วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเรื่องภัยคุกคามและมัลแวร์บน Mac OS X กันครับ เนื่องจากปัจจุบันนี้มีผู้ใช้ Mac กันมากขึ้น และหลายคนมักเชื่อว่า Mac ปลอดภัยกว่า Windows และบน Mac ไม่มีไวรัสหรอก ดังนั้น โปรแกรม Antivirus เนี่ย ไร้สาระ ไม่ต้องไปลงก็ได้ ลงไปก็ทำให้เครื่องช้า แถมไม่ได้ช่วยอะไรอีกต่างหาก … บทความนี้เราจะมาตอบคำถามเหล่านี้กันครับ
ออกตัวก่อนเลยว่า ผมเองก็เป็นผู้ใช้ Mac มานานเกือบ 10 ปี (ตั้งแต่สมัยเรียน) แต่ไม่ได้ซื้อใช้เพราะเรื่อง Security หรอกครับ แต่เพราะสมัยนั้น CPU แบบ Dual Core บน Macbook ถูกกว่าโน๊ตบุ๊ค Windows เสียอีก ตอนนี้เลยถอนตัวไม่ขึ้นละ
ความเข้าใจผิด #1: Mac OS X ปลอดภัยกว่า Windows
ถ้าเป็นสมัยก่อน ก็ใช่ล่ะครับ แต่จากการวิเคราะห์ล่าสุดของ GFI Software พบว่า Mac OS X, iOS และ Linux ขึ้นแท่นกลายเป็น 3 ระบบปฏิบัติการที่มีช่องโหว่มากที่สุดเป็นที่เรียบร้อย โดย Mac OS X มีช่องโหว่มากถึง 147 รายการในปี 2014 ในขณะที่ Windows 7 และ 8.1 มีช่องโหว่เท่ากันคือ 36 รายการ
ถึงแม้ว่าบางคนจะบอกว่า ที่ Mac OS X มีช่องโหว่มากกว่า เพราะไม่ได้แยกเป็นเวอร์ชันเหมือน Windows แต่ต่อให้แยกยังไง จำนวนช่องโหว่ก็ถือว่าสูงขึ้นกว่าสมัยก่อนอยู่ดี ไม่ใช่เรื่องที่จะละเลยแล้วบอกว่า Mac OS X ปลอดภัยได้อีกต่อไป
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.techtalkthai.com/windows-is-not-the-most-vulnerable-os-anymore/
ความเข้าใจผิด #2: ไม่มีไวรัสบน Mac OS X หรอก
อันนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดสุดๆ เลย เนื่องจากปัจจุบันนี้มีข่าว Mac OS X ถูกมัลแวร์โจมตีมากมาย เนื่องจากจำนวนผู้ใช้ Mac มีมากขึ้น แฮ็คเกอร์เลยสนใจพัฒนามัลแวร์สำหรับ Mac OS X มากขึ้น อย่างเร็วๆนี้ ทาง SANS Technology Institute ก็ออกมาแจ้งถึงมัลแวร์บน Mac OS X 10.11 ล่าสุด ที่ปลอมตัวเป็น Adobe Flash Player Installer หลอกให้ผู้ใช้ที่ไม่ระวังเผลอติดตั้ง จากนั้นจะทำการตรวจสอบเครื่องแบบหลอกๆ แล้วระบุว่าเครื่องมีปัญหา พร้อมขู่เรียกเงินหลังใช้บริการ นอกจากนี้ Ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่เองก็มีออกมาแบบสำหรับโจมตี Mac OS X เช่นเดียวกัน ชื่อว่า “KeRanger” ซึ่งตรวจพบโดย Palo Alto Networks
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.techtalkthai.com/mac-os-x-scareware-with-fake-adobe-flash-player-installer/ และ https://www.techtalkthai.com/new-os-x-ransomware-keranger-infected-transmission-bittorrent-client-installer/
ความเข้าใจผิด #3: Antivirus ทำให้เครื่องช้า แถมไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่
จากข้อ 2 คงเห็นแล้วว่ามัลแวร์บน Mac OS X เริ่มมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการใช้งานที่บ้านที่ไม่มี Firewall หรือ IPS ค่อยกลั่นกรองมัลแวร์ให้ การติดตั้งโปรแกรม Antivirus บนเครื่องจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะถ้าเกิดพลาดท่าถูกมัลแวร์โจมตี โดยเฉพาะ Ransomware คงเป็นเรื่องที่ขำไม่ออกแน่นอน ปัจจุบันนี้ Vendor หลายเจ้าเริ่มให้บริการโปรแกรม Antivirus สำหรับ Mac OS X มากขึ้น รวมทั้งมีผลการทดสอบซึ่งการันตีโดย AV-Test และ AV-Comparatives องค์กรอิสระชื่อดังด้านการทดสอบโปรแกรม Anti-malware ดังนั้น ไม่มีคำว่าเปล่าประโยชน์แน่นอน
สำหรับเรื่องทำให้เครื่องช้าลง จากประสบการณ์พบว่า โปรแกรม Antivirus ส่วนใหญ่จะกิน Memory ประมาณ 100 ~ 500 MB ในช่วงปกติที่ทำงานแบบ Background (Full Scan ขอไม่พูดถึง เพราะมันทำให้ช้าแน่นอนอยู่แล้ว) ถ้าเทียบกับ Spec ของ Mac ในปัจจุบันที่ส่วนใหญ่ RAM จะเริ่มต้นที่ 8 หรือ 16 GB แล้ว พบว่าไม่รู้สึกอะไรเลย กิน RAM น้อยกว่าใช้ Google Chrome เสียอีก แต่ถ้าเป็น Mac รุ่นเก่าหน่อยที่ RAM 4 GB ถ้าเลือกใช้ Antivirus ที่กิน Memory มากๆ ก็อาจทำให้เครื่องช้าลงเล็กน้อย
ความเข้าใจผิด #4: ไม่มีโปรแกรม Antivirus สำหรับ Mac OS X หรอก
อย่างที่บอกไป ปัจจุบันนี้ Vendor เริ่มให้บริการโปรแกรม Antivirus สำหรับ Mac OS X มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Avast, AVG, Avira, Bitdefender, ESET, Kaspersky, Sophos, Symantec, Panda, Intego และอื่นๆ ซึ่งมีทั้งแบบฟรี และไม่ฟรี สามารถดูรายชื่อและผลิตภัณฑ์ Antivirus สำหรับ Mac OS X ได้ที่ https://www.av-test.org/en/news/news-single-view/more-security-for-mac-os-x-13-security-packages-put-to-the-test/
FAQ: คำถามที่พบบ่อยสำหรับการเลือกใช้โปรแกรม Antivirus
Q: เวอร์ชันฟรีและไม่ฟรีต่างกันอย่างไร
A: เวอร์ชันไม่ฟรีจะสามารถปรับแต่งวิธีการตรวจจับและจัดการกับมัลแวร์ได้มากกว่า รวมทั้งมีฟีเจอร์ให้เลือกใช้งานได้มากขึ้น เช่น Personal Firewall, Parental Control, อัพเดทฐานข้อมูลแบบเรียลไทม์ เป็นต้น รวมทั้งไม่มีโฆษณามากวนใจ แต่ในมุมเรื่องความมั่นคงปลอดภัยและการอัพเดทฐานข้อมูลมัลแวร์ บอกเลยว่า ไม่ต่างกัน
Q: ควรใช้แบบฟรีหรือไม่ฟรีดี
A: อันนี้ผมมองว่าเป็นเรื่องของความสบายใจนะ บางคนมักคิดว่าแบบเสียเงินมันต้องมีอะไรดีกว่าแน่ๆ ซึ่งมันก็จริง มีฟีเจอร์เยอะกว่า สามารถปรับแต่งให้ Mac ของเราปลอดภัยได้มากกว่า ดังนั้นแล้ว ถ้ามีงบก็ลงทุนไปเลยก็ได้ แต่บางคนก็อาจมองว่าฟีเจอร์เหล่านั้นไม่ได้มีประโยชน์ถึงขั้นต้องลงทุนเพิ่ม ยิ่งถ้าเป็นผู้ที่ใช้ Mac อย่างระมัดระวังอยู่แล้ว เวอร์ชันฟรีที่มีฐานข้อมูลอัพเดทก็อาจเพียงพอแล้วก็ได้
Q: ควรใช้ Antivirus ยี่ห้ออะไรดี
A: คำถามโลกแตก … คงต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าถูกจริตกับโปรแกรมไหน ยี่ห้อไหน แนะนำให้ลองดูผลการทดสอบด้านความมั่นคงปลอดัยและประสิทธิภาพจาก AV-Test และ AV-Comparatives ประกอบการตัดสินใจ ง่ายๆ คือ เลือกที่ป้องกันได้ 100% และมีประสิทธิภาพสูงสุด (คือกินทรัพยากรเครื่องน้อยที่สุด)
Q: วิธีอื่นๆ ที่ช่วยใช้งานได้อย่างปลอดภัยล่ะ
A: หลักๆ ก็คงมีประมาณนี้
- ตั้งรหัสผ่านของเครื่องให้แข็งแกร่ง รวมไปถึงรหัสที่ใช้เชื่อมต่อกับ Apple Store ที่สำคัญคือ ควรเป็นคนละรหัสกัน
- ตั้งค่าให้อนุญาตให้ติดตั้งและใช้แอพพลิเคชันจาก Mac App Store and identified developers เท่านั้น
- เปิดใช้งาน FireVault เพื่อเข้ารหัสฮาร์ดดิสก์สำหรับป้องกัน Mac ถูกขโมย
- หมั่นสำรองข้อมูลบ่อยๆ อาจจะผ่านทาง Time Machine หรือ External HDD ทั่วไปก็ได้
- ระมัดระวังการเปิดไฟล์และลิงค์ URL ที่แนบมากับอีเมล ถ้าไม่มั่นใจให้ต้องสงสัยว่าเป็น Phishing ไว้ก่อน
- หลีกเลี่ยงการเข้าถึงเว็บไซต์อันตรายต่างๆ เช่น เว็บโป๊ และลิงค์โฆษณา เพราะของฟรีไม่มีในโลก
- ติดตั้งโปรแกรม Antivirus และอัพเดทฐานข้อมูลให้ล่าสุดอยู่เสมอ รวมทั้งหมั่นสแกน Mac บ่อยๆ