กรุงเทพฯ – 24 กรกฎาคม 2563 – เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ระดับโลกเพื่อเสริมสร้างทักษะแรงงาน โดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาทักษะเชิงดิจิทัลเพิ่มเติมให้กับผู้คนจำนวนกว่า 25 ล้านทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้ โดยโครงการดังกล่าวถูกเปิดตัวขึ้นเพื่อสนับสนุนการเสริมสร้างทักษะเพื่อนำไปปรับใช้เพื่อรับมือกับภาวะวิกฤตเชิงเศรษฐกิจระดับโลกที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การขยายโอกาสในการเข้าถึงทักษะเชิงดิจิทัลเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการช่วยผลักดันการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ว่างงานจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมากที่สุด
ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค มีจำนวนแรงงานที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีการปิดสำนักงานในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดมากที่สุดถึง 1.09 พันล้านคน และภูมิภาคนี้ยังมีจำนวนแรงงานนอกระบบที่อาศัยอยู่ในประเทศที่ใช้มาตรการล็อคดาวน์มากที่สุดถึง 829 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นจำนวนมากกว่าร้อยละ 60 ของจำนวนแรงงานนอกระบบทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund หรือ IMF) คาดการณ์ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้จะส่งผลให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศที่อยู่ภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคชะลอตัวลงในปี พ.ศ.2563 ที่ระหว่างร้อยละ 3-10 ในขณะเดียวกันยังได้คาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจะเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 5-7 ของจำนวนแรงงานทั้งหมด สำหรับในประเทศไทย มีการคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจะลดลงร้อยละ 9.7 และมีอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค สถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบที่รุนแรงที่สุดต่องานในภาคธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และบริการด้านการคมนาคม ซึ่งมีการคาดการณ์อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 5-6 โดยเยาวชนเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้ที่มีรายได้ต่ำ แรงงานอิสระ และแรงงานนอกระบบ เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มที่จะมีสัดส่วนการว่างงานเนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากกว่าปกติ นอกจากนี้ ลูกจ้างรายวันชาวไทย แรงงานอพยพในชุมชนเมือง ผู้หญิง และนักศึกษาจบใหม่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุดในประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น กว่าร้อยละ 18 ของงานในภาคธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และบริการด้านการคมนาคมในประเทศยังถูกคาดการณ์ว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงอีกด้วย[1]
นายสัตยา นาเดลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไมโครซอฟท์ กล่าวว่า “โควิด-19 ก่อให้เกิดวิกฤตทั้งในเชิงสาธารณสุขและเศรษฐกิจ และในขณะที่โลกของเรากำลังฟื้นตัวจากวิกฤตเหล่านั้น เราจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในวันนี้เราได้รวบรวมทรัพยากรที่ครอบคลุมของไมโครซอฟท์ รวมถึง LinkedIn และ GitHub เพื่อไตร่ตรองวิธีการที่ผู้คนใช้ในการเรียนรู้และนำทักษะใหม่ๆ มาใช้งาน และช่วยเหลือผู้คนจำนวนกว่า 25 ล้านคน ที่ประสบปัญหาการว่างงานเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ในการ เตรียมความพร้อมสำหรับงานในอนาคต”
โครงการนี้ ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ในบล็อกอย่างเป็นทางการของไมโครซอฟท์ ประกอบด้วยขั้นตอนที่เร่งด่วนในการช่วยเหลือผู้คนที่ต้องการฝึกทักษะใหม่และสมัครงานที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาด และนำทุกส่วนของบริษัทมาใช้ โดยผสมผสานระหว่างทรัพยากรที่มีอยู่แล้วและทรัพยากรใหม่ๆ จาก LinkedIn, GitHub และไมโครซอฟท์ ดังนี้
- การใช้งานข้อมูลเพื่อระบุงานที่กำลังเป็นที่ต้องการและทักษะที่จำเป็นต้องพัฒนา
- การเข้าถึงเส้นทางการเรียนรู้และเนื้อหาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยเหลือผู้คนในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อตำแหน่งงานเหล่านี้
