โดย Sou Wei Tan – Regional Solution Manager ของ Advantech ASEAN

เมื่อวันที่ 19-20 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา บริษัท Advantech ได้จัดงาน IoT Automation Focused Partner Conference 2025 ภายใต้ธีม “Edge Computing & WISE-Edge in Action” ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้พันธมิตรจากทั่วโลกมารวมตัวกัน แลกเปลี่ยนกลยุทธ์ และร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรมอัจฉริยะผ่านเทคโนโลยี Edge Computing และแพลตฟอร์ม WISE-Edge ในโอกาสนี้ คุณ Sou Wei Tan – Regional Solution Manager ของ Advantech ASEAN ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับบทบาทและวิสัยทัศน์ของทีมในภูมิภาคนี้
เชื่อมโยงไทยสู่ดิจิทัล: แก้ Pain Points ลูกค้าด้วยโซลูชันเฉพาะทาง
คุณ Sou Wei Tan เผยว่าทีมงานของเขามีหน้าที่ในการรวมศูนย์และทำงานร่วมกับพันธมิตรในอาเซียนอย่างใกล้ชิด โดยยกตัวอย่างในประเทศไทยที่ Advantech ทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง IBCON และ QuickERP ด้วยเป้าหมายหลักคือการเชื่อมโยงประเทศไทยเข้าสู่ระบบนิเวศอุตสาหกรรมดิจิทัล และช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจอย่างแท้จริง

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา Advantech มุ่งเน้นการรับฟัง “Pain Points” ของลูกค้า โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับการจัดการพลังงานตามหลัก ESG (Environment, Social, and Governance) รวมถึงการสื่อสารระหว่างโปรโตคอลที่แตกต่างกันในโรงงาน เพื่อพัฒนาโซลูชันที่แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และช่วยให้ลูกค้าได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างรวดเร็ว
กรณีศึกษาความสำเร็จ: โรงงาน PCB ปราจีนบุรี ต้นแบบอุตสาหกรรม 4.0
ตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนคือโปรเจ็กต์โรงงานผลิต PCB ในจังหวัดปราจีนบุรี ประเทศไทย ที่ทีมงานของ Advantech ได้ลงพื้นที่หน้างานเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อแก้ไขปัญหาหลายด้าน ตั้งแต่การสื่อสารระหว่างภาษาไทยและภาษาจีน การติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ที่ขาดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ไปจนถึงการแก้ไขซอฟต์แวร์ ด้วยความซับซ้อนของโรงงานที่มีหลายระบบแต่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ทีม Advantech สามารถรวบรวมระบบเหล่านี้ให้มาอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ยังติดตั้ง Industrial PC ที่ช่วยลดความเสี่ยงการหยุดทำงาน (downtime) ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญของ Advantech ในการให้บริการ Edge Computing, Edge AI และ Local Solution Platform อีกทั้งยังมีโซลูชันด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และความปลอดภัย (Environment, Health, and Safety – EHS) เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรอย่างน้ำ วัตถุดิบ แก๊ส และของเสียอย่างแม่นยำ ลดโอกาสการหยุดชะงักของสายการผลิตที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล รวมถึงความสุขภาพและความปลอดภัยของบุคลากรในโรงงาน
เทรนด์ Edge Computing และ Edge AI ในอาเซียน: โอกาสทองของอุตสาหกรรมไทย
ในด้านเทรนด์เทคโนโลยี คุณ Sou Wei Tan ชี้ให้เห็นว่า Edge Computing และ Edge AI กำลังเป็นเทรนด์สำคัญในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีสถาบันการศึกษาหลายแห่งศึกษาและนำ AI มายกระดับการบำรุงรักษาและการจัดการพลังงานอย่างคุ้มค่า สำหรับภาคอุตสาหกรรม Advantech ได้ทำงานร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นและเกาหลีที่ตั้งโรงงานในไทย เพื่อสนับสนุนการทำ Digital Transformation ทั้งในเรื่อง AI Automation และ Predictive Maintenance ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
ทีมผู้เชี่ยวชาญของ Advantech ประจำในอาเซียนคอยดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้าน AI, Digital Transformation และระบบ PC นอกจากนี้ยังร่วมมือกับพันธมิตรคลาวด์อย่าง Microsoft และ AWS เพื่อให้ลูกค้าสามารถเช่าใช้ระบบได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อ PC พร้อมบริการสนับสนุนอย่างครบวงจร
