โดยทั่วไปแล้วเมื่อบริษัทใดๆ กำลังจะเข้า IPO นั้น ทางทีมผู้บริหารมักไม่สามารถออกมาให้ข้อมูลใดๆ ได้เพราะอาจทำให้เกิดประเด็นปัญหาต่างๆ แต่กรณีของ Nutanix กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะ Mohit Aron ผู้ก่อตั้ง Nutanix ได้ออกมาจากบริษัทตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2013 แล้ว ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแต่อย่างใด และทาง Forbes ก็ได้เขียนเล่าถึงเรื่องราวอันน่าสนใจของ Mohit Aron เอาไว้ ทางทีมงาน TechTalkThai จึงขอสรุปให้ได้อ่านกันดังนี้ครับ
Nutanix นั้นก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2009 และเติบโตมาอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้ที่ริเริ่มระบบ Hyperconverged Infrastructure สำหรับองค์กร เกิดเป็น Segment ของตลาดใหม่ในวงการ Enterprise Storage ขึ้นมา จนภายในปี 2014 นั้น Nutanix ได้รับการประเมินมูลค่าบริษัทเอาไว้สูงถึง 2,000 ล้านเหรียญหรือราวๆ 70,000 ล้านบาท และทำเรื่องเพื่อเข้าตลาดหุ้นหรือ IPO ในปลายปี 2015
Mohit Aron นั้นก่อนที่จะมาก่อตั้ง Nutanix หลังจากที่จบ PhD จาก Rice University เขาได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ก่อตั้งของ NetApp ผู้บอกเขาว่าระบบ Storage นั้นจะถูกใช้งานได้อย่างคุ้มค่าสูงสุดก็ต่อเมื่อ Storage นั้นๆ ถูกจัดการได้เสมือนเป็นอุปกรณ์เครือข่าย ในเวลานั้น Mohit Aron กลับคิดตรงกันข้ามและเชื่อว่า Storage จะทำงานได้ดีที่สุดก็ต่อเมื่อทำงานแบบ Local ต่างหาก และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นในการพัฒนาเทคโนโลยี Hyperconverged Infrastructure ของ Nutanix ที่ทำงานได้ในฐานะ Primary Storage ขององค์กรได้นั่นเอง
ในช่วงปี 2013 ที่ Mohit Aron ได้ออกจาก Nutanix ซึ่งเทคโนโลยีและวิสัยทัศน์เริ่มอยู่ตัวจนมีลูกค้ารายใหญ่ๆ มากมายแล้วนั้น เขาก็ได้มองเห็นอีกโอกาสหนึ่งที่ยังไม่มีใครเข้าถึง นั่นก็คือ Secondary Storage สำหรับงาน Backup และ Analytics ที่ไม่ได้มีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ มาเป็นระยะเวลานานแล้ว โดย Mohit Aron ต้องการจะสร้าง Secondary Storage ที่สามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง และสามารถทำการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ได้จากการนำข้อมูลขององค์กรมาเก็บไว้เป็นศูนย์กลางแบบ Silo ลักษณะนี้ เพื่อให้องค์กรสามารถลดต้นทุนได้ 50-80% เมื่อเทียบกับการลงทุนในเทคโนโลยีแบบเดิมๆ นั่นเอง
บริษัทที่ 2 ของ Mohit Aron ถัดจาก Nutanix นี้ก็คือ Cohesity http://cohesity.com/ นั่นเอง โดย Cohesity นี้ได้รวมเอาทั้ง Backup, Replication และ Cloud Archive เอาไว้เป็นโซลูชันหนึ่งเดียว พร้อมมีการทำ Snapshot ภายในตัว อีกทั้งยังทำ Cloning ได้ และ Cohesity นี้ก็ทำงานแบบ Hyperconverged เหมือน Nutanix ด้วยเช่นกัน แต่ Cohesity นี้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะเป็น Hyperconverged Secondary Storage แทน
ปัจจุบัน Cohesity นี้ระดมเงินลงทุนได้แล้ว 70 ล้านเหรียญหรือราวๆ 2,450 ล้านบาท และมีพนักงานแล้ว 130 คน ทั้งนี้ Mohit Aron เองก็ยังได้เล่าถึงการตัดสินใจออกมาจาก Nutanix ก่อนที่จะเข้า IPO ด้วยว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้สนใจเรื่องเงิน เขาแค่อยากทำตามแรงบันดาลใจมากกว่า
สรุปเรื่องราวได้คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับการเข้า IPO ของ Nutanix นี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ส่วนใครอยากนำ Cohesity เข้ามาขายในไทยก็จัดไปนะครับ ในความรู้สึกส่วนตัวหลังจากเข้าเว็บไซต์ Cohesity ไปก็เรียกได้ว่าได้กลิ่นอายของ Nutanix ช่วงแรกๆ เลยแหละครับ ส่วนใครอยากรู้จักประวัติของ Mohit Aron มากขึ้นก็เข้าไปเยี่ยมชมได้ที่ https://www.linkedin.com/in/mohit-aron-a83858 เลยนะครับ