
นี่เป็นครั้งแรกในซีรีส์บล็อกที่มี 2 ตอนซึ่งจะช่วยอธิบายถึงวิธีการที่องค์กรต่างๆ จะสามารถประสบความสำเร็จในการพลิกโฉมการทำงานของระบบคลาวด์อย่างเต็มรูปแบบโดยการปรับเปลี่ยนมาใช้รูปแบบเครือข่ายที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจเป็นหลักซึ่งขับเคลื่อนโดย SD-WAN เพื่อธุรกิจ การปรับเปลี่ยนการใช้งานนี้มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การเชื่อมต่อ IPsec ที่ปลอดภัยแบบอัตโนมัติและการกำหนดเส้นทางทราฟฟิกไปยังผู้ให้บริการคลาวด์อย่างชาญฉลาด

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในด้านกลยุทธ์ของศูนย์ข้อมูลโดยที่องค์กรด้านไอทีของบริษัทกำลังเปลี่ยนจากการใช้งานแอปพลิเคชันและเวิร์กโหลดไปใช้ระบบคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็นแบบส่วนตัวหรือแบบสาธารณะ องค์กรจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังใช้แอปพลิเคชันการให้บริการซอฟต์แวร์ (SaaS) และบริการคลาวด์ในรูปแบบการให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน (IaaS) จากผู้ให้บริการชั้นนำ เช่น Amazon AWS, Google Cloud, Microsoft Azure และโครงสร้างพื้นฐาน Oracle Cloud สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของรูปแบบทราฟฟิกข้อมูลขององค์กร เนื่องจากมีแอปพลิเคชันที่ติดตั้งอยู่ภายในศูนย์ข้อมูลองค์กรแบบเดิมน้อยลงเรื่อยๆ
มีไดรเวอร์หลายตัวที่ช่วยในการย้ายไปใช้บริการคลาวด์ IaaS และแอป SaaS แต่ความคล่องตัวทางธุรกิจเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับองค์กรส่วนใหญ่ รูปแบบเดิมของไอทีในการเตรียมใช้งานและยกเลิกการใช้งานแอปพลิเคชันนั้นมีความเข้มงวดและไม่ยืดหยุ่น อีกทั้งไม่สามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้อีกต่อไป
ผลการศึกษา Cloud Vision 2020 ของ LogicMonitor พบว่ากว่า 80% ของเวิร์กโหลดในองค์กรจะอยู่บนคลาวด์ภายในปี 2020 โดยกว่า 40% จะทำงานบนแพลตฟอร์มคลาวด์สาธารณะ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของรูปแบบการใช้แอปพลิเคชันนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อองค์กรและโครงสร้างพื้นฐาน บทความล่าสุดเรื่อง วิธีที่ Amazon Web Services ดึงดูดธนาคารไปสู่ระบบคลาวด์ ซึ่งเผยแพร่โดย CNBC รายงานว่า บางบริษัทได้ย้ายแอปพลิเคชันและเวิร์กโหลดด้านไอทีทั้งหมดไปยังโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์สาธารณะเรียบร้อยแล้ว ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจก็คือ ในขณะที่องค์กรจำนวนมากต้องปฏิบัติตามข้อบังคับด้านกฎหมายที่เข้มงวด เช่น PCI-DSS หรือ HIPAA แต่พวกเขาก็ยังคงตัดสินใจย้ายไปใช้ระบบคลาวด์ เหตุการณ์นี้บอกให้เรารู้สองสิ่ง นั่นก็คือการเติบโตของการใช้บริการคลาวด์สาธารณะและความเชื่อมั่นที่องค์กรเหล่านี้มีต่อการใช้บริการคลาวด์สาธารณะนั้นอยู่ในระดับสูงที่สุดกว่าที่เคยเป็นมา และแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความเร็วและความคล่องตัว โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการทำงาน ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ

การย้ายไปยังระบบคลาวด์และการนำ SD-WAN มาใช้มีความสัมพันธ์กันโดยตรงหรือไม่