ในภาคอุตสาหกรรมของไทย Edge Computing มีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะในโรงงานที่ใช้เครื่องจักร CNC ซึ่งหากใช้คลาวด์เพียงอย่างเดียวจะมีต้นทุนสูง จึงนิยมใช้ Edge Computing PC ที่เชื่อมต่อและควบคุมเครื่องจักรได้แบบเรียลไทม์ ข้อมูลจากปี 2024 ระบุว่า Advantech มีส่วนแบ่งตลาด PC Edge ในไทยสูงถึง 45% นั่นหมายความว่าเครื่อง PC จำนวน 10 เครื่องในตลาดมีเครื่องของ Advantech ถึง 4 เครื่อง ความสามารถของ Edge Computing ของเราคือการรองรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย พร้อมโซลูชันซอฟต์แวร์ที่ช่วยควบคุมและวิเคราะห์การทำงานของเครื่องจักรได้อย่างใกล้ชิด ช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับลูกค้าที่สนใจลงทุนใน Edge Computing Advantech จะพูดคุยเพื่อวิเคราะห์ความสำคัญของเครื่องจักรต่อกระบวนการผลิต และจำนวนเครื่องจักรในโรงงาน โดยเฉพาะหากมีมากกว่า 30 เครื่อง การลงทุนระบบ Edge Computing จะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาประมาณ 2 ปี แม้ไม่สามารถรับประกันระยะเวลาที่แน่นอนได้ แต่มั่นใจได้ว่าลูกค้าจะได้รับผลตอบแทนกลับมาในเวลาสั้น ๆ อย่างแน่นอน
EV, Plastic Molding, PCB: อุตสาหกรรมดาวรุ่งที่ Edge Computing พร้อมสนับสนุน
ในส่วนของโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย Advantech ได้เริ่มพัฒนาโซลูชันที่เกี่ยวข้องกับ EV มาตั้งแต่ก่อนที่กระแสรถ EV จะเป็นที่นิยมในอาเซียน โดยเฉพาะระบบสื่อสารสำหรับสถานีชาร์จที่รองรับหลายแบรนด์ผ่าน OCPP (Open Charge Point Protocol) ซึ่งเป็นมาตรฐานเปิดที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วโลก ระบบนี้ทำงานร่วมกับ EdgeLink อุปกรณ์ Edge Computing ขนาดกะทัดรัด ที่รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลกระบวนการผลิตรถ EV แบบเรียลไทม์ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้โรงงานเข้าใจคุณภาพและประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกหนึ่งกรณีศึกษาคือการติดตั้งระบบใน Data Centre ของ NVIDIA ที่ประเทศมาเลเซียในปี 2024 ซึ่ง Advantech ได้ติดตั้ง I/O Module กว่า 5,000 ตัวเพื่อให้ระบบสื่อสารข้อมูลระหว่างกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นที่ความเสถียรและความทนทานของ Edge Computing PC
สำหรับอุตสาหกรรมในไทยที่เหมาะกับการใช้ Edge Computing ได้แก่ Automotive, Plastic Molding และ EV รวมถึงอุตสาหกรรม PCB ที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตในอาเซียน และยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง การนำ Edge Computing มาใช้ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาโดยติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยลดจำนวนบุคลากรที่ต้องดูแลระบบ ลดค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาฉุกเฉินได้ถึง 40% ด้วยการวางแผนล่วงหน้าผ่าน AI และช่วยให้การบำรุงรักษาเชิงป้องกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Co-creation และอนาคต IIoT ของ Advantech ASEAN
ทีม Advantech ASEAN มีจุดแข็งในการ Co-create (สร้างร่วมกัน) โซลูชันกับพาร์ทเนอร์หลากหลาย เช่น พาร์ทเนอร์ด้าน Energy AI ในมาเลเซีย เพื่อช่วยธุรกิจลดการใช้พลังงาน และสามารถปรับโซลูชันให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดในแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับอนาคตของ Edge AI Gartner คาดว่าตลาด Edge Computing จะเติบโตจาก 131,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2023 เป็น 5.11 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2033 ซึ่งสะท้อนถึงโอกาสและการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ Advantech ASEAN มีเป้าหมายที่จะครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% ในกลุ่มอุตสาหกรรม Internet of Things สำหรับภาคอุตสาหกรรม (Industrial IoT หรือ IIoT) ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อสร้างระบบนิเวศและยกระดับอุตสาหกรรมอัจฉริยะในภูมิภาคอาเซียน
โดยสรุป Advantech ไม่เพียงแค่จำหน่ายเทคโนโลยี แต่ยังร่วมมือกับลูกค้าและพาร์ทเนอร์เพื่อสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการและช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาคนี้