะมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในทุกอุตสาหกรรม
ในปี 2024 นั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าระบบไอทีและดิจิทัลได้เข้ามาเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ และหนึ่งเทรนด์ที่ร้อนแรงคือการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ปัญญาประดิษฐ์นั้นอาจกลายมาเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในอนาคตอันใกล้ โดยในประเทศไทย รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดังกล่าวและตั้งเป้าหมายก้าวเข้าไปเป็น Top 50 ในดัชนี AI Readiness Index เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
Red Hat มองว่าการใช้งานคลาวด์นั้นยังคงเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ที่หากธุรกิจไม่ปรับตัวตามก็อาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจน้อยลงไปทุกวัน ปัจจุบันนั้นมีการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์ที่หลากหลาย ทั้งในรูปแบบของ Hybrid และ Multi Cloud เพื่อตอบสนองความต้องการขององค์กร ดังนั้นการปูรากฐานให้ระบบไอทีขององค์กรเชื่อมถึงกันอย่างปลอดภัย จัดการได้ง่าย และใช้งานได้สะดวก จึงกลายมาเป็นสิ่งที่ธุรกิจให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น
ในปีนี้ Red Hat มุ่งเน้นชู 4 นวัตกรรมที่จะช่วยสนับสนุนให้องค์กรทำงานไอทีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยหัวใจของ Red Hat ยังคงเป็นการใช้นวัตกรรม Open Source ที่นักพัฒนาทั่วโลกร่วมกันเสนอไอเดียและพัฒนาขึ้นมา พวกเขายก 4 โซลูชันขึ้นเป็นเรือธงในปี 2024 นี้ ได้แก่
- Trusted Software Supply Chain – ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยนับเป็นประเด็นหลักที่ธุรกิจให้น้ำหนักมาก และในยุคที่การพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโซลูชันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องแข่งขันกับสถานการณ์และความต้องการที่เปลี่ยนไปในโลก ขั้นตอนการพัฒนาจึงต้องมีประสิทธิภาพสูงสุดรวมไปถึงมีความปลอดภัย เชื่อถือได้ตั้งแต่ตัวอักษรแรกของโค้ด โซลูชัน Trusted Software Supply Chain จึงเข้ามาตอบโจทย์ DevOps ขององค์กรได้เป็นอย่างดี
- OpenShift และ OpenShift Virtualization – สถาปัตยกรรมแบบ Microservice นั้นยังคงเป็นพื้นฐานของระบบดิจิทัลภายในองค์กร โดยนอกจาก Container หรือ Kubernetes แล้ว OpenShift ยังได้เปิดตัว OpenShift Virtualization ที่ช่วยให้องค์กรสามารถรัน Virtual Machine ใน Container ในแพลตฟอร์มเดียวกันที่สามารถจัดการไปพร้อมๆกันได้ เพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินการ จัดระบบโครงสร้างไอทีขององค์กรได้ในแพลตฟอร์มเดียว
- OpenShift AI – ด้วยความต้องการด้าน AI ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ หลายองค์กรจึงอยากพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขององค์กรขึ้นมาใช้งาน ซึ่ง OpenShift AI จะเข้ามาช่วยจัดการโครงสร้างพื้นฐานของการใช้งาน AI ภายในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นด้านข้อมูล การเทรนโมเดล และการสร้าง Environment เพื่อรันโมเดลนั้น
- Ansible LightSpeed และ Event-Driven Ansible – Ansible นั้นคือการนำเทคโนโลยี Automation เข้ามาใช้งานในองค์กรซึ่งช่วยให้การดำเนินการเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ลดข้อผิดพลาด ใช้งานซ้ำได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีการเสริมประสิทธิภาพด้วยการช่วยเหลือจาก AI ที่จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยในการเขียนโปรแกรมใน Ansible LightSpeed ซึ่งนอกจากจะช่วยในการทำงานแล้ว ยังช่วยให้นักพัฒนาได้เรียนรู้ Best Practise และปรับเปลี่ยนโค้ดให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด
คุณสุพรรณี อำนาจมงคล ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Red Hat กล่าวทิ้งท้ายว่าในปัจจุบันนั้นการใช้งานนวัตกรรมเทคโนโลยีมีความหลากหลายไม่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้งานคลาวด์ การเชื่อมต่อ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ Red Hat มีจุดมุ่งหมายในการช่วยส่งเสริมแนวทางที่ธุรกิจเลือกให้เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดไม่ว่าจะเป็นระบบไอทีรูปแบบใด ด้วยนวัตกรรมแบบ Opensource ที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และการให้บริการใน Enterprise Grade ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Red Hat