IBM Flashsystem

สรุปงานสัมมนา M.TECH – What’s next for AI?

เชื่อแน่ว่าในปีที่ผ่านเทคโนโลยีของ AI ได้ตอกย้ำความนึกคิดของหลายท่านให้ชัดเจนมากขึ้น จากที่อยู่ไกลตัวก็เริ่มขยับตัวเองเข้าไปเรียนรู้ จากคนที่ใช้งานบ้างแล้วก็ยิ่งเจาะลึกเข้าไปในการใช้งานขั้นสูงมากขึ้น สำหรับองค์กรเองต้องยอมรับว่าเรามิอาจหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงในคลื่นลูกใหญ่นี้ได้ คำถามคือเราและองค์กรของเราจะก้าวไปกับ AI อย่างไรต่อไป ซึ่งนี่คือเนื้อหาที่ M.TECH ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันความมั่นคงปลอดภัยระดับองค์กรจึงได้จัดงานครั้งนี้ขึ้น เพื่ออัปเดตเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยให้ทุกท่านอยู่เหนือกระแสการเปลี่ยนแปลงแห่ง AI นี้ไปได้อย่างมั่นคงปลอดภัย

คุณกฤษณา เขมากรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ,บริษัท เอ็ม-โซลูชั่นส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด

ในวงจรชีวิตของผู้คนต่างอาศัย AI ด้วยกันทั้งนั้น ตั้งแต่ Personal AI, Workspace AI ไปจนถึง Industry AI คำถามสำคัญไม่ใช่การถามหาหนทางปิดกั้น แต่เป็นการตั้งคำถามถึงความพร้อมต่อการเปิดรับต่างหาก อย่างการใช้งาน AI ด้วยความรับผิดชอบและการใช้ข้อมูลอย่างมั่นคงปลอดภัย โดยสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อาศัยมุมเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องปรับปรุงคน กระบวนการ และเทคโนโลยีร่วมกัน” — คุณกฤษณา เขมากรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย ,บริษัท เอ็ม-โซลูชั่นส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ได้ชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่าง AI กับชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงาน และการในไปใช้ในทางธุรกิจ

AI เป็นสิ่งที่ถูกคิดค้นขึ้นมายาวนานแล้ว เพียงแต่ว่า ณ ปัจจุบันสิ่งเหล่านี้จับต้องเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมากขึ้น จนอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรา ไม่เพียงเท่านั้น AI ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในระดับอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม AI นำมาซึ่งความหวังและความเสี่ยง ที่องค์กรต้องวางกลยุทธ์เพื่อหาจุดพอดีระหว่างกลาง ให้นวัตกรรมขับเคลื่อนต่อไปได้แต่ยังอยู่บนพื้นฐานความมั่นคงปลอดภัย และไม่ว่า AI จะเก่งขึ้นเพียงใดคนที่กุมบังเหียนในการตัดสินใจสำคัญยังต้องเป็นมนุษย์เสมอ 

ในช่วงของการเสวนาทาง M.TECH ได้เชิญวิทยากรผู้ทรงความรู้ทั้ง 3 ท่านจากมุมมองที่แตกต่างกัน โดยในมุมของผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีดิจิทัล

  • ดร. พีรเดช ณ น่าน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
  • คุณชัชวัฒน์ อัศวรักวงศ์  รองประธาน และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป
  • คุณปาริชาติ จิรวัชรา พาร์ทเนอร์, บริการให้คำปรึกษาด้านไซเบอร์,  ดีลอยท์ ประเทศไทย

ดำเนินรายการโดย คุณกฤษณา เขมากรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย, บริษัท เอ็ม-โซลูชั่นส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด

AI เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่มีใครที่ขวางกระแสของโลกนี้ได้ แต่คำถามที่สำคัญคือในภาคองค์กรจะต้องอ้าแขนรับอย่างไร ในหัวข้อการสนทนาครั้งนี้วิทยากรทั้ง 3 ท่านต่างเห็นตรงกันว่า AI จะสร้างประโยชน์ให้แก่องค์กร ซึ่งไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ปิดกั้นความล้ำสมัยนี้เพียงแต่เราต้องขบคิดถึงความเสี่ยงอย่างรอบรอบในหลายประเด็น

การพัฒนา AI ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ที่เป็นประโยชน์และแฝงความเสี่ยง การนำ AI มาใช้งานในวันนี้จึงต้องอาศัยความเข้าใจและความตระหนักรู้ พร้อมทั้งการเตรียมความพร้อมใน 3 ด้านหลัก คือ People, Process และ Technology โดยเฉพาะการมาของ Agentic AI ซึ่งเป็น AI ที่สามารถทำงานหลายขั้นตอนได้อย่างอัตโนมัติ และมีมนุษย์เกี่ยวข้องน้อยลง ทำให้ ความผิดพลาดหรือความคลาดเคลื่อน (hallucination) ที่เกิดจาก Agent ตัวแรก มีโอกาสถูกส่งต่อและขยายผลเมื่อถูกนำไปใช้เป็น Input ของ Agent ตัวถัดไป” มุมมองจาก ดร.พีรเดช

ดร.พีรเดชยังเสริมอีกว่า “เรากำลังอยู่ในยุคที่การกำกับดูแลมักตามหลังการใช้เทคโนโลยี แม้ AI จะกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เรายังสามารถเลือกที่จะใช้อย่างระมัดระวัง ได้ โดยการมี แนวทาง (Guideline) ให้ผู้ใช้ตระหนักถึงสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ได้จัดทำ Guideline ดังกล่าวขึ้นแล้ว เพื่อเป็นกรอบในการใช้งานอย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม สุดท้าย สิ่งที่องค์กรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบคือเรื่องของ การเก็บข้อมูล — ต้องตั้งคำถามกับตัวเองให้ชัดว่า ข้อมูลใดจำเป็นต้องเก็บจริงๆ เพราะ ทุกข้อมูลที่เก็บมา คือภาระและความรับผิดชอบที่ต้องแบกรับ

ในหลายปีที่ผ่านมาเราได้ตระหนักแล้วว่าเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างรวดเร็ว สร้างผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบอย่างมีนัยต่อองค์กรต่างๆ ทั่วโลก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น การมาของ Generative AI ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจนเป็น Agentic AI ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี การพิจารณานำ AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาใช้ในองค์กร จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ และต้องมั่นใจว่าองค์กรสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจาก AI ได้ พร้อมกับต้องเข้าใจความเสี่ยงของ AI ทั้งในมุมของการใช้งานของบุคลากรในองค์กร การพัฒนา AI เพื่อให้บริการแก่บุคคลภายนอก และการรับมือกับภัยคุกคามต่างๆ จากการที่ผู้ไม่ประสงค์ดีใช้ AI ในการช่วยโจมตี สิ่งที่สำคัญสำหรับการจัดการและรับมือกับความเสี่ยงจาก AI โดยเฉพาะความเสี่ยงเรื่องข้อมูลรั่วไหลจากการใช้งาน AI ของบุคลากร และการรับมือกับการถูกโจมตีโดยใช้ AI จากผู้ไม่ประสงค์ดี คือ องค์กรต้องจัดให้มีมาตรการและความสามารถพื้นฐานในการป้องกัน และรับมือจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ดี เช่น มีระบบป้องกันข้อมูลรั่วไหล ระบบคัดกรองอีเมลแปลกปลอม การควบคุมการเข้าถึงอินเตอร์เน็ต ระบบป้องกันมัลแวร์ และอื่นๆ ที่ครบถ้วน ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่ทุกองค์กรควรจะมีแม้ว่ายังไม่มีความเสี่ยงจาก AI อีกเรื่องสำคัญคือเรื่องการสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนในองค์กรให้เข้าใจถึงการใช้งาน AI ให้ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบ” — ทัศนะจาก คุณ คุณชัชวัฒน์

คุณ Parichart กล่าวว่า “จากประสบการณ์ในการเป็นที่ปรึกษาด้านไซเบอร์ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถสร้างโอกาสและก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาลแก่ภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม คุณปาริชาติเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่องค์กรจะต้องจัดเก็บข้อมูลให้สอดคล้องกับบริบททางธุรกิจ และ จำเป็นต้องพิจารณาปัญญาประดิษฐ์เสมือนเป็นบุคคลที่สาม (3rd party) ซึ่งต้องมีการประเมินความเสี่ยง ก่อนนำมาใช้ในองค์กร

คุณปาริชาติได้กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม องค์กรต้องมีความพร้อมในการดูแลความปลอดภัยมั่นคงปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของ ข้อมูล (Data) และอัตลักษณ์ (Identity) ที่สำคัญที่สุดคือการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้บุคลากรในองค์กรมี cyber awareness เนื่องจาก “ในท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดเสมอ

Pakawat Wattanachot, Sales Engineer Team Leader, Check Point

การโจมตีทางไซเบอร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของประเทศไทย ด้วยสถิติของ Check Point ที่นำมาเล่าในงานครั้งนี้ โดยกว่า 83% เป็นภัยที่เกิดจากภายนอกเข้ามา เช่น ช่องโหว่ของแอปพลิเคชัน ข้อมูลสำคัญหรือข้อมูลลูกค้ารั่วและถูกนำไปเผยแพร่ซื้อขายในเว็บใต้ดินโดยที่ธุรกิจไม่รับรู้ การปลอมแปลงตัวตนคนดังหรือหน้าเว็บธุรกิจปลอม รวมไปถึงภัยจาก 3rd Party นอกจากนี้ภัยคุกคามเหล่านั้นกำลังได้รับการเสริมอาวุธจาก AI ด้วย

ในมุมของการป้องกันโดยภาพรวม Check Point มีโซลูชันที่ครบเครื่องตั้งแต่ระบบ On-premise (Quantum), Cloud (CloudGuard) และ Workspace (Harmony) แต่สำหรับความช่วยเหลือที่เกี่ยวกับภัยที่เกิดขึ้นกับธุรกิจไทย แพลตฟอร์ม Check Point Infinity คือกลไกสำคัญที่จะระงับความเสี่ยงจากภายนอก External Risk Management ซึ่ง Check Point สามารถช่วยลูกค้าค้นหาความเสี่ยงที่เกิดกับโดเมนของธุรกิจ ติดตามข้อมูลที่เกี่ยวข้องและตัวตนปลอมพร้อมประสานงานระงับบัญชีมิจฉาชีพเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line, WhatApps และเว็บไซต์ ที่สำคัญคือ Check Point เปิดกว้างการทำงานร่วมกับแบรนด์อื่นๆได้ภายใต้คอนเซปต์ ‘Open Garden ecosystem’

Natthapon Thepchalerm, Country Manager & AppSec Sales, Imperva

Thales Imperva ได้ตอกย้ำว่าแม้ AI จะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการทำงานเชิงรุกและสร้างสรรค์ แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความเสี่ยงและความกังวลในรูปแบบต่างๆ มากมายให้กับโลกไซเบอร์

อย่างไรก็ตามหากเราพิจารณาบริบททั้งหมดอย่างถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่าแนวคิดด้านความปลอดภัยก็ยังคงกลับสู่แนวคิดพื้นฐานและรากฐาน (Foundation) นั้นคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุด

การร่วมกันของ Thales และ Imperva ทำให้เทคโนโลยีและเครื่องมือครบเครื่องและตอบโจทย์ความปลอดภัยระดับรากฐานทั้งหมด ตั้งแต่การทำ Application Security (WAAP) ตามด้วย Data Security ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลัก และที่สุดของความมั่นใจด้วย HSM และ Key Management เพื่อรักษาและจัดเก็บข้อมูลกุญแจดิจิทัล ที่ถือเป็น Root of Trust ของ IT ทั้งหมด

Garry Soriano, Account Technology Strategist CXA Global Pte Ltd., Citrix

การสร้างโปรเจ็กต์ AI มักเผชิญกับความท้าทาย 3 เรื่อง คือ ความมั่นคงปลอดภัย ต้นทุนในด้านฮาร์ดแวร์ และ เวลาเพื่อสร้างผลงานออกสู่ตลาด โดย Citrix อาสาที่จะเป็นสูตรสำเร็จที่จะต่อยอดให้ฝันของโปรเจ็กต์ AI เหล่านั้นเกิดขึ้นได้ แน่นอนว่า Citrix มีความเข้มแข็งในระบบ Virtual Workspace อยู่แล้ว ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของต้นทุนด้วยการแชร์ใช้ฮาร์ดแวร์กับหลายผู้ใช้งาน รวมถึงการบริหารจัดการสเกลการใช้งานก็ทำให้ขั้นตอนการดำเนินงานลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ไม่เพียงเท่านั้นยังสามารถควบคุมข้อมูลได้ด้วยโซลูชันการเข้าถึงอย่าง Private Access ที่จะช่วยให้ทุกการเข้าถึงนั้นปลอดภัย

Dominic Cheah, Director of Technical Solutions, Tanium

Autonomous endpoint management (AEM) เป็นเทรนด์ที่อยู่ในการจับตาของ Gartner  โดยหมายถึงการจัดการ Endpoint รูปแบบใหม่ที่เพิ่มความชาญฉลาดจาก AI ให้มีการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเป็นอัตโนมัติมากขึ้น ปัญหาสำคัญคือจะทำยังไงให้มันเร็วขึ้นได้จริง ซึ่งที่ Tanium พวกเขาได้เครื่องมือบริการจัดการ Endpoint ที่ทำให้ IT Security และ IT Operation ทำงานร่วมกันจากมุมมองเดียวกัน (Unified Endpoint Management) ด้วยการมองเห็นในทุก Endpoint สอบถาม และจัดการด้วยคำถามในภาษามนุษย์

Henry Pea, Sales Engineering Director, Tufin

ในทางปฏิบัติองค์กรอาจมี Firewall หลายยี่ห้อและมีจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้นยังมีสภาพแวดล้อมแบบ Cloud เข้ามา ทำให้เกิดการแบ่งหน้าระหว่างทีมคลาวด์และทีมเครือข่ายเดิม เป็นต้น โดยในภาพการทำงานยังต้องมีการปรับปรุง Firewall ตามความจำเป็นเร่งด่วนอยู่เรื่อยๆด้วย นั่นทำให้เกิดสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม ทั้งหมดเพราะองค์กรไม่สามารถบูรณาการการจัดการ Firewall เหล่านั้นได้ สิ่งที่ Tufin นำเสนอคือเครื่องมือสำหรับการรวมศูนย์จัดการ Policy ทั้งหมด แต่ที่น่าสนใจคือพวกเขาได้สร้างระบบ AI ที่ทำให้การร้องขอนั้นง่ายขึ้น ให้ผู้ร้องขอทำงานด้วยตัวเองได้ตราบเท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิ์ที่กำหนด และยังมีขอบเขตการทำงานอย่างเจาะจง ไม่เหมือนกับงานเก่าที่พยายามเปิดการอนุมัติให้กว้างเข้าไว้

Craig Dore, APAC Field CTO, RSA Security

Identity ไม่ใช่ปัญหาของไอทีแต่เป็นความรับผิดชอบจากทุกคน อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการโจมตีที่เกิดขึ้นได้ง่าย ประเด็นคือ ณ ช่วงเวลาแห่งภัยที่รอบล้อมตัวนี้ องค์กรกลับไม่สามารถเติมเต็มผู้ปฏิบัติการด้านไอทีและความมั่นคงปลอดภัยได้ทันกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ที่นับวันมีแต่จะทวีความรุนแรงและแย่ลงเรื่อยๆ จากสถิติในประเทศไทยของ RSA พบว่ามีองค์กรเกินครึ่งที่เกิดเหตุรั่วไหลในปีที่ผ่านมา เกิดจากการขาดการยืนยันการพิสูจน์ตัวตน (Multi-factor Authentication) ความท้าทายเหล่านี้ต้องเริ่มต้นด้วยการใช้เครื่องมือป้องกันที่ง่ายให้เข้าถึงทุกคนด้วย Passwordless โดย RSA Security มีโซลูชันที่แข็งแกร่งสำหรับการป้องกันตัวตนเหล่านั้น

Nantharat Puwarang, Regional Sales Manager Thailand, Silverfort

Silverfort ได้ตอกย้ำปัญหาด้าน Identity ในระดับองค์กรที่อาจจะมีความทับซ้อนในการใช้งานหลายแบรนด์ร่วมกัน โดยองค์กรมักขาดการติดตามการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาที่บริการหลายตัวไม่รองรับการทำ MFA ที่จะช่วยยกระดับการป้องกันการแทรกแซงบัญชีได้เกือบ 100% นอกจากนี้ยังมีสิทธิ์พิเศษสำหรับบุคคล(Privilege User) และบัญชีของระบบที่จำเป็นต้องเปิดให้ใช้งานด้วย นั่นคือสิ่งที่ Silverfort มองเห็นนำเสนอการทำงานเบื้องหลังที่ช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้น ยกตัวอย่างเช่น Active Directory ที่นิยมใช้ในองค์กร โซลูชันของ Silverfort จะคอยอยู่เบื้องหลังและกำหนด Policy การเข้าถึงที่รัดกุม หรือยกระดับการทำงานของระบบเก่าให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องแก้ไขโค้ด

