รองรับการทำงานสำหรับอนาคตด้วย HPE ProLiant Gen 11

ความต้องการของ Workload ในปัจจุบันเต็มไปด้วยความท้าทายจากความหลากหลายตั้งแต่ Edge ไปสู่ดาต้าเซ็นเตอร์ ทำให้ฮาร์ดแวร์มักไม่เพียงพอสำหรับการใช้งานในอนาคตข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ HPE จึงได้เปิดตัว HPE ProLiant Gen 11 ซึ่งมีความยืดหยุ่นตอบโจทย์ทุกการใช้งาน สำหรับยุค Digital Transformation ไม่ว่าจะเป็น Hybrid Cloud, AI, ML, Data analytic, Virtual Desktop Infrastructure (VDI) และ Virtualization, Container เพื่อให้ได้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมาพร้อมกับขุมกำลัง AMD และ Intel หน่วยความจำแบบ DDR5 รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด iLO 6 สำหรับฟีเจอร์ใหม่ของ ProLiant Gen 11 มีดังนี้

1.) CPU ใหม่ล่าสุดจาก Intel และ AMD

ผู้ใช้งาน HPE Proliant Gen 11 ไม่มีขีดจำกัดสำหรับการใช้งานเพราะไม่ว่าท่านถูกใจค่ายไหนก็เริ่มต้นได้ทั้งสิ้น

  • ร้อนแรงสุดๆด้วยการทำงานสถิติใหม่ผ่านขุมพลังแห่ง AMD EPYC 4th Gen หรือชื่อโค้ดคือ ‘Genoa’ โดยใน Socket เดียวท่านสามารถได้พลังการประมวลผลถึง 96 คอร์ ซึ่งแสดงศักยภาพได้อย่างน่าประทับใจในการทำงานด้านต่างๆทั้งแอปพลิเคชันระดับองค์กรทั่วไป การวิเคราะห์จัดการด้านข้อมูล คอนเท้นต์ HPC หรือคลาวด์ 
Credit: AMD
  • ตอบโจทย์ Sustainable ด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้นกว่าเดิม 2.9 เท่าต่อวัตต์กำลังไฟที่ใช้ โดย Intel Xeon 4th Gen หรือชื่อโค้ดคือ ‘Sapphire Rapids’ โดดเด่นในงานด้าน AI ด้วยประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 10 เท่า ตลอดจนประสิทธิภาพด้านอื่นที่สูงขึ้นหลายเท่าเช่นกันไม่ว่าจะเป็น 5G, Networking, Storage และอื่นๆ
credit : Intel

2.) แรงยิ่งกว่าแรงด้วย DDR5

ในปัจจุบันเรามักจะเห็น Workload มากมายที่ต้องการหน่วยความจำสูง เพราะมีการนำข้อมูลมาประมวลผลบนนั้นเช่น In-memory ต่างๆ ซึ่งด้วยมาตรฐานใหม่อย่าง DDR5 แน่นอนว่าย่อมส่งผลถึงความเร็วและจำนวนสล็อตที่ท่านสามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 256 GB ต่อ Dimm Slot จึงมั่นใจได้เลยไม่ว่างานของท่านจะหนักหนาสาหัสสักเพียงใด Gen 11 จะสามารถนำพาองค์กรไปสู่วันพรุ่งนี้ได้เสมอ

3.) ประสานงานกับ I/O รวดเร็วกว่าที่เคยด้วย PCIe 5.0

สำหรับการทำงานร่วมกับ I/O ของเซิร์ฟเวอร์ยังไงก็ต้องนับรวมเรื่องการทำงานกับระบบอื่นด้วยผ่านอินเทอร์เฟส PCI Express โดยเชื่อมต่อการทำงานของการ์ดกราฟฟิค ฮาร์สดิสก์ และการ์ดประเภทต่างๆ และแน่นอนว่ามาตรฐานล่าสุดในท้องตลาดก็คือ PCIe 5.0 ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนไหวข้อมูลระดับบิตเร็วกว่า PCIe 4.0 ถึง 2 เท่าและ PCIe 3.0 ถึง 4 เท่าตามลำดับ เพื่อลดคอขวดการถ่ายโอนข้อมูลเหล่านี้ลง

4.) รองรับมาตรฐานใหม่ ‘EDSFF’

EDSFF หรือ Enterprise and Datacenter Standard Form Factor เป็นมาตรฐานใหม่ที่ถูกผลักดันโดยหลายบริษัทใหญ่ในวงการเพื่อแก้ไขปัญหาของสตอเรจในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยมีรูปแบบที่ยืดหยุ่นมากกว่าเดิมซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ประสิทธิภาพใหม่ ด้วยขนาดที่หลากหลายลงตัวกับเซิร์ฟเวอร์ในขนาดต่างๆ การไหลเวียนของความร้อนและอัตราการจ่ายพลังงานก็ดีขึ้นด้วย 

5.) บริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์อย่างปลอดภัยกว่าที่เคยด้วย iLO6

HPE Integrated Lights-Out (iLO) เป็นซอฟต์แวร์สำหรับการรีโมตบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์ของ HPE โดยทำให้แอดมินสามารถจัดการเครื่องแบบ Out-of-band เช่น แม้การ์ดเครือข่ายจะพังไปแอดมินก็ยังสามารถรีเซ็ตเครื่องได้ หรือแม้กระทั่งสั่งเปิดเครื่องที่ดับอยู่ ตลอดจนการเข้าไปดู Log และคอนโซลของเครื่อง อย่างไรก็ดี iLO 6 ยังมาพร้อมกับความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยที่สูงกว่าเดิมด้วย SPDM (Security Protocol and Data Model) โดยสามารถตรวจสอบ integrity ของอุปกรณ์และพิสูจน์ตัวตนของการ์ดที่เชื่อมต่ออยู่เช่น การ์ดคอนโทรลเลอร์ของสตอเรจ การ์ดเครือข่าย และอื่นๆที่รองรับ ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นผู้ดูแลขององค์กรจะได้รับการแจ้งเตือนจากระบบถึงองค์ประกอบที่ถูกเปลี่ยนแปลง หรือป้องกันไม่ให้เครื่องถูกบูตขึ้นมาก็ได้เช่นกัน

HPE ProLiant Gen 11 พร้อมตอบโจทย์ความต้องการอย่างหลากหลายในงานประเภทต่างๆทั้ง Intel และ AMD CPU หรือขนาดเซิร์ฟเวอร์แบบ 1U และ 2U หรืองานระดับ Edge ในรูปแบบของ Tower โดยมีให้เลือกสรรค์ทั้ง Single Socket และ Dual Socket ตลอดจนงานที่เน้นการเชื่อมต่อกับ I/O จำนวนมากด้วยช่อง PCIe จำนวนมาก

สนใจสินค้าที่จำหน่ายอย่างเป็นทางการของ HPE สามารถกรอกฟอร์มได้ที่ https://bit.ly/3n5wNsc


About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

Cisco ออกแพตช์ช่องโหว่บน Cisco AnyConnect Secure Mobility Client

Cisco ออกแพตช์ช่องโหว่ความรุนแรงสูงบน Cisco AnyConnect Secure Mobility Client

Google Cloud เปิดบริการ Generative AI บน Vertex AI แบบ GA แล้ว

Google Cloud ได้ประกาศเปิดบริการเครื่องมือ Generative AI บน Vertex AI แบบ General Availability (GA) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว