เคยมั้ย? เมื่อแคมเปญใหญ่ที่เตรียมการมาอย่างนี้ ลงทุนไปมากมายกลับล่มไม่เป็นท่า ต้องใช้เวลาไม่น้อยตามแก้ปัญหาพร้อมขอโทษลูกค้าอีกมากมาย หากเป็นเช่นนั้นลองมารู้จักกับบริการ Microsoft Azure App Service ที่จะช่วยดูแลให้แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของคุณผ่านพ้น ช่วงเวลาอันหนักหน่วงไปได้ สร้างความน่าเชื่อถือ แถมยังช่วยลดต้นทุนให้องค์กรอีกด้วย

การเดินทางที่แสนยากลำบากของการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชัน
ในอดีตเป็นที่เข้าใจกันว่ากว่าแอปพลิเคชันหนึ่งจะพร้อมให้บริการนั้น ต้องผ่านการวางแผน พัฒนาและเตรียมการมาอย่างเข้มข้น อย่างไรก็ดีหากแอปพลิเคชันนั้นมีความต้องการสูง ผลลัพธ์ที่พบได้บ่อยก็คืออาการ ‘เว็บล่ม’ นั่นเอง แม้กระทั่งในปัจจุบันก็ยังพบเหตุการณ์เช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง
ข้อจำกัดของการขึ้นเว็บแอปพลิเคชันในอดีตก็คือองค์กรจำเป็นต้องคาดการณ์สเป็คของเซิร์ฟเวอร์ที่คาดว่าจะสามารถรองรับการเชื่อมต่อที่เข้ามา แต่บ่อยครั้งที่เหตุการณ์มักพลิกผันเสมอเพราะการใช้งานจริงมักผิดจากการคาดการณ์ และนำไปสู่การ ‘ล่ม’ อีกทั้งการลงทุนกับเซิร์ฟเวอร์ล่วงหน้าที่ไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือไม่ ก็ยังดูไม่คุ้มค่าแถมผลักต้นทุนให้สูงขึ้น
อย่างไรก็ดีการมาถึงของคลาวด์ทำให้ปัญหาดังกล่าวผ่านพ้นไปได้ เพียงแต่การที่จะสร้างสภาพแวดล้อมทั้งหมดให้แข็งแรงและครบถ้วน สำหรับการพัฒนาเว็ปแอปพลิเคชันก็ไม่ง่ายอยู่ดี และในวันนี้เองเราขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกับ Azure App Service โซลูชัน PaaS ที่จะช่วยขจัดปัญหาเว็บล่ม และทำให้การบริหารจัดการเว็บแอปพลิเคชันเป็นเรื่องง่ายขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พลิกโฉมกระบวนการพัฒนาแอปพลิเคชันด้วย Azure App Service
การที่เป็น Cloud Service คงไม่ต้องเทียบกับฮาร์ดแวร์แล้วว่ามีประโยชน์เหนือกว่ากันอย่างไร แต่มาเจาะลึกกันไปเลยว่า Azure App Service ที่เป็นระดับ Platform as a Service นั้นช่วยยกระดับของแอปพลิเคชันท่านได้อย่างไร หากจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นกล่าวได้ว่า Azure App Service ก็คือบริการ Infrastructure ที่ถูกต่อยอดด้วยความสามารถเฉพาะด้านที่ออกแบบมาให้รองรับกับการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันโดยเฉพาะ เช่น หากเป็น IaaS ก็ต้องมีการสร้าง VM ขึ้นมาไปติดตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ โปรแกรมฐานข้อมูล คอนฟิคเรื่อง Firewall สร้าง Load Balancer วางแผนเรื่อง HA และ Backup พร้อมส่วนประกอบอื่นมากมาย กว่าจะสามารถเริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันของท่านได้ต้องใช้เวลานาน แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กับ Azure App Service

