Azure AI Foundry ได้เพิ่มความสามารถใหม่ที่หวังช่วยธุรกิจต้อนรับยุค Agentic AI ได้ในระดับความต้องการระดับองค์กรที่ต้องมีความปลอดภัยและกำกับดูแลได้
ไอเดียก็คือ Azure ได้เพิ่ม API ที่ทำอะไรได้หลายอย่างมากขึ้น จากเดิมที่กว่าเราจะพัฒนาระบบอัตโนมัติให้ทำงานได้ภายใต้ก็อาจมีการใช้ API หรือกลไกมากมาย ดังนั้น Microsoft จึงทำเรื่องนี้ให้ง่ายขึ้นผ่านความสามารถใหม่ 2 ตัว คือ

Responses API – เป็นช่องทางที่ประกอบไปด้วยหลายความสามารถ ทั้งมีการใช้บริการจาก OpenAI (เพราะ Microsoft มีสัญญาในการเข้าถึงโมเดล) ผนวกกับ API ที่ทำเรื่อง Chat Completion พร้อมกับความสามารถระดับสูงผ่าน Assistant API และ Azure AI Agent Service โดยจะเรียกไปที่เครื่องมือ Computer-Using Agent เพื่อตอบสนองฟังก์ชันต่างๆ โดยทั้งหมดนี้ทำได้ผ่านการเรียกใช้ API ตัวเดียว ทั้งนี้ Microsoft ได้เผยว่าตัว Responses API รองรับการทำงานได้หลายด้าน ดังนี้
- ใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อทำงานได้อย่างอัตโนมัติ
- ค้นหาข้อมูลองค์กรเพื่อสกัดเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้อ (File Search)
- พัฒนาปรับปรุงฟังก์ชันเพิ่มความสามารถของ AI ได้
- ทำให้ติดตามบริบทของการปฏิสัมพันธ์ได้อย่างเชื่อมโยงด้วย Unique ID
- รองรับการกำกับดูแลการใช้งานข้อมูลระดับองค์กรได้
Computer-Using Agent(CUA) – เป็นโมเดล AI พิเศษของ OpenAI ที่ปฏิสัมพันธ์กับ GUI ได้ (เหมือนที่เราใช้งานคอมพิวเตอร์) เช่น ไปเปิดแอป คลิกปุ่ม ให้ข้อมูลในเอกสาร และทำงานต่างๆได้ แต่ผ่านคำสั่งด้วยภาษาปกติของมนุษย์ จากเดิมที่งานเหล่านี้ต้องมีการเขียนสคิร์ปต์หรือใช้ API หลายตัวประกอบกัน นอกจากนี้ CUA ยังพูดถึงการทำงานในหลายหน้าต่างๆกลับไปมาระหว่างเว็บและแอปพลิเคชัน เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของ UI โดย Microsoft การันตีเรื่องของความปลอดภัยและโปร่งใสต่อการใช้ CUA มีเครื่องมือกำกับดูแลขององค์กรได้