Dave Hitz หรือ David Hitz หนึ่งในผู้ก่อตั้งของ NetApp ร่วมกับ James Lau ได้ประกาศลาออกจาก NetApp แล้วอย่างเป็นทางการ โดยเขาได้เขียน Blog สุดท้ายในการทำงานของเขาที่ NetApp ในฐานะของ Executive Vice President ถึงมุมมองที่เขามีต่อ NetApp ในปัจจุบันว่าเปรียบเสมือนลูกของตนเอง และเป้าหมายของเขาหลังจากนี้ที่อยู่นอกวงการ IT

ภายใต้การร่วมก่อตั้งของสองผู้ก่อตั้ง NetApp ได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อปี 1992 ด้วยเป้าหมายที่จะทำให้การใช้งาน NFS นั้นกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย กลายมาเป็นผู้สร้างตลาด Network Attached Storage หรือ NAS และจวบจนปัจจุบัน NetApp ก็ได้เติบโตในฐานะของผู้พัฒนาเทคโนโลยี Data Fabrics ที่ทำให้เหล่าธุรกิจองค์กรสามารถบริหารจัดการข้อมูลของตนบน Multi-Cloud และ On-Premises ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยเทคโนโลยีและโซลูชันต่างๆ มากมาย
Dave Hitz ระบุว่าตัวเขาเองนั้นมอง NetApp เป็นเสมือนลูกของเขา แต่ความสัมพันธ์นี้ก็เหมือนความสัมพันธ์ในครอบครัวทั่วๆ ไป คือเขาภูมิใจเป็นอย่างมากในลูกคนนี้ แต่เขาเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะอยู่ดูแลลูกของเขาทุกวัน ทำให้หลังจากนี้ตัวเขาเองจะยุติบทบาทการทำงานของตนเองใน NetApp และรับหน้าที่เป็น Founder Emeritus ที่จะไม่รับเงินเดือน แต่ยังคงมี Email Address ของตนเองภายใน NetApp และยังสามารถเข้าไปพูดคุย ทักทาย ทานอาหาร หรือออกกำลังกายในบริษัทได้ โดยถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำงานใดๆ ในบริษัทแล้วก็ตาม แต่เขาก็จะเซ็นต์สัญญา Non-Disclosure Agreement หรือ NDA เพื่อให้พนักงานของ NetApp สามารถพูดคุยประเด็นต่างๆ กับเขาได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลความลับทางธุรกิจจะรั่วไหล
Dave Hitz ยังได้เล่าถึงโครงการต่างๆ ที่เขาได้ทำในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นอกเหนือจากงานใน NetApp ซึ่งถึงแม้จะมีหลากหลายโครงการ แต่ 3 โครงการเด่นๆ ที่เขาอยากจะเล่าถึงนั้นได้แก่
- โครงการของ Hitz Foundation ที่นำเทคโนโลยี LIDAR ไปทำการสแกนป่า Guatemalan Jungle จนค้นพบสิ่งก่อสร้างของชนเผ่า Mayan มากกว่า 60,000 รายการ และได้รู้ว่าก่อนหน้านั้นมีประชากรในยุค Pre-Columbian อาศัยอยู่ในพื้นที่มากถึง 10 – 15 ล้านคน มากกว่าที่เคยทราบกันมาก่อนหน้า ซึ่งโครงการนี้เกิดขึ้นเพราะตัวเขาเองนั้นชื่นชมในอารยธรรมโบราณอยู่แล้ว
- การเข้าไปมีบทบาทในการผลักดันกระบวนการทางกฎหมายเป็นเวลานานถึง 6 ปี เพื่อเปลี่ยนแปลงให้โรงเรียน Deep Springs College ที่เป็นโรงเรียนชายล้วนต่อเนื่องมาถึง 100 ปีนั้นเปิดรับนักเรียนหญิงด้วย ซึ่งการผลักดันครั้งนี้ก็ประสบความสำเร็จในปี 2018 ที่ผ่านมา
- โครงการ Play On! ที่แปลบทละครของ Shakespeare ให้กลายเป็นบทละครแบบภาษาอังกฤษร่วมสมัย ซึ่งโครงการนี้ดำเนินไปจนมีบทละครประมาณ 10 บทแล้ว แต่เป้าหมายของเขานั้นคือต้องการแปลบทละครเหล่านี้ทั้งหมด 39 บทให้เรียบร้อย
อันที่จริงแล้ว Dave Hitz ก็ระบุว่าเขานั้นยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนหลังจากนี้ แต่เขาคาดว่าจะสานต่อโครงการเดิมๆ ที่เขาทำอยู่ต่อไปก่อน แต่การที่เขากล้าก้าวออกจากบทบาทสำคัญใน NetApp นี้ เขาเองก็มั่นใจเป็นอย่างดีว่าทิศทางและการเติบโตของ NetApp หลังจากนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่นและมีอนาคตที่ดี
สุดท้ายเขาได้ทิ้งท้ายด้วยการขอบคุณลูกค้า, พาร์ทเนอร์ และพนักงานทุกคนที่ทำให้ NetApp มาถึงจุดนี้ ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาภาคภูมิใจและมั่นใจว่าจะยังคงเติบโตต่อไปในอนาคต
ที่มา: https://blog.netapp.com/dave-hitz-retiring-from-netapp/