ในขณะที่ระบบคลาวด์ช่วยให้ธุรกิจสามารถก้าวไปข้างหน้าได้เร็วขึ้น สถาปัตยกรรม SD-WAN ที่มีความต้องการของธุรกิจจากบนลงล่างเป็นตัวขับเคลื่อนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความมั่นใจในความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสำนักงานสาขากระจายตัวอยู่ทุกภูมิภาคทั่วโลก สถาปัตยกรรม WAN ที่เน้นเราเตอร์แบบเดิมไม่เคยได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับรูปแบบการใช้ระบบคลาวด์ในปัจจุบันเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของแอปพลิเคชันต่างๆ ด้วยวิธีการใช้ WAN ที่เน้นเราเตอร์แบบเดิม การเข้าถึงแอปพลิเคชันที่อยู่ในระบบคลาวด์ทำให้เกิดการข้ามฮ็อปที่ไม่จำเป็น ทำให้สิ้นเปลืองแบนด์วิดท์ เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เวลาแฝงเพิ่มขึ้น และมีโอกาสสูญเสียแพคเก็ตมากขึ้น นอกจากนี้ โมเดล WAN แบบเดิมที่มีอยู่ซึ่งการจัดการค่อนข้างจะเข้มงวด การเปลี่ยนแปลงเครือข่ายที่ซับซ้อนอาจทำให้เสียเวลา ไม่ว่าจะเป็นการตั้งสาขาใหม่หรือการแก้ไขปัญหาประสิทธิภาพการทำงาน สิ่งนี้ทำให้เกิดความไร้ประสิทธิภาพและรูปแบบการดำเนินงานมีราคาแพง ดังนั้น องค์กรต่างๆ จึงได้รับประโยชน์อย่างมากจากการใช้ WAN ที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจเป็นหลักเพื่อความคล่องตัวที่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณในส่วนของ CAPEX และ OPEX ได้เป็นจำนวนมาก
แพลตฟอร์ม SD-WAN เพื่อธุรกิจถูกสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อจัดการกับความท้าทายที่มีอยู่ในโมเดลที่เน้นเราเตอร์แบบเดิม และรองรับรูปแบบการใช้ระบบคลาวด์ในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น ซึ่งหมายความว่านโยบายแอปพลิเคชันจะถูกกำหนดตามความต้องการของธุรกิจ โดยการเชื่อมต่อผู้ใช้เข้ากับแอปพลิเคชันโดยตรงและปลอดภัยไม่ว่าแอปพลิชันเหล่านั้นจะอยู่ที่ใด โดยไม่ทำให้เกิดฮ็อปที่ไม่จำเป็นหรือทำให้ความปลอดภัยลดลง ตัวอย่างเช่น หากแอปพลิเคชันมีโฮสต์อยู่ในระบบคลาวด์และเชื่อถือได้ SD-WAN เพื่อธุรกิจสามารถเชื่อมต่อกับผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องแบ็คฮอล์ (Backhaul) ทราฟฟิกไปยัง POP หรือศูนย์ข้อมูล HQ ในขณะนี้ โดยทั่วไปทราฟฟิกนี้มักจะมีการรับส่งผ่านการเชื่อมโยงอินเทอร์เน็ตที่ซึ่งตัวของมันเองอาจไม่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์ม SD-WAN ที่ถูกต้องจะมีไฟร์วอลล์ Stateful แบบรวมเพื่อทลายข้อจำกัดของอินเทอร์เน็ตในสำนักงานสาขา โดยอนุญาตให้เฉพาะเซสชันที่เริ่มต้นโดยสำนักงานสาขาเข้าสู่สำนักงานสาขา และให้ความสามารถในการผูกโยงทราฟฟิกบริการเข้ากับบริการรักษาความปลอดภัยบนคลาวด์หากจำเป็น ก่อนส่งต่อไปยังปลายทางสุดท้าย หากแอปพลิเคชันถูกย้ายและโฮสต์โดยผู้ให้บริการรายอื่นหรืออาจถูกส่งกลับไปที่ศูนย์ข้อมูลของบริษัท จะต้องมีการเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิกอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าแอปพลิเคชันนั้นจะมีโฮสต์อยู่ที่ใด หากไม่มีระบบอัตโนมัติและระบบการเรียนรู้ของเครื่องในตัว การกำหนดทิศทางทราฟฟิกอย่างคล่องแคล่วและชาญฉลาดจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย

ดูวิธีการที่แพลตฟอร์ม EdgeConnect ™ SD-WAN edge ของซิลเวอร์ พีคจัดการกับความท้าทายเหล่านี้:
การกำหนดทิศทางทราฟฟิกและการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการคลาวด์โดยอัตโนมัติ