- ประกาศนียบัตรที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยค่าใช้จ่ายต่ำและเครื่องมือที่ใช้สำหรับการหางานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือผู้คนในการพัฒนาทักษะเหล่านี้เพื่อสมัครงานใหม่
โครงการนี้เป็นโครงการเทคโนโลยีที่มีความครอบคลุม ซึ่งเป็นการต่อยอดจากข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัล โดยเริ่มจากข้อมูลเกี่ยวกับงานและทักษะที่มาจาก LinkedIn Economic Graph โดยโครงการจะมอบการเข้าถึงเนื้อหาในแหล่งทรัพยากรต่างๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ได้แก่ LinkedIn Learning, Microsoft Learn, และ GitHub Learning Lab โดยผสานเข้ากับการรับรองด้วย Microsoft Certifications และการนำเสนอเครื่องมือการหางานของ LinkedIn โดยแหล่งทรัพยากรเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้จากเว็บไซต์ศูนย์กลางที่ opportunity.linkedin.com และจะให้บริการอย่างแพร่หลายผ่านช่องทางออนไลน์ใน 4 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาสเปน
แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ต่างๆ ที่ให้บริการภายใต้โครงการดังกล่าวถูกคัดเลือกอย่างพิถีพิถันให้เหมาะสมกับความต้องการของแรงงาน โดยประกอบด้วย
- ความรู้เท่าทันดิจิทัลพื้นฐาน Microsoft Digital Literacy ถูกออกแบบขึ้นสำหรับผู้คนที่มีทักษะการอ่านขั้นพื้นฐานและต้องการที่จะเรียนรู้หลักเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเชิงดิจิทัล หลักสูตรนี้จะช่วยให้ผู้คนสามารถเพิ่มทักษะเชิงดิจิทัลที่จำเป็น เพื่อมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลและยกระดับความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.microsoft.com/en-us/digitalliteracy/home
- ทักษะตามตำแหน่งงาน นำเสนอการพัฒนาทักษะที่มีความเกี่ยวข้องที่สุดสำหรับเส้นทางอาชีพต่างๆ ด้วยหลักสูตรธุรกิจ ครีเอทีฟ และเทคโนโลยี โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละตำแหน่งงาน สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.linkedin.com/learning/
- ทักษะเชิงเทคนิค Microsoft Learn เสริมทักษะเชิงเทคนิคของผู้เรียนผ่านวิธีการที่หลากหลาย ตั้งแต่การสำรวจเนื้อหาตามหัวข้อเชิงลึกผ่านเส้นทางการเรียนรู้พร้อมคำแนะนำ ไปจนถึงการเรียนรู้วิธีการทำชิ้นงานบางอย่างให้สำเร็จผ่านหลักสูตรแยก เมื่อจบหลักสูตร ผู้เรียนจะได้รับการรับรอง Microsoft Certification โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://docs.microsoft.com/en-us/learn/
ในขณะเดียวกัน บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังได้ดำเนินงานสอดคล้องกับโครงการระดับโลกดังกล่าว ภายใต้ความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ในโครงการฝึกอบรมทักษะเชิงดิจิทัล “Advancing the Future of Work” เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล เพิ่มโอกาสในการจ้างงานให้กับบัณฑิตอาชีวะรุ่นใหม่จำนวน 6,000 คน ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ด้วยทักษะดิจิทัลที่กำลังเป็นที่ต้องการของเหล่านายจ้าง ผ่านการฝึกอบรมอาจารย์จำนวน 120 คน จาก 60 สถาบันการศึกษา ภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ Eastern Economic Corridor (EEC) พร้อมรับโอกาสในการเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเข้าสู่ตลาดงาน ผ่านหลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์บนแพลตฟอร์มของ Future Ready ASEAN ที่ https://www.futurereadyasean.org/
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ยังได้สนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ด้วยการนำเสนอเส้นทางการเรียนรู้และเนื้อหาที่ช่วยให้ผู้คนสามารถพัฒนาทักษะเฉพาะผ่านโครงการฝึกอบรมและการรับรองต่างๆ เช่น Exam AZ-900 สำหรับ Microsoft Azure Fundamentals และ AZ-100 สำหรับ Microsoft Azure Infrastructure and Deployment โดยสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.digitalskill.org/
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มคนที่มีความพร้อมในการต่อสู้กับผลกระทบเชิงเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดน้อยที่สุดคือกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และเราได้พบเห็นอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มแรงงานรุ่นใหม่ ลูกจ้างรายวัน แรงงานอพยพที่อาศัยอยู่ในชุมชนเมือง และนักศึกษาจบใหม่ เป้าหมายของเราคือการผสมผสานสิ่งที่ดีที่สุดของเทคโนโลยีเข้ากับความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกับรัฐบาลและหน่วยงานไม่แสวงผลกำไร เพื่อช่วยเหลือผู้คนในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการถูกจ้างงาน เราเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีอย่าง AI ในการสนับสนุนการฟื้นฟูธุรกิจในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ และเรามีความมุ่งมั่นในการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะและฝีมือที่สามารถได้รับประโยชน์จากนวัตกรรมเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่”
