เมื่อโลกทุกวันนี้หันไปทางใดก็เห็นแต่ AI ใครๆก็ใช้ AI ใครๆก็อยากใช้ AI จนยากที่จะแน่ใจแล้วว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นั้นจำเป็นจริงๆ หรือเป็นเพียงความกลัวที่จะพลาดกันแน่ ทีมงาน TechTalkThai ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้บริหารแห่ง ManageEngine ผู้พัฒนาโซลูชันจัดการและ Monitor ระบบ IT และความปลอดภัยภายในองค์กรอย่างครบวงจรถึงประเด็นต่างๆเกี่ยวกับ AI และได้สรุปมุมมองที่น่าสนใจของผู้บริหารทั้ง 2 ท่านมาให้ได้อ่านกันในบทความนี้แล้ว


ManageEngine มอง AI อย่างไร?
คุณ Ramprakash เล่าว่า ที่ ManageEngine นั้นมีการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาตั้งแต่ปี 2011 ที่เทคโนโลยีดังกล่าวเริ่มมีประสิทธิภาพมากขึ้นและได้เห็นถึงการเติบโตอย่างชัดเจนตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ AI เฟื่องฟูอย่างมากในปัจจุบันคือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการนำ AI มาใช้งาน ได้แก่ กระบวนการเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและใช้ต้นทุนต่ำกว่าเดิม ประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลที่มีมากกว่าเดิมบนระบบคลาวด์ และกระแสการสร้างรายได้จากข้อมูลที่มีอยู่ในมือ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เกิดขึ้นอย่าง Generative AI เทคโนโลยีนี้จึงแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว
“จุดหนึ่งที่น่าสนใจของการเติบโตของ AI ในปัจจุบันคือการติดตามว่า AI จะพัฒนาไปในทางแคบ (ลงลึกไปที่ความสามารถทำงานใดงานหนึ่ง) หรือทางกว้าง (ความฉลาดโดยทั่วไป – General Intelligence) และการนำ AI ทั้ง 2 ทางนี้มาผสมผสานใช้งานร่วมกัน”
อย่างไรก็ดี ทาง ManageEngine ยังคงมองว่า AI ในปัจจุบันนั้นยังไม่ได้สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่นักสำหรับการทำงานในองค์กร โดยเฉพาะการทำงานของ LLMs ที่แม้จะทำงานได้ดี แต่ยังมีเงื่อนไขที่ทำให้นำมาใช้ในองค์กรได้อย่างจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความท้าทายด้านข้อมูลที่นำมาใช้งานได้ที่มักมีจำกัด ทว่าการทำงานในระดับองค์กรต้องการความถูกต้องแม่นยำสูง ดังนั้นเราจึงได้เห็นโมเดล AI ใหม่ๆเริ่มมุ่งเป้าไปที่การทำงานที่ใช้ข้อมูลน้อยลง
AI ในองค์กรต่างกับ AI ที่ใช้งานกันทั่วไป
การเข้าใช้งาน AI อย่าง ChatGPT หรือ Gemini นั้นเป็นเรื่องที่ใครก็สามารถทำได้ แต่ในระดับองค์กรทุกอย่างยังไม่ง่ายดายถึงขั้นนั้น เพราะการใช้งานในองค์กรย่อมต้องคำนึงถึง 2 ประเด็นใหญ่ ได้แก่ ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล และค่าใช้จ่ายในการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องการ AI ที่เฉพาะเจาะจงกับโจทย์ขององค์กร ก็ยิ่งมีความโน้มเอียงไปยังการพัฒนาโซลูชัน AI ขึ้นมาเอง ซึ่งนั่นก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
คุณ Ramprakash มองว่าคำตอบของปัญหานี้คือการตั้งเป้าหมายขององค์กรในการใช้งาน AI บนพื้นฐานของความเป็นจริง และนำเป้าหมายนั้นไปพิจารณาและปรับปรุงระบบอย่างต่อเนื่อง เช่น ตั้งเป้าหมายนำ AI เข้ามาช่วยทำงานบางอย่างให้ดีขึ้น 10% เช่นนี้ก็จะทำให้เกิดเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม สามารถพิจารณาได้อย่างง่ายว่าควรใช้งบประมาณมากน้อยเพียงใด และยังเหลือช่องว่างให้เปลี่ยนแผนได้อยู่มากกว่าการเริ่มจากเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และยาก
“การประยุกต์ AI เข้ามาใช้งานในธุรกิจนั้นก็คล้ายกับการทำ Digital Transformation ที่ไม่มีใครพูดได้ว่าพวกเขาสิ้นสุดเส้นทางการเปลี่ยนแปลงแล้ว เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ภายใต้เงื่อนไขความเสี่ยง ความปลอดภัย และความคุ้มค่า”
ManageEngine ใช้ AI อย่างไรบ้าง
คุณณัฐวิชช์ ว่องสิทธิโรจน์กล่าวว่าการใช้ AI ในโซลูชัน ManageEngine นั้นมีเป้าหมายที่เรียบง่าย คือการช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานโซลูชันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลถึงความปลอดภัยหรือความเสี่ยง การพัฒนาฟีเจอร์ AI นั้นจึงเป็นไปอย่างระมัดระวังและเลือกให้บริการเฉพาะฟีเจอร์ที่ทดสอบแล้วมั่นใจว่าจะใช้งานได้ดีกว่าเก่า
AI ใน ManageEngine นั้นมีอยู่ 2 รูปแบบ รูปแบบแรกคือ Language Model ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ทางภาษา เช่น ช่วยวิเคราะห์เหตุการณ์, เขียน Ticket, สรุป Log, หรือค้นหาอื่นๆ และรูปแบบที่สองคือ AI ที่ทำหน้าที่เฉพาะเจาะจง เช่นการเรียนรู้แพทเทิร์นของการโจมตีไซเบอร์ การทำนายเหตุการณ์ เป็นต้น
การพัฒนาโมเดลทั้ง 2 รูปแบบนี้ ManageEngine จะพัฒนาโมเดลพื้นฐานขึ้นมาจากข้อมูลเปิดและปรับแต่งโมเดลตามความรู้ที่ ManageEngine สะสมมานาน และเมื่อนำมาใช้งานภายในองค์กร โมเดลก็จะเรียนรู้เพิ่มเติมจากข้อมูลและบริบทขององค์กร ซึ่งจะมีการอัพเดทตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆโดยอัตโนมัติ
แล้วสถานการณ์ AI ในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลไทยนับว่ามีความตื่นตัวสูงในการศึกษาและพยายามหาทางเปิดรับเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาใช้งาน โดยทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนคนทั่วไปนั้นมีความใกล้ชิดกับเทคโนโลยีดิจิทัลในการทำงานและชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังมีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งคุณ Ramprakash เชื่อว่าเป็นผลดีกับการปรับตัวเข้าหาสิ่งใหม่ๆ โดยในอนาคตอันใกล้ ManageEngine ก็จะนำ AI เข้ามาผสมผสานกับฟีเจอร์ต่างๆมากขึ้นให้องค์กรในประเทศไทยได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้
Manage Engine วางแผนอย่างไรบ้างสำหรับประเทศไทยในอนาคต
Manage Engine นั้นเป็นโซลูชันที่มีการให้บริการในประเทศไทยมายาวนานกว่า 20 ปี และเป็นที่รู้จักวงกว้างในฐานะ Monitoring และ Enterprise Service Management Tools แต่ในปัจจุบันความสามารถของ Manage Engine นั้นได้รับการพัฒนาต่อยอดไปหลากหลายกว่านั้นแล้ว ดังนั้นในระยะสั้น คุณณัฐวิชช์จึงหวังว่า Manage Engine จะสามารถสร้างความไว้วางใจในฐานะผู้ให้บริการด้าน IT อื่นๆ เช่น การจัดการ Endpoint แบบรวมศูนย์ การเฝ้าระวังแบบ Agent-based ความปลอดภัยภายในองค์กรแบบ Zero-Trust เป็นต้น
ในอนาคตอันใกล้นี้ ManageEngine มีแผนที่จะรุกตลาดไปยังอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มทีมงานเพื่อรองรับการให้บริการในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์
ManageEngine นั้นยังคงคอนเซปต์เดิมอยู่ที่การจัดการระบบ IT ภายในองค์กรอย่างครอบคลุม โดยแบ่งได้เป็น 5 โมดูลหลักที่สามารถเชื่อมต่อทำงานร่วมกันได้เพื่อการดูแลระบบที่ทั่วถึงยิ่งขึ้น ได้แก่
- Identity and Access Management
- Unified Service Management
- Unified Endpoint Management and Security
- IT Operations Management, Security Information and Event Management, และ
- Advanced IT Analytics
ซึ่งฟีเจอร์ของแต่ละโมดูลนั้น ManageEngine ก็ได้มีการนำ AI เข้าไปเสริมเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพ โดยผู้ใช้ในประเทศไทยที่เป็นลูกค้าของ ManageEngine อยู่แล้วสามารถเริ่มใช้งานได้ทันที
- แนะนำการกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มหรือ Ticket ต่างๆ
- ระบบค้นหาและตอบคำถามด้วย AI ซึ่งทำให้ใช้งานโซลูชันได้ง่ายขึ้น
- Next-Generation Antivirus ที่ตรวจจับความผิดปกติได้อย่างเรียลไทม์ด้วย AI
- ระบบตรวจสอบความปลอดภัยอย่างรวดเร็วด้วย AI และ ML บน SIEM
- Unified Endpoint Management ที่มีการนำ AI เข้ามาช่วยรักษาและเฝ้าระวังความปลอดภัย รวมถึงอำนวยความสะดวกในการใช้งานในหลายด้าน
- การเชื่อมต่อโซลูชันกับระบบอื่นๆ เช่น การเชื่อมต่อระบบ Service Management เข้ากับ ChatGPT เพื่อวิเคราะห์เหตุเพิ่มเติม
- วาดแผนผังความเชื่อมโยงระหว่างแอป (Application Discovery & Dependency Mapping – ADDM) โดยใช้ AI เข้ามาช่วย เพิ่มความโปร่งใสตรวจสอบได้ทั่วถึงให้ระบบ IT ได้อย่างรวดเร็ว
- วางแผนและทำนายการใช้งาน IT Infrastructure ภายในองค์กรด้วย AI
คุณณัฐวิชช์ ว่องสิทธิโรจน์ Technical Director – MangeEngine ประเทศไทยเชื่อว่าผลิตภัณฑ์และบริการจาก ManageEngine นั้นได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเพราะสามารถตอบโจทย์ที่ธุรกิจมีได้อย่างแท้จริงและในขณะเดียวกันก็มีราคาที่สมเหตุสมผล โดยในอนาคตอันใกล้นี้ ManageEngine จะเริ่มทยอยอัพเดทฟีเจอร์ AI เข้ามาเพิ่มเติมในโซลูชันต่างๆอีกมาก
สนใจโซลูชัน MangeEngine ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.manageengine.com