ประการแรก ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของ Azure App ก็คือความสามารถขยายทรัพยากรได้ (Scalability) โดยท่านสามารถขยายขนาดของเครื่องให้ใหญ่ขึ้นได้ (Scale Up) โดยเลือกตามแผนที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น เพิ่มขนาด CPU Memory และ Storage ให้กับบริการ SQL Database หรือจะเลือกเพิ่มจำนวนเครื่องให้มากขึ้นแทนเพิ่มแบ่งภาระของโหลดที่เข้ามา (Scale Out) แบบอัตโนมัติ
ความสามารถแรกนี้ทำให้ธุรกิจได้รับผลประโยชน์ถึง 3 ต่อก็คือ 1.) สามารถรองรับ Workload ที่ถาโถมเข้ามาได้ ไม่ว่าท่านจะคาดการณ์ไว้หรือไม่ก็ตามที แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปได้ตามแผนที่วางไว้ 2.) ช่วยประหยัดการลงทุนเตรียมทรัพยากรไว้ล่วงหน้า ให้ค่าใช้จ่ายเป็นไปได้ตามจริง 3.) ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง อย่างยุ่งยากเหมือนที่เคยในอดีต เช่น การเตรียม Load Balancer หรือขั้นตอนอื่นๆเพราะ Azure App เตรียมไว้ให้แล้ว

ประการที่สอง Azure App ไม่ได้เปลี่ยนวิธีการพัฒนาแอปพลิเคชัน แต่ทำให้เรื่องทุกอย่างง่ายยิ่งขึ้นไปอีก เพราะ Azure App เปิดให้นำโค้ดเดิมเข้ามารันได้เท่านั้นเอง โดยเปิดให้เลือก Runtime ได้หลายตัวเช่น Node.js(JavaScript), Python, Java, PHP, Ruby และ .NET ที่ล้วนแล้วแต่เป็นภาษายอดนิยมในการพัฒนาเว็บ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกว่าจะรันในรูปแบบของ VM หรือ Container ครอบคลุมทั้ง Windows และ Linux ทำให้เพิ่มความยืดหยุ่นเข้าไปอีกหากองค์กรไหนมีการใช้งาน Docker อยู่แล้ว
ประการที่สาม ตอบโจทย์ด้าน CI/CD เพราะ Azure App ไม่ได้แค่จัดเตรียม Runtime และรองรับ Infrastructure แต่นักพัฒนายังสามารถ Integrate การทำงานแบบครบวงจรตั้งแต่การบริหารจัดการโค้ดและทรัพยากรด้วย GitHub, GitLab, BitBucket, Docker Hub และ Azure DevOps รวมถึงท่านสามารถใช้ Visual Studio Code เขียนและ Deploy โค้ดสู่ Azure App ได้ทันที

ประการที่สี่ สมบูรณ์พร้อมด้วยเครื่องมือสำคัญที่จำเป็นในการดูแลระบบ เพราะ Azure App มีเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถติดตามข้อมูลและเส้นทางการทำงานของแอปพลิเคชัน เนื่องจากมีการบันทึกกิจกรรมต่างๆ ไว้ให้อยู่แล้ว ดังนั้นหากเกิดปัญหาผู้ดูแลระบบก็จะสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังสามารถทำการตรวจสอบสุขภาพของแอปได้ด้วยว่ายังออนไลน์ดีไหม

