OpenAI เปิดตัว ChatGPT Deep Research ค้นคว้าวิจัยแทนผู้ใช้อย่างครอบคลุม

OpenAI ประกาศเปิดตัว “Deep Research” ฟีเจอร์ใหม่บน ChatGPT ที่สามารถทำการค้นคว้าวิจัยที่ลึกซึ้งและซับซ้อนแทนผู้ใช้ได้ โดยผู้ใช้ ChatGPT Pro สามารถใช้งานได้แล้วสูงสุด 100 ครั้งต่อเดือน นอกจากนี้บริษัทยังสัญญาว่าจะเปิดให้ผู้ใช้ ChatGPT Plus, Team และ Enterprise เข้าถึง “แบบจำกัด” ได้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

Credit: OpenAI

ความสามารถใหม่นี้สามารถทำงานได้อย่างอิสระ วางแผนและดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อค้นหาข้อมูลที่ผู้ใช้ต้องการ ผู้ใช้ที่ทำการค้นคว้าวิจัยเชิงลึกเพื่อตรวจสอบบางสิ่ง ไม่เพียงแต่จะได้รับคำตอบแบบตรงไปตรงมาในรูปแบบข้อความ แต่ ChatGPT ยังจะแสดงสรุปกระบวนการวิจัยในแถบด้านข้าง พร้อมกับแหล่งอ้างอิงที่ใช้ในการค้นพบให้ด้วย โดยผู้ใช้สามารถถามคำถามโดยใช้ข้อความธรรมดาและอัปโหลดรูปภาพและไฟล์อื่นๆ เช่น PDF และสเปรดชีตเพื่อระบุบริบท จากนั้น ChatGPT จะใช้เวลาตั้งแต่ 5 นาทีถึง 30 นาทีในการสร้างคำตอบที่ครอบคลุม และในอนาคตยังสามารถตอบกลับด้วยแผนภูมิและรูปภาพที่ฝังอยู่ในเนื้อหาได้อีกด้วย

OpenAI กล่าวว่า ChatGPT Deep Research คล้ายกับการมีนักวิจัยมนุษย์มืออาชีพ แต่ก็เตือนว่า AI ยังสามารถทำผิดพลาดได้ ความเสี่ยงรวมถึงการสร้างข้อเท็จจริงขึ้นเอง การแยกแยะระหว่างข่าวลือและข้อมูลที่เชื่อถือได้ และการให้คะแนนคำตอบบางอย่าง ซึ่งบริษัทก็กำลังพยายามจำกัด “อาการหลอน” เหล่านี้ด้วยการใช้รุ่นพิเศษของ o3-mini โมเดลการให้เหตุผลที่เพิ่งประกาศใหม่และได้รับการฝึกฝนโดยใช้เทคนิค reinforcement learning ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำให้โมเดล AI เรียนรู้ผ่านการลองผิดลองถูกเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการบรรลุเป้าหมาย เมื่อโมเดลเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นก็จะได้รับรางวัลเสมือนที่กระตุ้นให้ทำงานให้เสร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

บริษัทระบุว่ารุ่น o3 ที่ใช้ใน Deep Research ได้รับการปรับให้เหมาะกับงานการท่องเว็บและการวิเคราะห์ข้อมูล โมเดลนี้ใช้ความสามารถในการให้เหตุผลเพื่อค้นหา ตีความ และวิเคราะห์ข้อความ รูปภาพ และข้อมูลอื่น ๆ จำนวนมากบนอินเทอร์เน็ต จากนั้นปรับเปลี่ยนตามสิ่งที่เรียนรู้จากการวิเคราะห์นั้น

ChatGPT Deep Research ถือเป็น “agentic AI” ซึ่งหมายถึงเครื่องมือ AI ที่ซับซ้อนมากขึ้นที่สามารถทำงานหลายขั้นตอนแทนมนุษย์ได้โดยมีการควบคุมน้อยที่สุด แนวคิดของ agentic AI คือสามารถเพิ่มผลิตภาพด้วยการจัดการงานที่ซ้ำซากและน่าเบื่อที่มนุษย์ไม่อยากทำเอง ดำเนินตามรอย Operator ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้เบราว์เซอร์เพื่อทำงานต่าง ๆ เช่น การค้นหาและจองห้องพัก

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ทดสอบ Deep Research ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน AI ที่เรียกว่า “Humanity’s Last Exam” ซึ่งประเมินโมเดล AI ตามความสามารถในการตอบคำถามระดับผู้เชี่ยวชาญ โดย OpenAI กล่าวว่าฟีเจอร์ใหม่นี้ทำคะแนนได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ความแม่นยำ 26.6% ซึ่งสูงกว่า ChatGPT ที่ได้ 3.3% และโมเดล o3-mini (high) ที่ได้ 13% เป็นอย่างมาก

ที่มา: https://siliconangle.com/2025/02/02/openais-chatgpt-can-now-perform-comprehensive-research-users/

About นักเขียนฝึกหัดหมายเลขเก้า

Check Also

Google Cloud เพิ่ม BigQuery datasets บน Marketplace แล้ว

Google Cloud ประกาศเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงชุดข้อมูล BigQuery datasets ผ่าน Google Cloud Marketplace ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับ BigQuery Analytics Hub เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูลสำหรับองค์กร

Goldman Sachs คาดการณ์การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าภายในปี 2030 เหตุจาก AI

การแข่งขันด้าน AI ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดย Goldman Sachs คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 55 GW เป็น 122 GW ภายในปี 2030