อินสแตนซ์เสมือนจริง EdgeConnect สามารถปฏิบัติงานได้อย่างง่ายดายในผู้ให้บริการคลาวด์ระดับชั้นนำใดๆ ผ่านตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถกำหนดทิศทางทราฟฟิกไปยังปลายทางอย่างชาญฉลาด SD-WAN ต้องมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับทราฟฟิก HTTP และ HTTPS จะต้องสามารถระบุแอปบนแพคเก็ตชุดแรกที่ได้รับเพื่อกำหนดทิศทางทราฟฟิกไปยังปลายทางที่ถูกต้องตามความต้องการของธุรกิจ นี่เป็นความสามารถที่สำคัญ เนื่องจากเมื่อการเชื่อมต่อ TCP เป็น NAT’d กับที่อยู่ IP สาธารณะ มันจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ ดังนั้น จึงไม่สามารถกำหนดเส้นทางใหม่ได้เมื่อมีการเชื่อมต่อแล้ว ดังนั้น ความสามารถของ EdgeConnect ในการระบุ จัดประเภท และกำหนดทิศทางทราฟฟิกโดยอัตโนมัติตามแพคเก็ตชุดแรก และไม่ใช่ชุดที่สองหรือสิบ ไปยังปลายทางที่ถูกต้องจะให้ความมั่นใจในด้าน SLA ของแอปพลิเคชัน ลดการสิ้นเปลืองแบนด์วิดท์ที่มีราคาแพง และมอบประสบการณ์ที่มีคุณภาพสูงสุด
ความสามารถที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการปรับประสิทธิภาพการทำงานให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าการข้ามทราฟฟิกจะจบลงที่ลิงก์ใดตามความต้องการของธุรกิจและข้อกำหนดเฉพาะของแอปพลิเคชัน EdgeConnect จะปรับประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้คนโดยการแก้ไขแพคเก็ตที่เสียด้วย Packet Order Correction (POC) หรือแม้แต่ในสภาวะที่มีความหน่วงเวลาสูงซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับระยะทางหรือปัญหาอื่นๆ สิ่งนี้ทำได้โดยการใช้ Forward Error Correction (FEC) ที่ปรับเปลี่ยนได้และการเชื่อมช่องสัญญาณที่มีการสร้างช่องสัญญาณเสมือนจริง ส่งผลให้เกิดการซ้อนทับแบบซิงเกิ้ลลอจิคัลที่ทราฟฟิกสามารถเคลื่อนย้ายระหว่างเส้นทางที่แตกต่างกันในขณะที่สภาวะเปลี่ยนแปลงไปตามแต่ละบริการ WAN พื้นฐาน ในวิดีโอสั้นๆ นี้ Dinesh Fernando วิศวกรการตลาดทางเทคนิคของซิลเวอร์ พีคได้อธิบายถึงวิธีการที่ EdgeConnect สร้างช่องสัญญาณอัตโนมัติระหว่างไซต์และผู้ให้บริการคลาวด์ วิธีการที่ทำให้การถ่ายโอนข้อมูลระหว่างมัลติคลาวด์ง่ายขึ้น และวิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชัน
หากธุรกิจของคุณอยู่ในระดับโลกและพึ่งพาระบบคลาวด์มากขึ้น แพลตฟอร์ม EdgeConnect SD-WAN edge เพื่อธุรกิจจะช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบมัลติคลาวด์ได้อย่างราบรื่น ทำให้เครือข่ายกลายเป็นตัวขับเคลื่อนทางธุรกิจ EdgeConnect มี:
- การปรับใช้ที่สอดคล้องกันจากสำนักงานสาขาสู่ระบบคลาวด์ เป็นการขยายขอบเขตการเข้าถึงของ SD-WAN สู่สภาพแวดล้อมระบบคลาวด์ส่วนตัวแบบเสมือนจริง
- ความยืดหยุ่นของมัลติคลาวด์ ทำให้ง่ายต่อการเริ่มต้นและกระจายทรัพยากรไปยังผู้ให้บริการมัลติคลาวด์หลายราย
- การปกป้องการลงทุนด้วยการโยกย้ายทรัพยากรไอทีแบบออนพรีมิสไปยังแพลตฟอร์มระบบคลาวด์สาธารณะระดับชั้นนำแบบใดก็ได้อย่างมั่นใจ ซึ่งอินสแตนซ์ที่โฮสต์บนคลาวด์จะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก EdgeConnect
บทความนี้ต้นฉบับถูกเขียนโดย Rami Rammaha ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของซิลเวอร์ พีค
อ่านบทความตอนที่ 2: https://www.techtalkthai.com/migrate-to-cloud-sd-wan-can-help-you-part-2/