Cisco เผยผลสำรวจ AI เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ความพร้อมในไทยยังคงที่

AI ได้ปลดล็อกศักยภาพในธุรกิจต่างๆอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงเท่านั้นยังปลดล็อกคุณภาพชีวิตในหลายด้านไปพร้อมๆกัน ซึ่งจากผลสำรวจของ Cisco ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค รวมถึงประเทศไทยเองเข้าใจถึงความเร่งด่วนของการนำ AI เข้ามาเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ แต่ที่น่าสนใจคือผลศึกษาระหว่างปี 2023 และ 2024 พบว่าจำนวนองค์กรในไทยที่พร้อมสำหรับ AI โตขึ้นเพียง 1% หรือแทบจะเรียกได้ว่าคงที่

นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสโก้ ประเทศไทย

Cisco ได้จัดทำผลสำรวจเพื่อหาดัชนีความพร้อมของ AI กับ 14 ตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีน โดยเป็นการสำรวจแบบไม่เปิดเผยตัวตนของผู้สัมภาษณ์ แต่เจาะกลุ่มผู้บริการระดับสูงที่สามารถมีบทบาทในการตัดสินใจเกี่ยวกับโปรเจ็ค AI ขององค์กร นอกจากนี้องค์กรต้องมีพนักงานมากกว่า 500 คนขึ้นไป โดยมีการให้น้ำหนักคำถามใน 6 แกน ดังนี้

  • กลยุทธ์(15%) – มีการจำกัดความหรือยัง ใครรับผิดชอบ มาตรวัดเป็นอย่างไร งบลงทุนมีหรือยังจัดความสำคัญยังไงแค่ไหน
  • โครงสร้างพื้นฐาน(25%) – ส่วนประมวลผล (GPU และอื่นๆ) ระบบเครือข่าย ความมั่นคงปลอดภัย ความยั่งยืน
  • ข้อมูล(20%) – มีการจัดเตรียมข้อมูลดีแค่ไหนรวมศูนย์พร้อมใช้ทั้งที่มาจากภายในและภายนอกองค์กร มีเครื่องมือจัดการ หรือ ทีมงานมีการใช้ข้อมูลให้ AI บ้างหรือยัง
  • การกำกับดูแล(15%) – ความเป็นส่วนตัว การเก็บข้อมูลในประเทศ ความเท่าเทียมไม่โอนเอียงของข้อมูล อัลกอริทึมถูกคิดค้นมาจากข้อมูลที่เป็นกลาง
  • ทักษะ(15%) – ทักษะของคนสำหรับงาน AI
  • วัฒนธรรม(10%) – ระดับความรับผิดชอบสำหรับ AI จากแผนกหรือตำแหน่งผู้ปฏิบัติงาน มีแผนในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรและคุณภาพของแผน มองความเร่งด่วนของ AI อย่างไร

โดยดัชนีความพร้อมของ AI ที่ถูกจัดทำขึ้นเป็นครั้งที่สองนี้จะสามารถเปรียบเทียบความคืบหน้ากับปี 2023 ที่มีการจัดทำครั้งแรกได้ ซึ่งเมื่อรวมคะแนนทั้งหมดสู่การประเมินความพร้อมของ AI ในประเทศไทยแล้วพบว่าปี 2024 องค์กรในไทยมีความพร้อมเพิ่มขึ้นเพียง 1% อย่างไรก็ดี Cisco เผยว่าแม้การเติบโตจะดูเหมือนคงที่แต่อัตราความพร้อมก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาคที่ 13%

และเมื่อขยายผลถึงความพร้อมขององค์กรในไทยตาม 6 แกนหลักข้างต้นจะพบว่าองค์กรเหล่านั้นจะเน้นไปที่ กลยุทธ์ การกำกับดูแล และโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก แต่ที่ยังล่าช้าอยู่คือเรื่องของ ทักษะของผู้ปฏิบัติงาน ข้อมูล และวัฒนธรรมองค์กร ตามลำดับ ซึ่งเกณฑ์เหล่านี้สามารถอ้างอิงเป็นแนวทางสำหรับองค์กรที่ต้องการปรับตัวเพื่อพร้อมสำหรับนวัตกรรม AI ได้ อย่างไรก็ตามยังมีสถิติที่น่าสนใจอีกหลายประเด็นดังนี้

