
เชื่อแน่ว่าในปีที่ผ่านเทคโนโลยีของ AI ได้ตอกย้ำความนึกคิดของหลายท่านให้ชัดเจนมากขึ้น จากที่อยู่ไกลตัวก็เริ่มขยับตัวเองเข้าไปเรียนรู้ จากคนที่ใช้งานบ้างแล้วก็ยิ่งเจาะลึกเข้าไปในการใช้งานขั้นสูงมากขึ้น สำหรับองค์กรเองต้องยอมรับว่าเรามิอาจหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงในคลื่นลูกใหญ่นี้ได้ คำถามคือเราและองค์กรของเราจะก้าวไปกับ AI อย่างไรต่อไป ซึ่งนี่คือเนื้อหาที่ M.TECH ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันความมั่นคงปลอดภัยระดับองค์กรจึงได้จัดงานครั้งนี้ขึ้น เพื่ออัปเดตเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้ทุกท่านอยู่เหนือกระแสการเปลี่ยนแปลงแห่ง AI นี้ไปได้อย่างมั่นคงปลอดภัย

“ในวงจรชีวิตของผู้คนต่างอาศัย AI ด้วยกันทั้งนั้น ตั้งแต่ Personal AI, Workspace AI ไปจนถึง Industry AI คำถามสำคัญไม่ใช่การถามหาหนทางปิดกั้น แต่เป็นการตั้งคำถามถึงความพร้อมต่อการเปิดรับต่างหาก อย่างการใช้งาน AI ด้วยความรับผิดชอบและการใช้ข้อมูลอย่างมั่นคงปลอดภัย โดยสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อาศัยมุมเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องปรับปรุงคน กระบวนการ และเทคโนโลยีร่วมกัน” — คุณกฤษณา เขมากรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ,บริษัท เอ็ม-โซลูชั่นส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่าง AI กับชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงาน และการในไปใช้ในทางธุรกิจ
AI เป็นสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมายาวนานแล้ว เพียงแต่ว่า ณ ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้จับต้องเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมากขึ้น จนอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรา ไม่เพียงเท่านั้น AI ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในระดับอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม AI นำมาซึ่งความหวังและความเสี่ยง ที่องค์กรต้องวางกลยุทธ์เพื่อหาจุดพอดีระหว่างกลาง ให้นวัตกรรมขับเคลื่อนต่อไปได้แต่ยังอยู่บนพื้นฐานความมั่นคงปลอดภัย และไม่ว่า AI จะเก่งขึ้นเพียงใดคนที่กุมบังเหียนในการตัดสินใจสำคัญยังต้องเป็นมนุษย์เสมอ
เสวนา : จะรับมือกับอนาคตด้านความมั่นคงปลอดภัยอย่างไรเพราะ AI ได้เกิดขึ้นแล้ว