Calix Toh Youcai, Channel Sales Asia, Vectra AI

Hybrid Work, Shadow IT, Hybrid cloud, Public, OT &IT คำเหล่านี้ได้กลายเป็นความซับซ้อนของผืนระบบไอที โดยในแต่ละระบบก็จะมี Identity ที่กระจัดกระจายออกจากกัน ซึ่งคนร้ายทางไซเบอร์คือผู้ที่ได้ประโยชน์จากความโกหาหลนั้น คำถามคือเราจะทำอย่างที่จะมองเห็นภาพรวมทั้งหมดนี้และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเสี่ยงมากเสี่ยงน้อย  เพื่อลดเวลาการตรวจสอบและเร่งเวลาการแก้ไขให้ทันท่วงที อีกทั้งต้องมั่นใจได้ว่าสิ่งที่ตรวจพบนั้นคือภัยจริง โดย Vectra AI ได้นำเสนอโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยพลัง AI ที่สามารถตรวจสอบผู้โจมตีท่ามกลางระบบเครือข่าย ตัวตน และคลาวด์ เชื่อมโยงข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อค้นหาภัยคุกคามได้อย่างแม่นยำ

Chris Mladenovski, Director Strategic Products, APJ

AI ได้ทำให้ฉากทัศน์ของการโจมตีเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทำให้เกิดการปลอมแปลงและหลอกลวงได้อย่างแนบเนียน พัฒนามัลแวร์ได้รวดเร็ว โดยฝั่งผู้โจมตีก็พยายามคิดค้นเทคนิคใหม่ที่หลีกเลี่ยงต่อการป้องกัน และบริการ LLM ที่มีช่องทางในการค้นหาการโจมตีเกิดขึ้นในหลายวิธีจากจุดต่างๆ ให้เร็วขึ้น ด้วยเหตุนี้เององค์กรจึงต้องมีระบบตรวจจับที่รวดเร็วพอ ฉลาดพอ และจัดการข้อมูล ตัวตน และระบบคลาวด์ได้ดีพอ เพื่อนำข้อมูลล่าสุดมาประยุกต์ใช้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่ง SentinelOne ได้ผสานข้อมูลทั้งหมดไว้ใน Data Lake และพัฒนาระบบ AI ช่วยเหลืออย่าง Purple AI ที่ออกมาในปีก่อน โดย SentinelOne เผยว่า SOC สุดท้ายแล้วต้องเข้าสู่บริบทของ Autonomous SOC โดย SentinelOne คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่พร้อมขับเคลื่อน SOC ไปยังจุดมุ่งหมายนั้น

AI ได้กลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาการโจมตีให้ร้ายแรงและง่ายมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามองค์กรไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้งาน AI ได้อีกต่อไป ดังนั้นสิ่งที่จะต้องตั้งคำถามคือเราจะอยู่กับ AI อย่างไรที่ยังรักษาความมั่นคงปลอดภัยไว้ได้ นั่นคือประเด็นสำคัญของงานครั้งนี้ที่ M.TECH ต้องการชวนทุกท่านมาเรียนรู้ถึงหนทางการจัดการความท้าทายของ AI ที่กำลังเกิดขึ้น ดังเช่นคอนเซปต์ ‘What’s next for AI’ โดย M.TECH จะเป็นตัวแทนแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน Cybersecurity ให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ก้าวเข้าสู่บทเรียนแห่งโลก AI นี้ไปด้วยกัน

ผู้สนใจติดต่อทีมงานได้โดยตรงที่ https://mtechpro.com หรือทางอีเมล sales@mtechpro.com หรือ โทร 0-2059-6500

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

AWS เตรียมเปิดตลาดเอเจนต์ AI ร่วมกับ Anthropic ในสัปดาห์หน้า

มีรายงานว่า Amazon Web Services เตรียมเดินตามรอย Microsoft และ Google Cloud ด้วยการเปิดตัวตลาดเฉพาะสำหรับเอเจนต์ปัญญาประดิษฐ์ และนักพัฒนา AI รายโปรดอย่าง Anthropic ก็จะเป็นหนึ่งในพันธมิตรร่วมเปิดตัวด้วย

Amazon กำลังพิจารณาลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ใน Anthropic

รายงานจาก The Financial Time ระบุว่าผู้บริหารของ Amazon.com ได้ทำการหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการลงทุนครั้งใหม่ใน Anthropic โดยอ้างแหล่งข่าวว่า การระดมทุนรอบนี้อาจมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์