ยิ่งไปกว่านั้น ไมโครซอฟท์ยังได้ผลักดันความมุ่งมั่นนั้นด้วยเงินทุนสนับสนุนมูลค่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 640 ล้านบาท) เพื่อช่วยให้องค์กรไม่แสวงผลกำไรทั่วโลกสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด โดย 1 ใน 4 ของเงินทุนนี้ หรือ 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (หรือประมาณ 160 ล้านบาท) จะถูกนำไปมอบให้กับองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มีลักษณะเป็นชุมชนในรูปแบบของเงินสด โดยเป็นชุมชนที่นำโดยและจัดทำขึ้นเพื่อให้ความช่วยกลุ่มคนผิวสีในประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้ บริษัทยังมีความมุ่งมั่นในการจัดการข้อมูลและวิเคราะห์ให้แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงข้อมูลจาก LinkedIn Economic Graph โดยให้บริการแก่รัฐบาลทั่วโลก เพื่อให้พวกเขาสามารถประเมินความต้องการเชิงเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นได้ดียิ่งขึ้น
ไมโครซอฟท์จะใช้เสียงของตนเองเพื่อให้การสนับสนุนนวัตกรรมเกี่ยวกับนโยบายเพื่อสาธารณะที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นในเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังได้ประกาศว่าทางบริษัทกำลังพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่เพื่อการเรียนรู้ใน Microsoft Teams ซึ่งถูกออกแบบขึ้นเพื่อช่วยให้นายจ้างสามารถเสริมสร้างทักษะให้แก่พนักงานปัจจุบันและพนักงานใหม่ ในขณะที่ผู้คนเริ่มกลับมาทำงานตามปกติและในเศรษฐกิจมีการว่าจ้างงานเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การสร้างโอกาสให้กับคนทุกคนในกลุ่มแรงงานระดับโลกยังเป็นส่วนหนึ่งของ พันธกิจของ LinkedIn โดยจากการเป็นส่วนหนึ่งของอีโคซิสเท็มของไมโครซอฟท์ ทำให้ LinkedIn มีความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ในการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการหางานทั่วโลกในการเพิ่มทักษะและค้นพบกับงานที่เหมาะสมกับพวกเขา โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เสียเปรียบเนื่องจากภาวะวิกฤตโควิด-19 ด้วยการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาชีพและทักษะในอนาคต เพื่อสร้างเส้นทางการเรียนรู้เพื่อช่วยเหลือผู้คนที่กำลังหางานกว่า 25 ล้านคนทั่วโลกให้ได้พบกับโอกาสครั้งต่อไปของพวกเขา ซึ่งพร้อมให้บริการที่ opportunity.linkedin.com
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมไมโครไซต์ของไมโครซอฟท์ที่ news.microsoft.com/skills
หมายเหตุ : [1]งานวิจัยจาก Microsoft Alpha Beta Strategy and Economic
ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครซอฟท์
บริษัท ไมโครซอฟท์ (Nasdaq “MSFT” @Microsoft) ผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาแพลตฟอร์มและบริการที่มุ่งเสริมประสิทธิภาพการสร้างสรรค์ในโลกยุคโมบายและคลาวด์ เพื่อเป็นกำลังสำคัญให้ทุกคนและทุกองค์กรทั่วโลกให้บรรลุผลสำเร็จทีดียิ่งกว่า
บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 มีความมุ่งมั่นในการช่วยให้คุณภาพชีวิตคนไทย 70 ล้านคน ดีขึ้นด้วยเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ ไมโครซอฟท์ส่งเสริมให้คนไทยและภาคธุรกิจได้ตระหนักถึงศักยภาพที่มีอย่างเต็มเปี่ยมผ่านการใช้เทคโนโลยี เทคโนโลยีที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงในการทำงาน การใช้ชีวิต และการสื่อสาร ไมโครซอฟท์ให้บริการซอฟต์แวร์ บริการ และดีไวซ์ ที่สามารถก่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ มีความสะดวกทันสมัย และช่วยให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไมโครซอฟท์ ไม่หยุดนิ่งในการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ พันธมิตร อย่างต่อเนื่องในการนำพลังของเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศไทย
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมหรือติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดได้ทางศูนย์ข่าวสารประเทศไทย (http://news.microsoft.com/th–th/) และทวิตเตอร์ @MicrosoftTH