ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้รับเชิญไปร่วมงาน Atmosphere 2018 APAC ซึ่งเป็นงานสัมมนาใหญ่ประจำปีของ HPE Aruba โดยปีนี้จัดขึ้นที่ประเทศไทย ภายใต้ธีม “Secure, Smart, Simple” เน้นการสร้าง Experience Platform อัจฉริยะเพื่อให้ลูกค้าสามารถนำไปใช้สร้างมูลค่าให้แก่บริการของตนเอง ตอบโจทย์ความต้องการในยุค Experience Economy โดยมีคนจากสายงาน IT เข้าร่วมงานมากกว่า 1,700 คน ผู้ที่สนใจสามารถอ่านสรุปเซสชัน Keynote ได้ที่บทความนี้เลยครับ
Customer First, Customer Last สโลแกนใหม่จาก HPE Aruba
Janice Le, Chief Marketer และ Steve Wood, APAC Sales จาก HPE Aruba ได้เริ่มต้นกล่าวเปิดงาน Atmosphere 2018 APAC ระบุถึงสโลแกนใหม่จาก HPE Aruba คือ Customer First, Customer Last กล่าวคือ ลูกค้าจะเป็นที่หนึ่งในใจของบริษัท และทีมงานของ HPE Aruba ทุกคนจะให้ความสำคัญกับลูกค้าในทุกๆ ด้าน และทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง ไปจนถึงซัพพอร์ตแบบครบวงจร เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าทุกคนจะได้รับประสบการณ์อันแสนยอดเยี่ยมและมีความสุขที่ใช้บริการของ HPE Aruba
“HPE Aruba มีอัตราการเติบโต 16% ในแถบเอเชียแปซิฟิก และมียอดขายสูงถึง $3,000 ล้าน ในขณะที่ Airheads Community ก็มีสมาชิกมากถึง 80,000 คน” — Le กล่าวถึงการเติบโตของ HPE Aruba หลังเริ่มให้บริการมานานกว่า 16 ปี และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ HPE เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
พร้อมรับยุค Experience Economy
Keerti Melkote, President & Founder ของ HPE Aruba ออกมากล่าวถึงแนวโน้มล่าสุดในยุคดิจิทัลที่ซึ่งการทำ Digital Disruption กลายเป็นประเด็นสำคัญและส่งผลกระทบกับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม สถานศึกษา โรงงานอุตสาหกรรม ร้านค้า หรือแม้แต่สถานที่ทำงาน ดังที่ได้เห็นจาก Startups หลายรายที่ก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงระดับโลกในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เช่น Airbnb, Coursera, Tesla, Alibaba, Upwork เป็นต้น หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้บริษัทเหล่านี้ประสบความสำเร็จ คือ การเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ การใช้ Cloud Apps และ Mobile Users ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้ HPE Aruba จึงเน้นที่หลักการ Mobile First, Cloud First Network ที่มาพร้อมกับความมั่นคงปลอดภัยอันแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ Melkote ยังระบุอีกว่า ทั่วโลกกำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า Experience Economy ซึ่งไม่ใช่ยุคที่ซื้อของมาแล้วขายของไปอีกต่อไป แต่จะมีการเพิ่มบางสิ่งบางอย่างลงไปในผลิตภัณฑ์หรือบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้น เพื่อสร้างผลกำไรที่มากขึ้นแก่บริษัท ดังเช่น Starbucks ที่มีการเพิ่มสุนทรีในการดื่มกาแฟเข้าไป ทำให้สามารถขายกาแฟได้สูงกว่าราคาทุนหลายเท่าตัว HPE Aruba จึงสร้าง Experience Platform อัจฉริยะเพื่อให้ลูกค้าสามารถนำไปใช้สร้างมูลค่าให้แก่บริการของตนเองได้ง่ายยิ่งขึ้น
เบื้องหลังความอัจฉริยะคือ AI และ Machine Learning
Experience Platform ของ HPE Aruba ถูกออกแบบมาโดยมีหัวใจสำคัญคือ Smart Digital ซึ่งมี AI และ Machine Learning อยู่เบื้องหลังในการประมวลผลข้อมูลเพื่อให้ได้ Insights และสร้าง Actions กลับไปยังลูกค้าเพื่อมอบประสบการณ์ในการใช้บริการที่ดีที่สุด ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของโรงพยาบาลกรุงเทพ คุณวีระศักดิ์ กฤษณประพันธ์ ผู้ซึ่งเป็น CTO ระบุว่า ได้ทำการวางระบบเครือข่ายและเครือข่ายไร้สายของ HPE Aruba เพื่อสร้าง Infrastructure รองรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ผู้ป่วยสามารถใช้แท็บเล็ตควบคุมระบบไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้อง รวมไปถึงสามารถเรียกใช้บริการต่างๆ หรือเรียกหาพยาบาลได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากนี้ทางโรงพยาบาลยังวางแผนการนำ IoT และ Location Services เข้ามาติดตามดูแลผู้ป่วยในอนาคตอีกด้วย เหล่านี้ช่วยให้ผู้ป่วยมีความสะดวกสบายและคลายความกังวลขณะพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมากขึ้น
“หัวใจสำคัญของ Experience Platform ประกอบด้วย 3 ประการ คือ Infrastructure ประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมกับความมั่นคงปลอดภัย, แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์อัจฉริยะสำหรับบริหารจัดการและทำ Analytics และระบบ Ecosystem ที่พร้อมผสานการทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อย่างลงตัว ซึ่งเหล่านี้ถูกรวบรวมไว้ใน HPE Aruba” — Melkote กล่าว
เปิดตัวโซลูชันใหม่ SD-Branch และ Cape Networks
ในส่วนของโซลูชันใหม่นั้น Melkote ได้ทำการแนะนำ 2 โซลูชันสำคัญที่จะเข้ามามีบทบาทในยุคดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ได้แก่
- SD-Branch: โซลูชัน Software-defined WAN ใหม่ของ HPE Aruba ซึ่งผสานรวมทั้ง SD-LAN และ SD-WAN ไว้ภายในอุปกรณ์ บริหารจัดการผ่านระบบ Cloud และรองรับการทำ Zero-touch Provisioning ซึ่งช่วยให้สามารถดูแลระบบเครือข่ายของสำนักงานสาขาได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์จาก Checkpoint, Palo Alto Networks และ Zscaler เพื่อเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้ในสำนักงานสาขาได้
- Cape Networks: โซลูชันสำหรับทำ Performance Analytics และ Service Assurance ในมุมมองของผู้ใช้งานจริง โดยตัวอุปกรณ์จะเป็น Sensor ขนาดใกล้เคียงกับ Access Point สำหรับติดตั้งตามจุดต่างๆ ขององค์กรเพื่อทดสอบการใช้งานรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่การเชื่อมต่อ Wi-Fi, ขอ IP จาก DHCP, พิสูจน์ตัวตนผ่าน Captive Portal, ท่องเว็บ, ใช้งาน Office 365 รวมไปถึงการทำ Load Test เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุด
ผู้ที่สนใจสามารถดูไฮไลท์ของงานได้จากวิดีโอด้านล่าง