OpenAI ได้เพิ่มความสามารถใหม่ ‘deep research’ ให้แก่เครื่องมือ ChatGPT ที่สามารถวิเคราะห์และใคร่ครวญข้อมูล พร้อมกับให้แหล่งอ้างอิงเพื่อสร้างคำตอบที่น่าเชื่อถือมากขึ้น

ฟีเจอร์ deep research ได้รับการโฆษณาว่าเหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการคำตอบแบบแม่นยำและน่าเชื่อถือ เช่น นักวิจัย วิศวกร เป็นต้น โดยอาศัยความสามารถใหม่จากโมเดล o3 ที่ถูกสอนด้วยเทคนิค reinforcement ซึ่ง OpenAI คุยว่าถูกปรับมาให้ทำการค้นหาข้อมูลเว็บและวิเคราะห์ข้อมูลได้โดยได้รับการเพิ่มเติมให้ค้นหาอย่างมีเหตุผล แปล และวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมากได้จากรูป ข้อความ และ PDF
ซึ่งจากการทดสอบความสามารถโมเดล o3 ที่เปิดใช้ฟีเจอร์ deep research ในเครื่องมือ Benchmark ที่เรียกว่า Humanity’s Last Exam จะได้ความแม่นยำถึง 26% แม้ฟังดูเหมือนว่าจะมีความแม่นยำน้อย แต่หากเทียบกับค่ายอื่นอย่าง GPT-4o, Gemini, Grok-2 และ Claude 3.5 จะมีผลลัพธ์ที่ต่ำกว่ามากที่ 3.3%, 7.7%, 3.8% และ 4.3% ตามลำดับ
แน่นอนว่า deep research ย่อมต้องเปิดให้เฉพาะกับผู้ที่จ่ายเงินเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เริ่มแล้ว 100 คำถามต่อเดือนสำหรับผู้ใช้ระดับ Pro และจะขยายสู่ Plus, Team และ Enterprise ในอนาคต นอกจากนี้ยังมีให้บริการแบบจำกัดพื้นที่ด้วย เช่น สหราชอาณาจักรฯ สวิสเซอร์แลนด์ และส่วนพื้นที่เศรษฐกิจในยุโรปเท่านั้น อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เพราะก่อนหน้านี้ Google ก็เคยเผยความสามารถแนวนี้มาก่อนด้วยชื่อที่คล้ายกันสุดๆ แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่านี่อาจเป็นการแก้เกมในเรื่องความไม่แม่นยำที่ยากต่อการนำไปใช้กับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างละเอียด ดังนั้นการให้ข้อมูลถึงที่มาที่ไปได้ย่อมเสริมความมั่นใจได้ดีกว่า
ที่มา : https://techcrunch.com/2025/02/02/openai-unveils-a-new-chatgpt-agent-for-deep-research/