  • ผู้ตอบผลสำรวจทั้งหมดเห็นตรงกันว่า AI เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเข้าไปใส่ใจและในรอบปีที่ผ่านมามีการประยุกต์ใช้ AI เพิ่มขึ้น
  • การขับเคลื่อนโปรเจ็กต์ AI ควรเป็นเรื่องที่ถูกผลักดันจากบนสู่ล่าง โดย 59% เห็นว่าควรมี CEO และผู้นำทีมเป็นแกนหลัก ในขณะที่ 44% ยกหน้าที่นี้ให้แก่บอร์ด
  • หากพิจารณาจากงบไอทีมักมีไส้ใน 10-30% เป็นของงาน AI และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้เกือบ 2 เท่าใน 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งตามกลยุทธ์ก็คือลงไปที่ โครงสร้างพื้นฐานไอที 59% ความปลอดภัยทางไซเบอร์ 45% และ การบริหารการตลาดและการขาย 43%
  • องค์กรเล็งเห็นว่า AI จะสร้างความแตกต่างได้ใน 3 เป้าหมายคือ 1.ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการทำงานหรือสร้างผลกำไรเพิ่ม 2.เพิ่มศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมและรักษาการแข่งขัน 3.สร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์
  • 40% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่ายังไม่เห็นผลลัพธ์ หรือผลลัพธ์ที่ได้ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้ ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพ การช่วยเหลือ หรือการทำงานอัตโนมัติของกระบวนการ หรือการดำเนินงานในปัจจุบัน
  • อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าทุกคนรู้สึกว่า AI เป็นเรื่องเร่งด่วน โดยเมื่อพูดถึงระยะเวลาที่คาดหวังผู้ตอบแบบสำรวจราว 62% ชี้ว่าพวกเขามีเวลาไม่เกิน 1 ปี เพื่อสร้างกลยุทธ์ด้าน AI ก่อนจะมีผลกระทบนัยสำคัญกับธุรกิจ ในขณะที่ 81% ประเมินว่าพวกเขามีเวลาอีก 18 เดือน
  • ถ้าเจาะจงเฉพาะส่วนของโครงสร้างพื้นฐานของ AI จากมุมมองขององค์กรในไทยพวกเขาต้องการเพิ่มความพร้อมในเรื่องของความยืดหยุ่นและการจัดการถึง 57% ตามมาด้วย GPU 40% และการนำ AI สู่ระดับ Edge 45% รั้งท้ายด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายในดาต้าเซนเตอร์และการเพิ่มทรัพยากรให้งาน AI ที่ 30 และ 28% ตามลำดับ
  • ปัญหาที่องค์กรกังวลหลักคือเรื่องทักษะของผู้ปฏิบัติงาน(51%)และความมั่นคงปลอดภัย(50%) ในขณะที่ 42% มองเรื่องระยะเวลาที่ต้องใช้ในการริเริ่มต้นโปรเจ็กต์ AI
  • แม้การลงทุนดูเหมือนว่าจะยังไม่เป็นไปตามที่คาดหวังแต่องค์กรก็ยังประเมินว่าการลงทุนของพวกเขาจะได้ผลตามเป้าในอีก 5 ปีและอาจกรุยทางสู่ช่องทางหารายได้ใหม่ที่มีผลกำไรมากขึ้น

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

บั๊ก SonicWall Firewall เริ่มถูกใช้ประโยชน์ หลังโค้ด PoC ถูกปล่อยออกมา

หลังมีการปล่อยโค้ด Proof-of-Concept (PoC) ตัวอย่างในการใช้ประโยชน์จากบั๊กที่พบใน SonicWall Firewall ราว 1 เดือน ดูเหมือนว่าผู้โจมตีได้เริ่มนำเอาโค้ดดังกล่าวมาใช้ประโยชน์ พุ่งเป้าโจมตีช่องโหว่ดังกล่าวที่พบใน SonicWall Firewall เพื่อเลี่ยง (Bypass) …

Dream สตาร์ทอัพ AI ด้านความมั่นคงปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ระดมทุน 100 ล้านดอลลาร์ที่มูลค่า 1.1 พันล้านดอลลาร์

Dream สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ให้บริการความมั่นคงปลอดภัยแก่รัฐบาลและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ประกาศในวันนี้ว่าระดมทุนได้ 100 ล้านดอลลาร์ ด้วยมูลค่าบริษัท 1.1 พันล้านดอลลาร์ ในรอบ Series B ที่นำโดย Bain Capital Venture