Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

[PR] ธนาคารดีบีเอสเลือกใช้บริการคลาวด์จาก AWS – ธนาคารเตรียมโยกย้ายข้อมูลมากถึงร้อยละ 50 ไปยังคลาวด์ภายในปีพ.ศ. 2561

สิงคโปร์ – 2 สิงหาคม 2559 – ธนาคารดีบีเอส เป็นธนาคารระดับแนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิตอล และยังคงมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำโดยการปรับปรุงโครงสร้างด้านเทคโนโลยีให้เสมือน Fintech เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ทางธนาคารได้เปิดเผยว่า ธนาคารดีบีเอสได้ลงนามข้อตกลงกับ อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส ( AWS ) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำ เพื่อนำเทคโนโลยีคลาวด์ของ AWS มาใช้ประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจ จากข้อตกลงดังกล่าว ธนาคารดีบีเอสจะสามารถสร้างรูปแบบคลาวด์แบบสมผสานที่เหมาะสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านการปริมาณการใช้งานและระบบการทำงานซึ่งจะช่วยเกื้อหนุนการใช้งานดาด้าเซ็นเตอร์ในรูปแบบเดิม

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

การที่ธนาคารดีบีเอสได้ริเริ่มใช้งานคลาวด์ก่อนภาคอุตสาหกรรมการเงินอื่น ๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิตอลครั้งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการเงิน ด้วยการใช้ระบบคลาวด์นี้ธนาคารจะสามารถทดลองและปรับเปลี่ยนในทางดิจิตอลและสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น ในขณะที่ยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานสูงสุดด้านความปลอดภัย

นายเดวิด เกลดฮิล หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีและการปฏิบัติการของธนาคารดีบีเอส กล่าวว่า “ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลาย ๆ บริษัท อาทิ Amazon Facebook Google และ Netflix เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะผู้นำในการสร้างสรรค์นวัตกรรม สิ่งที่ทำให้บริษัทเหล่านี้แตกต่างจากบริษัทอื่นคือความสามารถในการทดลองสิ่งใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ขยายขนาดโครงสร้างพื้นฐานโดยอัตโนมัติและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็ว บริษัทเหล่านี้สามารถทำเช่นนี้ได้โดยการใช้ประโยชน์จากความยืดหยุ่นของเทคโนโลยีคลาวด์”

ธนาคารดีบีเอสได้เซ็นสัญญากับ AWS หลังจากมีการขยายระยะเวลาของประเมินผลโดยธนาคารดีบีเอส และพิสูจน์แนวคิดการทดลองว่า AWS นั้นจะสามารถนำมาใช้และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ของทางธนาคารที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ธนาคารดีบีเอสได้ปรับระบบการทำงานเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของธนาคารกลางสิงคโปร์ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงของเทคโนโลยี อีกทั้งธนาคารดีบีเอสได้เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยด้านเทคโนโลยี ระบบอนุมัติการเข้าถึงข้อมูลภายใน และมาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงเพื่อรองรับระบบคลาวด์

“พันธสัญญาของธนาคารดีบีเอสคือการย้ายข้อมูลสำคัญไปยัง AWS ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธนาคารดีบีเอสไม่ได้มีความมุ่งมั่นแค่เพียงให้บริการที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าของธนาคารเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาอย่างรวดเร็วของธุรกิจการเงินในประเทศสิงคโปร์” นายนิค วอลตัน ผู้จัดการประจำภูมิภาคอาเซียน ของ Amazon Web Services กล่าว “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากมากที่ธนาคารดีบีเอสเลือก AWS เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิตอล นั่นหมายความว่าธนาคารดีบีเอสจะได้รับประโยชน์มากมายจากการใช้โครงสร้างพื้นฐานของ AWS Cloud ที่ได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยมากที่สุด เชื่อถือได้ และสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมระบบคลาวด์คอมพิ้วติ้งโลกได้ “AWS ยังคงเดินหน้าทำงานร่วมกับสถาบันการเงินทั่วโลกเพื่อช่วยให้สถานบันการเงินสามารถย้ายไปใช้ระบบคลาวด์ได้อย่างมั่นใจ”

หนึ่งในกรณีศึกษาแรกของการใช้ AWS ในธนาคารดีบีเอส คือธุรกิจ Treasury and Markets ( T&M ) ของธนาคารดีบีเอส ธนาคารจะใช้บริการ AWS เพื่อวัตถุประสงค์ในการกำหนดราคาและมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน ในการบริหารจัดการความเสี่ยง เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้ต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง

AWS ทำให้ธนาคารดีบีเอสสามารถปรับเปลี่ยนตามการขยายตัวได้อย่างรวดเร็วของ computing grid ไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง โดยไม่กระทบต่อระบบการทำงานและฐานข้อมูล ในกรณีของ T&M บริการของ AWS จะช่วยให้ธนาคารมีวิธีที่รวดเร็วและยังคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายในการจัดการปัญหาการซื้อขายที่เกิดขึ้นแบบฉับพลัน เช่นปัญหาที่เกิดจากสถานการณ์ Brexit

ธนาคารคาดว่าจะขยายการใช้งาน AWS นอกเหนือที่ใช้อยู่ปัจจุบันและอาจจะย้ายข้อมูลมากถึงร้อยละ 50 ไปยังคลาวด์ภายในระยะเวลาสองปี ซึ่งจะส่งผลให้ธนาคารประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาลเพิ่มความยืดหยุ่นและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ธนาคารดีบีเอสได้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในการริเริ่มเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์เพื่อเชื่อมโยงธนาคารให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า ลูกค้าสามารถใช้เวลามากขึ้นกับคนหรือสิ่งที่พวกเขาสนใจมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างทางเทคโนโลยีของธนาคาร และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมภายในองค์กรของธนาคารเพื่อให้เหมือน Fintech มากยิ่งขึ้น

 

 

เกี่ยวกับธนาคารดีบีเอส ( DBS )

ธนาคารดีบีเอส คือกลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในภูมิภาคเอเชียที่มีมากกว่า 280 สาขาใน 18 ตลาด ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่และจดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ธนาคารดีบีเอสได้มีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในสามตลาดในเอเชียประกอบไปด้วย จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ สถานะเงินทุนของธนาคารเทียบเท่ากับการจัดอันดับเครดิต “AA-” และ “Aa1” ซึ่งเป็นหนึ่งในระดับที่สูงที่สุดในเอเชียแปซิฟิก

ธนาคารดีบีเอสเป็นธนาคารระดับแนวหน้าในเรื่องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิตอลในการกำหนดอนาคตของธนาคาร และได้รับการขนานนามว่าเป็น “World’s Best Digital Bank” โดย Euromoney นอกจากนี้ธนาคารยังได้รับการยอมรับในฐานะเป็นผู้นำในภูมิภาคและยกย่องให้เป็น “Asia’s Best Bank” โดย The Banker and Euromoney และ “Asian Bank of the Year” โดย IFR Asia ธนาคารยังได้รับการขนานนามให้เป็น “Safest Bank in Asia” โดย Global Finance เป็นเวลาเจ็ดปีติดต่อกันตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 ถึง 2558

ธนาคารดีบีเอสให้บริการสำหรับกลุ่มผู้บริโภค เอสเอ็มอี และธุรกรรมการเงินสำหรับองค์กรแบบเต็มรูปแบบ ในฐานะที่ธนาคารดีบีเอสก่อตั้งและขยายตัวในภูมิภาคเอเชีย ทำให้เข้าใจถึงความซับซ้อนของการทำธุรกิจในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในภูมิภาค ธนาคารดีบีเอสมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับลูกค้าและสร้างสรรค์สิ่งที่ดีแก่สังคมผ่านการสนับสนุนผู้ประกอบการทางสังคมในขณะที่มันธนาคารทางเอเชีย นอกจากนี้ยังได้มีการจัดตั้งมูลนิธิโดยใช้เงินราว 50 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เพื่อเพิ่มการมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมในสิงคโปร์และทั่วภูมิภาคเอเชีย

ด้วยเครือข่ายที่กว้างขวางของการดำเนินงานในเอเชียและเน้นการมีส่วนร่วมและเสริมสร้างศักยภาพของพนักงาน ธนาคารดีบีเอสมีตำแหน่งงานที่น่าสนใจหลากหลาย ทางธนาคารต้องขอขอบคุณในความตั้งใจ ความมุ่งมั่นและมานะอุตสาหะของพนักงานของเรากว่า 22, 000 คน และมากกว่า 40 เชื้อชาติ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเยี่ยมชม www.dbs.com

About TechTalkThai_PR

Check Also

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs [PR]

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs ขับเคลื่อน ด้วยขุมพลัง AI ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน การสร้างสรรค์ และประสบการณ์ของผู้ใช้ในสภาพแวดล้อม การทำงานแบบไฮบริด

Microsoft ยกเลิกการใช้ 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว

Microsoft ประกาศยกเลิกการใช้กุญแจเข้ารหัส 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว เปลี่ยนไปใช้กุญแจเข้ารหัสความยาว 2048-bit เป็นอย่างน้อย