หลังจากเปิดงานไปด้วยการแสดงจากเหล่ากวีและศิลปินแล้ว ก็ได้เวลาเริ่มงานวันที่ 2 ของ Microsoft Worldwide Partner Conferrence 2016 (#WPC16) แล้ว ซึ่งมีเรื่องที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เหมือนกันว่าเนื้อหางานในวันนี้ได้รับเสียงปรบมือจากผู้เข้าร่วมงานค่อนข้างเยอะมาก มากกว่าวันที่ Satya Nadella มาพูดเสียอีก และแนะนำว่าเหล่า SI ที่เป็น Microsoft Partner ควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง ทางทีมงาน TechTalkThai ที่ได้ร่วมงานในครั้งนี้ก็ขอสรุปเนื้อหาและเรื่องราวมาแบ่งให้ได้อ่านกันเป็นตอนๆ ดังนี้นะครับ
Microsoft กับ Cloud ที่พร้อมสำหรับตลาดองค์กรอย่างครบวงจรในทุกแง่มุม
Scott Guthrie ผู้ดำรงตำแหน่ง Executive Microsoft Vice President ทางด้าน Cloud and Enterprise ได้เริ่มต้น Keynote ด้วยการพูดถึงการทำ Digital Transformation อีกครั้งหนึ่งเป็นการทบทวนเนื้อหาของ Satya Nadella เมื่อวาน และต่อด้วยประเด็นของ Journey to the Cloud ที่กำลังเป็นทิศทางของทุกๆ องค์กรไม่เว้นแม้แต่ Microsoft โดยเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ Microsoft ต้องการนำเสนอแก่เหล่าองค์กรได้แก่
- Productivity – Office 365
- Business Apps – Dynamics 365
- Application Innovation – Azure
- Data & Intelligence – Cortana Intelligence
- Security & Management – Enterprise Mobility + Security, Operations Management + Security
ทั้งหมดนี้รวมกันเป็น Microsoft Cloud โดยปัจจุบัน Microsoft มี 34 Azure Regions แล้ว ซึ่งถือว่าเยอะกว่า AWS และ Google รวมกันเสียอีก อีกทั้งยังมีส่วนที่เป็น Microcloud เล็กๆ กระจายอยู่ทั่วโลกอีกมากมาย พร้อมทั้งโชว์พื้นที่ที่จะลงทุนในระบบ Cloud Data Center แห่งใหม่ๆ เพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย
Trusted Cloud ความน่าเชื่อถือของระบบ Cloud คือสิ่งที่สำคัญต่อตลาดองค์กร
Microsoft ได้พัฒนา Cloud ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มองค์กรแต่แรก ดังนั้นประเด็นเรื่องความน่าเชื่อถือและไว้ใจจึงถือเป็นประเด็นที่สำคัญมากสำหรับ Microsoft และทำให้ Microsoft ได้รับ Certification ต่างๆ ใน Microsoft Cloud มากกว่าบริการ Cloud ของคู่แข่งรายอื่นๆ ในขณะที่ยังเปิดให้องค์กรลูกค้าผู้ใช้งานมีสิทธิ์ในข้อมูลของตัวเองอย่างเต็มที่ พร้อมมีทีมงานที่จะช่วยเหลือปกป้องข้อมูลของลูกค้าไม่ให้ถูกหน่วยงานรัฐเข้าถึงได้ และยังมี Region มากที่สุดในโลกเพื่อให้มีความทนทานสูงและให้ลูกค้ามีทางเลือกได้มากที่สุด
ความยืดหยุ่นเองก็ถือเป็นอีกจุดเด่นของเทคโนโลยีจาก Microsoft ที่มีการรองรับการทำ Hybrid Cloud ได้ตั้งแต่ต้น เพราะด้วยเทคโนโลยีเดิมจาก Microsoft ที่เป็นเทคโนโลยีแบบ On-premises มาอยู่แต่แรก ทำให้ทั้ง Partner และลูกค้าสามารถเลือกใช้งาน Infrastructure ที่เหมาะสมกับความต้องการของตนได้ และสามารถต่อยอดให้กลายเป็น Hybrid Cloud ในภายหลังได้อีกด้วย
นอกจากนี้ใน Gartner Magic Quadrant ทาง Microsoft เองนั้นก็ได้ถูกรับเลือกให้เป็น Enterprise Ready Cloud ที่ได้คะแนนสูงที่สุด อีกทั้งยังมีลูกค้าใน Fortune 500 กว่า 85% ที่ใช้ Microsoft Cloud แล้วในปัจจุบัน
Microsoft Cloud: ต้องการเติบโตพร้อมกับ Partner ทั่วโลก
ถือเป็นอีกประเด็นที่ทำให้แตกต่างจากบริการ Cloud อื่นๆ เนื่องจาก Microsoft ตั้งใจสร้าง Ecosystem ของบริการ Microsoft Cloud ให้เหล่า Partner ของ Microsoft ทั่วโลกสามารถนำไปสร้างรายได้ต่อยอดได้เหนือกว่า Cloud อื่น ปัจจุบันนี้ Partner ทั่วโลกมีรายรับจากการเสริมบริการและพัฒนาเทคโนโลยีต่อยอด Microsoft Cloud กันไปแล้วถึง 45,000 ล้านเหรียญ หรือราวๆ 1.575 ล้านล้านบาท
เมื่อลงลึกถึงประเด็นของรายรับฝั่ง Partner ของ Microsoft นั้น มีการสำรวจว่าเหล่า Partner ของ Microsoft ที่เริ่มขาย Microsoft Cloud นั้นจะมียอดขายรวมเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า โดยมี Customer Lifetime Value เพิ่มขึ้นจากการทำงานแบบ Project-based ถึง 1.8 เท่า และมีกำไรจากการพัฒนาและขายระบบ Software-as-a-Service (SaaS) มากกว่า 65%
เปิดตัว Microsoft AppSource: Marketplace สำหรับขายบริการ SaaS ตลาดองค์กรที่พัฒนาโดย ISV Partner
Microsoft ได้พัฒนา Marketplace ใหม่ขึ้นมาชื่อว่า Microsoft AppSource เพื่อให้เหล่า ISV Partner สามารถพัฒนาโซลูชันต่างๆ บน Microsoft Cloud ที่เน้นตอบโจทย์สำหรับองค์กรต่างๆ และนำมาขายบน AppSource ได้เลย โดยลูกค้าองค์กรต่างๆ สามารถกด Try เพื่อทดสอบระบบ SaaS เหล่านี้ได้ด้วยการรอเวลาไม่ถึง 3 วินาทีก่อนที่ระบบจะ Provision Cloud Infrastructure สำหรับ SaaS นั้นๆ เสร็จ
Microsoft นั้นตั้งใจเอาไว้ว่าเมื่อ Partner รายใดได้ทำการพัฒนา SaaS ขึ้นมาตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมใดๆ ในประเทศของตนแล้ว การนำมาขายบน AppSource นี้ก็จะเป็นการช่วยขยายตลาดให้ SaaS เดียวกันนี้สามารถถูกเข้าถึงและทดสอบได้โดยองค์กรในธุรกิจประเภทเดียวกันในต่างประเทศ หรือองค์กรในธุรกิจเดียวกันแต่อาจจะมีธุรกิจขนาดเล็กกว่าหรือใหญ่กว่า เพื่อให้ Partner ของ Microsoft เติบโตไปได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง
ทั้งนี้บริการที่จะนำมาขายบน AppSource ได้นั้นจะต้องมี SLA ไม่ต่ำกว่า 99.9% เป็นอย่างน้อย โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูหน้าตาของ Microsoft AppSource ได้เลยที่ https://appsource.microsoft.com/ ครับ
ถือเป็นอีกการเปลี่ยนแปลงของ Microsoft ที่จากเมื่อก่อนเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่เน้นเทคโนโลยีของตัวเอง กลายมาเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจร่วมกับ Partner และผลักดันให้ Partner พัฒนาเทคโนโลยีของตัวเองไปแทนแล้วครับ