ถึงแม้หลายๆ องค์กรนั้นจะยังคงลังเลต่อการนำเทคโนโลยี Cloud Computing เข้ามาใช้ภายในองค์กร แต่ในเหล่าองค์กรที่เป็นผู้นำของธุรกิจในวงการต่างๆ นั้นกลับมองว่าการปรับตัวเพื่อรับ Cloud เข้ามาใช้เพื่อให้สามารถต่อยอดธุรกิจได้อย่างคล่องตัว และปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่การทำ Digital Transformation นั้นกลับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อคงความเป็นผู้นำเอาไว้ ในขณะที่การตอบรับความเสี่ยงต่อการบริหารจัดการข้อมูลบน Cloud นั้นก็มีความท้าทายที่น่าสนใจด้วยกัน 5 ประการ ดังต่อไปนี้
1. การย้ายข้อมูลที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบันขึ้นไปอยู่บน Cloud
หลายๆ องค์กรนั้นเลือกใช้ Cloud ด้วยข้อได้เปรียบทางด้านความยืดหยุ่นในการใช้ทรัพยากรต่างๆ บน Cloud ได้อย่างคล่องตัว ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Server ใหม่ๆ หรือลบ Server ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วออกไป รวมถึงการเพิ่มขยาย Storage ได้อย่างอิสระ แต่สิ่งหนึ่งที่เหล่าองค์กรมักจะลืมไปก็คือการ Migrate ข้อมูลที่องค์กรใช้งานอยู่เดิมขึ้นไปบน Cloud นั้นถือเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่มีข้อมูลเป็นจำนวนมาก และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
2. การสำรองข้อมูลให้ได้ในระดับที่องค์กรต้องการ
ถึงแม้ Cloud จะเป็นเทคโนโลยีที่ถูกอ้างถึงบ่อยๆ ว่ามี Downtime ต่ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่า Cloud จะสามารถเก็บรักษาข้อมูลต่างๆ ให้เราได้ปลอดภัย 100% เสมอไป เพราะระบบ Cloud เองนั้นก็ยังมีประเด็นต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นการล่มของ Cloud, การที่ Hardware หรือ Data Center ของ Cloud มีปัญหา, ความเสี่ยงในการถูกโจมตี และอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะที่การใช้ Cloud จากหลายผู้บริการเพื่อสำรองข้อมูลระหว่างกันนั้น ก็มีปัญหาเรื่องความเข้ากันได้ของระบบ Cloud Storage อีกด้วยเช่นกัน
3. อิสระในการเปลี่ยนผู้ให้บริการ Cloud หรือการย้ายระบบกลับมายัง Data Center ขององค์กร
การเปลี่ยนผู้ให้บริการ Cloud หรือการย้ายออกจาก Cloud นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าจะด้วยประเด็นทางด้านค่าใช้จ่าย, ความยืดหยุ่น, หรือแม้แต่สถาปัตยกรรมต่างๆ ที่องค์กรต้องการปรับเปลี่ยน และการย้ายข้อมูลระหว่าง Cloud หรือย้ายกลับลงมายัง Data Center ขององค์กรเองนั้นก็ถือเป็นอีกปัญหาใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งระดับของปัญหานี้อาจส่งผลถึงระดับ Downtime ของบริการ ไปจนถึงการที่ไม่สามารถย้ายออกจาก Cloud ที่ใช้งานอยู่เลยก็เป็นไปได้
4. การตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานข้อมูลในรูปแบบที่หลากหลายขึ้น
Cloud นั้นทำให้เหล่า Developer สามารถสร้างสรรค์ระบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้อย่างมากมาย และเกิดความต้องการในการจัดเก็บและเรียกใช้งานข้อมูลในรูปแบบที่หลากหลายขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก ซึ่งเหล่าผู้ดูแลระบบเองนั้นก็ต้องตามเทคโนโลยีและตอบสนองความต้องการเหล่านี้ให้ได้อย่างทันท่วงทีเช่นกัน
5. ความปลอดภัยของข้อมูล และความสามารถในการควบคุมข้อมูลเหล่านั้น
การนำข้อมูลสำคัญขององค์กรขึ้นไปอยู่บนบริการ Cloud นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรจะต้องมั่นใจให้ได้ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะถูกจัดเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัย ถึงแม้จะเป็นข้อมูลที่ถูกลบออกไปแล้วก็ไม่ควรจะเปิดโอกาสให้มีการถูกกู้ขึ้นมาใหม่โดยผู้ให้บริการหรือองค์กรภายนอกได้
NetApp Data Fabric การบริหารจัดการข้อมูลบน Cloud และ On-premises มีความสำคัญยิ่งกว่าเดิม
วิสัยทัศน์ของ NetApp ที่ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจก็คือ ไม่ว่าเทคโนโลยีฝั่ง Platform จะเป็น Cloud หรือ On-premises ก็ตาม องค์กรก็ควรจะมีความสามารถในการบริหารจัดการข้อมูลขององค์กรได้อย่างสมบูรณ์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารหัสข้อมูล, การสำรองข้อมูล, การทำสำเนาข้อมูล, การย้ายข้อมูลระหว่าง Cloud และ Data Center ไปจนถึงการลบข้อมูลให้ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ก็ได้ถูกผสานรวมอยู่ในโซลูชั่น NetApp Data Fabric นั่นเอง
เทคโนโลยีที่ NetApp สร้างขึ้นมาก็คือการทำ Universal Data Platform ให้ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บอยู่บน Platform ใดๆ นั้นสามารถถูกบริหารจัดการได้จากศูนย์กลางอย่างครบถ้วน ด้วยเทคโนโลยี Clustered Data ONTAP ที่สามารถทำงานได้ทั้งบน Storage Appliance ของ NetApp เอง, Virtual Machine บนเทคโนโลยี Virtualization และ Cloud โดยสามารถบริหารจัดการข้อมูลที่ถูกจัดเก็บอยู่ทั้งหมดได้อย่างอิสระเสมือนเป็นระบบเดียวกัน ก็ทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้ IT Infrastructure ในรูปแบบที่ต้องการได้ทันที ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการข้อมูลทั้งหมดก็จะลดต่ำลง อีกทั้งองค์กรยังไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงของการย้ายระบบ IT Infrastructure ในอนาคต หรือปัญหาทางด้านการสำรองข้อมูลและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอีกต่อไป
สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยี NetApp Data Fabric สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ทันทีที่ http://www.netapp.com/us/solutions/data-fabric/index.aspx เลยนะครับ