ในช่วงของการเสวนาทาง M.TECH ได้เชิญวิทยากรผู้ทรงความรู้ทั้ง 3 ท่านจากมุมมองที่แตกต่างกัน โดยในมุมของผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีดิจิทัล
- ดร. พีรเดช ณ น่าน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- คุณชัชวัฒน์ อัศวรักวงศ์ รองประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป
- คุณปาริชาติ จิรวัชรา พาร์ทเนอร์, บริการให้คำปรึกษาด้านไซเบอร์, ดีลอยท์ ประเทศไทย
ดำเนินรายการโดย คุณกฤษณา เขมากรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย, บริษัท เอ็ม-โซลูชั่นส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด
AI เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่มีใครที่ขวางกระแสของโลกนี้ได้ แต่คำถามที่สำคัญคือในภาคองค์กรจะต้องอ้าแขนรับอย่างไร ในหัวข้อการสนทนาครั้งนี้วิทยากรทั้ง 3 ท่านต่างเห็นตรงกันว่า AI จะสร้างประโยชน์ให้แก่องค์กร ซึ่งไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ปิดกั้นความล้ำสมัยนี้เพียงแต่เราต้องขบคิดถึงความเสี่ยงอย่างรอบรอบในหลายประเด็น
“การพัฒนา AI ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ที่เป็นประโยชน์และแฝงความเสี่ยง การนำ AI มาใช้งานในวันนี้จึงต้องอาศัยความเข้าใจและความตระหนักรู้ พร้อมทั้งการเตรียมความพร้อมใน 3 ด้านหลัก คือ People, Process และ Technology โดยเฉพาะการมาของ Agentic AI ซึ่งเป็น AI ที่สามารถทำงานหลายขั้นตอนได้อย่างอัตโนมัติ และมีมนุษย์เกี่ยวข้องน้อยลง ทำให้ ความผิดพลาดหรือความคลาดเคลื่อน (hallucination) ที่เกิดจาก Agent ตัวแรก มีโอกาสถูกส่งต่อและขยายผลเมื่อถูกนำไปใช้เป็น Input ของ Agent ตัวถัดไป” มุมมองจาก ดร.พีรเดช
ดร.พีรเดชยังเสริมอีกว่า “เรากำลังอยู่ในยุคที่การกำกับดูแลมักตามหลังการใช้เทคโนโลยี แม้ AI จะกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เรายังสามารถเลือกที่จะใช้อย่างระมัดระวัง ได้ โดยการมี แนวทาง (Guideline) ให้ผู้ใช้ตระหนักถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้จัดทำ Guideline ดังกล่าวขึ้นแล้ว เพื่อเป็นกรอบในการใช้งานอย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม สุดท้าย สิ่งที่องค์กรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบคือเรื่องของ การเก็บข้อมูล — ต้องตั้งคำถามกับตัวเองให้ชัดว่า ข้อมูลใดจำเป็นต้องเก็บจริงๆ เพราะ ทุกข้อมูลที่เก็บมา คือภาระและความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับ”
“ในหลายปีที่ผ่านมาเราได้ตระหนักแล้วว่าเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างรวดเร็ว สร้างผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบอย่างมีนัยต่อองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น การมาของ Generative AI ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจนเป็น Agentic AI ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี การพิจารณานำ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาใช้ในองค์กร จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ และต้องมั่นใจว่าองค์กรสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจาก AI ได้ พร้อมกับต้องเข้าใจความเสี่ยงของ AI ทั้งในมุมของการใช้งานของบุคลากรในองค์กร การพัฒนา AI เพื่อให้บริการแก่บุคคลภายนอก และการรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ จากการที่ผู้ไม่ประสงค์ดีใช้ AI ในการช่วยโจมตี สิ่งที่สำคัญสำหรับการจัดการและรับมือกับความเสี่ยงจาก AI โดยเฉพาะความเสี่ยงเรื่องข้อมูลรั่วไหลจากการใช้งาน AI ของบุคลากร และการรับมือกับการถูกโจมตีโดยใช้ AI จากผู้ไม่ประสงค์ดี คือ องค์กรต้องจัดให้มีมาตรการและความสามารถพื้นฐานในการป้องกัน และรับมือจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ดี เช่น มีระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหล ระบบคัดกรองอีเมลแปลกปลอม การควบคุมการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ระบบป้องกันมัลแวร์ และอื่นๆ ที่ครบถ้วน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่ทุกองค์กรควรจะมีแม้ว่ายังไม่มีความเสี่ยงจาก AI อีกเรื่องสำคัญคือเรื่องการสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนในองค์กรให้เข้าใจถึงการใช้งาน AI ให้ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ” — ทัศนะจาก คุณ คุณชัชวัฒน์
คุณ Parichart กล่าวว่า “จากประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาด้านไซเบอร์ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถสร้างโอกาสและก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลแก่ภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม คุณปาริชาติเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่องค์กรจะต้องจัดเก็บข้อมูลให้สอดคล้องกับบริบททางธุรกิจ และ จำเป็นต้องพิจารณาปัญญาประดิษฐ์เสมือนเป็นบุคคลที่สาม (3rd party) ซึ่งต้องมีการประเมินความเสี่ยง ก่อนนำมาใช้ในองค์กร”
คุณปาริชาติได้กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม องค์กรต้องมีความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยมั่นคงปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของ ข้อมูล (Data) และอัตลักษณ์ (Identity) ที่สำคัญที่สุดคือการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้บุคลากรในองค์กรมี cyber awareness เนื่องจาก “ในท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดเสมอ“
Check Point – Transforming Security Operations With AI-Powered and External Risk Management

การโจมตีทางไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของประเทศไทย ด้วยสถิติของ Check Point ที่นำมาเล่าในงานครั้งนี้ โดยกว่า 83% เป็นภัยที่เกิดจากภายนอกเข้ามา เช่น ช่องโหว่ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลสำคัญหรือข้อมูลลูกค้ารั่วและถูกนำไปเผยแพร่ซื้อขายในเว็บใต้ดินโดยที่ธุรกิจไม่รับรู้ การปลอมแปลงตัวตนคนดังหรือหน้าเว็บธุรกิจปลอม รวมไปถึงภัยจาก 3rd Party นอกจากนี้ภัยคุกคามเหล่านั้นกำลังได้รับการเสริมอาวุธจาก AI ด้วย
ในมุมของการป้องกันโดยภาพรวม Check Point มีโซลูชันที่ครบเครื่องตั้งแต่ระบบ On-premise (Quantum), Cloud (CloudGuard) และ Workspace (Harmony) แต่สำหรับความช่วยเหลือที่เกี่ยวกับภัยที่เกิดขึ้นกับธุรกิจไทย แพลตฟอร์ม Check Point Infinity คือกลไกสำคัญที่จะระงับความเสี่ยงจากภายนอก External Risk Management ซึ่ง Check Point สามารถช่วยลูกค้าค้นหาความเสี่ยงที่เกิดกับโดเมนของธุรกิจ ติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องและตัวตนปลอมพร้อมประสานงานระงับบัญชีมิจฉาชีพเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, WhatApps และเว็บไซต์ ที่สำคัญคือ Check Point เปิดกว้างการทำงานร่วมกับแบรนด์อื่นๆได้ภายใต้คอนเซปต์ ‘Open Garden ecosystem’
Imperva – CyberBlueprint 2025 : Your Path to Secure Digital Growth

Thales Imperva ได้ตอกย้ำว่าแม้ AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการทำงานเชิงรุกและสร้างสรรค์ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความเสี่ยงและความกังวลในรูปแบบต่างๆ มากมายให้กับโลกไซเบอร์
อย่างไรก็ตามหากเราพิจารณาบริบททั้งหมดอย่างถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่าแนวคิดด้านความปลอดภัยก็ยังคงกลับสู่แนวคิดพื้นฐานและรากฐาน (Foundation) นั้นคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุด
การร่วมกันของ Thales และ Imperva ทำให้เทคโนโลยีและเครื่องมือครบเครื่องและตอบโจทย์ความปลอดภัยระดับรากฐานทั้งหมด ตั้งแต่การทำ Application Security (WAAP) ตามด้วย Data Security ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลัก และที่สุดของความมั่นใจด้วย HSM และ Key Management เพื่อรักษาและจัดเก็บข้อมูลกุญแจดิจิทัล ที่ถือเป็น Root of Trust ของ IT ทั้งหมด
Citrix – Deliver AI Virtual Workstations and Securely Deliver AI Applications

การสร้างโปรเจ็กต์ AI มักเผชิญกับความท้าทาย 3 เรื่อง คือ ความมั่นคงปลอดภัย ต้นทุนในด้านฮาร์ดแวร์ และ เวลาเพื่อสร้างผลงานออกสู่ตลาด โดย Citrix อาสาที่จะเป็นสูตรสำเร็จที่จะต่อยอดให้ฝันของโปรเจ็กต์ AI เหล่านั้นเกิดขึ้นได้ แน่นอนว่า Citrix มีความเข้มแข็งในระบบ Virtual Workspace อยู่แล้ว ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของต้นทุนด้วยการแชร์ใช้ฮาร์ดแวร์กับหลายผู้ใช้งาน รวมถึงการบริหารจัดการสเกลการใช้งานก็ทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถควบคุมข้อมูลได้ด้วยโซลูชันการเข้าถึงอย่าง Private Access ที่จะช่วยให้ทุกการเข้าถึงนั้นปลอดภัย
Tanium – The Rise of Autonomous Endpoint Management