ประการที่ห้า ปลอดภัยได้แบบไม่ยุ่งยาก หากย้อนกลับไปที่การทำงานแบบเดิมเชื่อหรือไม่ว่าเรื่อง Security เป็นสิ่งที่ท้าทายผู้ดูแลระบบและทีมพัฒนาเว็บเป็นอย่างยิ่ง เช่น การตั้งค่าระบบให้สามารถเชื่อมต่อกับ AD หรือระบบ Authentication ต่อมาก็ต้องสร้างเรื่องของ Network Security ระดับแอป จัดการโดเมนให้มี Certificate ที่ช่วยในการเข้ารหัส ระดับเครือข่ายคอนฟิค Firewall ให้อนุมัติในส่วนที่กำหนด และอื่นๆ แต่ปัญหาคือหน้าจอเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องกันเลยกว่าจะทำได้หมดก็คงมีผิดพลาดไปบ้าง
แต่ที่ Azure App ท่านสามารถเชื่อมต่อกับ Authentication Server หรือ Identity Services ที่ท่านต้องการได้อย่างสะดวก เช่น AD, Google, Facebook, Twitter และอื่นๆได้ รวมถึงมีหน้าเมนูสำหรับบริหารจัดการ Virtual Network, TLS/SSL Certificate และการบริหารจัดการ Credentials ต่างๆ
ประกาศที่หก Azure App ได้ทำการ Backup และ HA ระบบของผู้ใช้งานอย่างอัตโนมัติ นั่นหมายความว่าท่านไม่จำเป็นต้องกังวลจัดหาระบบเพื่อทำ Backup อย่างซับซ้อน หรือสร้างทรัพยากรสำรองให้พร้อมแทนที่ของเดิมกรณีเกิดปัญหา เพราะ Azure App เตรียมการมาให้แล้ว
ประกาศสุดท้าย Azure App ได้ผนึกความสามารถที่จำเป็นในการสร้างเว็บไว้อย่างแท้จริง ตั้งแต่การให้เรื่องของการปรับแก้แต่งโดเมนจากไซต์เดิมเข้ามา หรือตั้งชื่อเริ่มไซต์ใหม่ แม้กระทั่งการจัดการเกี่ยวกับ DNS ต่างๆ รวมถึงความสามารถ RESTFul API ระบบการส่งอีเมล และ CDN ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จำเป็นอย่างมากในการเริ่มต้นใช้งานจริง
อย่างไรก็ดี Azure App ยังแฝงความสามารถไว้อีกหลายประการที่เราคงไม่สามารถอธิบายได้อย่างละเอียดในหัวข้อนี้ เช่น การบริหารจัดการ Azure App เกิดขึ้นได้หลายช่องทางทั้ง CLI หรือ UI หรือโค้ด ทั้งนี้ท่านยังสามารถเลือกรัน Azure App ไว้ที่ไซต์ของตัวเองได้ด้วยโซลูชัน Azure Arc
เริ่มต้นกับ Azure App ได้ไม่ยาก พร้อมประโยชน์คุ้มค่า
Azure App ได้พิสูจน์ตัวเองในภารกิจที่ท้าทายมาแล้วหลายสนามกับการใช้งานในประเทศไทย เช่นในโครงการเยียวยาเกษตรกรจากรัฐบาลผ่านธนาคารธกส.เมื่อปี 2563 ซึ่งด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ต้องเลี่ยงการรวมกลุ่มฝูงชน ที่อาจซ้ำเติมให้สถานการณ์แพร่ระบาดรุนแรงขึ้น เหตุนี้เองธนาคารธกส.จึงได้ติดต่อทีมงานของ Microsoft ที่ได้ขนทัพผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้คำปรึกษาและพัฒนาระบบในระยะเวลาอันจำกัดร่วมกับทีมไอทีของธนาคาร ในที่สุดด้วยโครงสร้างพื้นฐานอันแข็งแกร่ง ระบบเยียวยาทางหน้าเว็บไซต์บน Azure ก็สามารถให้บริการผู้ใช้งานกว่า 8,000,000 รายได้โดยไม่ล่ม
ชมวีดีโอแนะนำความสำเร็จของโครงการเยียวยาเกษตรกรจาก ธกส.และ Microsoft ได้ตามวีดีโอด้านล่างครับ
อีกหนึ่งกรณีที่ Azure App ได้พิสูจน์ตัวเองผ่านโปรเจ็คใหญ่ของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออันดับหนึ่งอย่าง AIS ก็คือระบบจองไอโฟน 12 และไอโฟน 13 ซึ่งเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าสาวกทั้งหลายนั้นมีความมุ่งมั่นอย่างสูงในการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ใหม่ในทุกปี ทั้งนี้ AIS จึงได้เลือก Azure App เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานประสิทธิภาพยอดเยี่ยมและทุกอย่างก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เช่นเดียวกับกรณีจองวัคซีนผ่าน AIS ในปีก่อนที่มีเวลาดำเนินการแค่ 10 วันเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ก็คือแอปพลิเคชันรองรับผู้คนได้กว่า 100,000 รายใน 4 ชั่วโมงแบบไร้การดาวน์ไทม์ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://customers.microsoft.com/en-us/story/1459729664461302447-advanced-info-service-telecommunications-azure-power-apps-th-thailand
และด้วยข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สามารถกล่าวได้ว่า Azure App คือโซลูชันที่จะเปลี่ยนแปลงการให้บริการขององค์กรสู่โฉมใหม่ ให้เรื่อง ‘ล่ม’ ไม่มีอีกต่อไป หากใครที่ต้องการเริ่มต้น Azure App ท่านสามารถติดต่อพาร์ทเนอร์ของ Microsoft ได้ที่บริษัทฟิวชั่น โซลูชัน(จำกัด) ได้ที่ https://www.fusionsol.com/contact-us/
แนะนำเว็บไม่ล่มด้วย Azure App (วีดีโอ)
ศึกษาวิธีการทำงานของ Azure App : https://aka.ms/WhatisAppService