AMD เปิดตัวสถาปัตยกรรม Embedded+

AMD ประกาศเปิดตัวสถาปัตยกรรม Embedded+ ใหม่ ออกแบบให้รองรับ AMD Ryzen Embedded Processor ร่วมกับ Versal Adaptive SoC ภายในบอร์ดเดียวกัน

 

AMD ได้ประกาศเปิดตัว Embedded+ เป็น Integrated Compute Platform ที่ออกแบบมาให้สามารถใช้งานหน่วยประมวลผล AMD Ryzen Embedded ร่วมกับ Versal Adaptive SoC ได้พร้อมกันภายในบอร์ดเดียว โดยเป็นเมนบอร์ดต้นแบบเพื่อให้พาร์ทเนอร์ Original Design Manufacturer (ODM) รายต่างๆสามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่อได้ จุดเด่นของแพลตฟอร์มคือออกแบบมาสำหรับใช้งานในระบบ Embedded โดยเฉพาะ รองรับการนำไปใช้งานสภาพแวดล้อมที่ต้องการความทนทานสูง รวมถึงประหยัดพลังงานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

สถาปัตยกรรม Embedded+ ถือว่าเป็นการรวมเอาสถาปัตยกรรมหลากหลายเข้าไว้ในบอร์ดเดียว โดยมีสถาปัตยกรรม AMD x86 จาก AMD Ryzen Embedded ที่มีทั้ง CPU และ Integrated Graphics ในตัว รองรับการประมวลผลกราฟฟิกระดับ 4K และมี H.264/H.265 codec ในตัว และยังมีสถาปัตยกรรม ARM และ FPGA จากการใช้งาน Versal Adaptive SoC รองรับการนำไปใช้งานในระบบ Low-latency processing หรือระบบ AI ที่เน้นประหยัดพลังงาน

สำหรับพาร์ทเนอร์ ODM รายแรกที่นำเอา Embedded+ ไปต่อยอดคือ Sapphire Technology โดยมีการเปิดตัวเมนบอร์ดรุ่น Sapphire Edge+ VPR-4616-MB ใหม่ ขนาด Form-factor แบบ Mini-ITX ใช้งานหน่วยประมวลผล Ryzen Embedded R2314 และ Versal AI Edge VE2302 Adaptive SoC ใช้กำลังไฟฟ้าเพียงแค่ 30 วัตต์ในการทำงานเท่านั้น

ที่มา: https://ir.amd.com/news-events/press-releases/detail/1181/amd-unveils-embedded-architecture-combines-embedded

About เด็กฝึกงาน TechTalkThai หมายเลข 1

นักเขียนผู้มีความสนใจใน Enterprise IT ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปีในไทย ปัจจุบันใช้ชีวิตอยู่ที่ Cupertino, CA แต่ยังคงมุ่งมั่นในการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีให้กับทุกคน

Check Also

Google Cloud เพิ่ม BigQuery datasets บน Marketplace แล้ว

Google Cloud ประกาศเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงชุดข้อมูล BigQuery datasets ผ่าน Google Cloud Marketplace ด้วยการผสานการทำงานร่วมกับ BigQuery Analytics Hub เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงข้อมูลสำหรับองค์กร

Goldman Sachs คาดการณ์การใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูลจะเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าภายในปี 2030 เหตุจาก AI

การแข่งขันด้าน AI ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลทั่วโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก โดย Goldman Sachs คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 55 GW เป็น 122 GW ภายในปี 2030