Autonomous endpoint management (AEM) เป็นเทรนด์ที่อยู่ในการจับตาของ Gartner โดยหมายถึงการจัดการ Endpoint รูปแบบใหม่ที่เพิ่มความชาญฉลาดจาก AI ให้มีการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเป็นอัตโนมัติมากขึ้น ปัญหาสำคัญคือจะทำยังไงให้มันเร็วขึ้นได้จริง ซึ่งที่ Tanium พวกเขาได้เครื่องมือบริการจัดการ Endpoint ที่ทำให้ IT Security และ IT Operation ทำงานร่วมกันจากมุมมองเดียวกัน (Unified Endpoint Management) ด้วยการมองเห็นในทุก Endpoint สอบถาม และจัดการด้วยคำถามในภาษามนุษย์
Tufin – Automating Firewall Security in the Age of SASE and the Cloud

ในทางปฏิบัติองค์กรอาจมี Firewall หลายยี่ห้อและมีจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้นยังมีสภาพแวดล้อมแบบ Cloud เข้ามา ทำให้เกิดการแบ่งหน้าระหว่างทีมคลาวด์และทีมเครือข่ายเดิม เป็นต้น โดยในภาพการทำงานยังต้องมีการปรับปรุง Firewall ตามความจำเป็นเร่งด่วนอยู่เรื่อยๆด้วย นั่นทำให้เกิดสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม ทั้งหมดเพราะองค์กรไม่สามารถบูรณาการการจัดการ Firewall เหล่านั้นได้ สิ่งที่ Tufin นำเสนอคือเครื่องมือสำหรับการรวมศูนย์จัดการ Policy ทั้งหมด แต่ที่น่าสนใจคือพวกเขาได้สร้างระบบ AI ที่ทำให้การร้องขอนั้นง่ายขึ้น ให้ผู้ร้องขอทำงานด้วยตัวเองได้ตราบเท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิ์ที่กำหนด และยังมีขอบเขตการทำงานอย่างเจาะจง ไม่เหมือนกับงานเก่าที่พยายามเปิดการอนุมัติให้กว้างเข้าไว้
RSA Security – Identity: Not Just IT’s Problem

Identity ไม่ใช่ปัญหาของไอทีแต่เป็นความรับผิดชอบจากทุกคน อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการโจมตีที่เกิดขึ้นได้ง่าย ประเด็นคือ ณ ช่วงเวลาแห่งภัยที่รอบล้อมตัวนี้ องค์กรกลับไม่สามารถเติมเต็มผู้ปฏิบัติการด้านไอทีและความมั่นคงปลอดภัยได้ทันกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่นับวันมีแต่จะทวีความรุนแรงและแย่ลงเรื่อยๆ จากสถิติในประเทศไทยของ RSA พบว่ามีองค์กรเกินครึ่งที่เกิดเหตุรั่วไหลในปีที่ผ่านมา เกิดจากการขาดการยืนยันการพิสูจน์ตัวตน (Multi-factor Authentication) ความท้าทายเหล่านี้ต้องเริ่มต้นด้วยการใช้เครื่องมือป้องกันที่ง่ายให้เข้าถึงทุกคนด้วย Passwordless โดย RSA Security มีโซลูชันที่แข็งแกร่งสำหรับการป้องกันตัวตนเหล่านั้น
Silverfort – Securing The Identity Attack Surface – Identity Security

Silverfort ได้ตอกย้ำปัญหาด้าน Identity ในระดับองค์กรที่อาจจะมีความทับซ้อนในการใช้งานหลายแบรนด์ร่วมกัน โดยองค์กรมักขาดการติดตามการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาที่บริการหลายตัวไม่รองรับการทำ MFA ที่จะช่วยยกระดับการป้องกันการแทรกแซงบัญชีได้เกือบ 100% นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์พิเศษสำหรับบุคคล(Privilege User) และบัญชีของระบบที่จำเป็นต้องเปิดให้ใช้งานด้วย นั่นคือสิ่งที่ Silverfort มองเห็นนำเสนอการทำงานเบื้องหลังที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่น Active Directory ที่นิยมใช้ในองค์กร โซลูชันของ Silverfort จะคอยอยู่เบื้องหลังและกำหนด Policy การเข้าถึงที่รัดกุม หรือยกระดับการทำงานของระบบเก่าให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องแก้ไขโค้ด
Vectra AI – They’re Already In: How to Protect Modern Networks from Modern Attackers

Hybrid Work, Shadow IT, Hybrid cloud, Public, OT &IT คำเหล่านี้ได้กลายเป็นความซับซ้อนของผืนระบบไอที โดยในแต่ละระบบก็จะมี Identity ที่กระจัดกระจายออกจากกัน ซึ่งคนร้ายทางไซเบอร์คือผู้ที่ได้ประโยชน์จากความโกหาหลนั้น คำถามคือเราจะทำอย่างที่จะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดนี้และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเสี่ยงมากเสี่ยงน้อย เพื่อลดเวลาการตรวจสอบและเร่งเวลาการแก้ไขให้ทันท่วงที อีกทั้งต้องมั่นใจได้ว่าสิ่งที่ตรวจพบนั้นคือภัยจริง โดย Vectra AI ได้นำเสนอโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยพลัง AI ที่สามารถตรวจสอบผู้โจมตีท่ามกลางระบบเครือข่าย ตัวตน และคลาวด์ เชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อค้นหาภัยคุกคามได้อย่างแม่นยำ
SentinelOne – SOC RE-Invented: Offensive Security Strategies for the AI-vs-AI Battlefield

AI ได้ทำให้ฉากทัศน์ของการโจมตีเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทำให้เกิดการปลอมแปลงและหลอกลวงได้อย่างแนบเนียน พัฒนามัลแวร์ได้รวดเร็ว โดยฝั่งผู้โจมตีก็พยายามคิดค้นเทคนิคใหม่ที่หลีกเลี่ยงต่อการป้องกัน และบริการ LLM ที่มีช่องทางในการค้นหาการโจมตีเกิดขึ้นในหลายวิธีจากจุดต่างๆ ให้เร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้เององค์กรจึงต้องมีระบบตรวจจับที่รวดเร็วพอ ฉลาดพอ และจัดการข้อมูล ตัวตน และระบบคลาวด์ได้ดีพอ เพื่อนำข้อมูลล่าสุดมาประยุกต์ใช้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่ง SentinelOne ได้ผสานข้อมูลทั้งหมดไว้ใน Data Lake และพัฒนาระบบ AI ช่วยเหลืออย่าง Purple AI ที่ออกมาในปีก่อน โดย SentinelOne เผยว่า SOC สุดท้ายแล้วต้องเข้าสู่บริบทของ Autonomous SOC โดย SentinelOne คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่พร้อมขับเคลื่อน SOC ไปยังจุดมุ่งหมายนั้น
บทส่งท้าย
AI ได้กลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาการโจมตีให้ร้ายแรงและง่ายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามองค์กรไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้งาน AI ได้อีกต่อไป ดังนั้นสิ่งที่จะต้องตั้งคำถามคือเราจะอยู่กับ AI อย่างไรที่ยังรักษาความมั่นคงปลอดภัยไว้ได้ นั่นคือประเด็นสำคัญของงานครั้งนี้ที่ M.TECH ต้องการชวนทุกท่านมาเรียนรู้ถึงหนทางการจัดการความท้าทายของ AI ที่กำลังเกิดขึ้น ดังเช่นคอนเซปต์ ‘What’s next for AI’ โดย M.TECH จะเป็นตัวแทนแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity ให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ก้าวเข้าสู่บทเรียนแห่งโลก AI นี้ไปด้วยกัน
ผู้สนใจติดต่อทีมงานได้โดยตรงที่ https://mtechpro.com หรือทางอีเมล sales@mtechpro.com หรือ โทร 0-2059-6500