Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

Storage แบบเดียวไม่สามารถตอบได้ทุกโจทย์! รู้จัก 9 โซลูชัน Enterprise Storage จาก Dell EMC

ปริมาณการจัดเก็บข้อมูลในแต่ละองค์กรนั้นเติบโตขึ้นทุกๆ วัน ด้วยสาเหตุทั้งทางด้านเทคนิคและทางด้านธุรกิจที่เริ่มนำเอาข้อมูลไปใช้ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ กันมากขึ้น ส่งผลให้รูปแบบของข้อมูล, ประเภทของข้อมูล และวิธีการนำไปใช้งานนั้นแตกต่างกัน ในบทความนี้เราจึงจะขอแนะนำ Storage ที่ใช้เทคโนโลยีแตกต่างกัน พร้อมแนะแนวทางการนำไปใช้งานที่เหมาะสมให้ทุกท่านได้รู้จักกัน ผ่านทางโซลูชันของ Dell EMC ซึ่งถือเป็นผู้ผลิตที่มีเทคโนโลยี Storage ที่หลากหลายที่สุดรายหนึ่งในตลาดเวลานี้ดังนี้ครับ

 

การแบ่งประเภทของ Storage นั้นสามารถทำได้หลายวิธี

ก่อนอื่นเลยต้องขอเล่าคร่าวๆ ก่อนว่าวิธีการแบ่งประเภทของเทคโนโลยี Storage นั้นสามารถแบ่งได้หลากหลายวิธีแล้วแต่มุมมองของผู้แบ่ง ซึ่งมีตัวอย่างดังต่อไปนี้

 

แบ่งตามประเภทของ Protocol ในการเข้าถึงข้อมูล

  • DAS Storage เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลที่ต่อตรงเข้ากับ Server หรือ Client เพื่อเพิ่มขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลให้กับระบบต่างๆ ที่นำมาเชื่อมต่อโดยตรง
  • SAN Storage / Block Storage เป็นระบบ Storage ที่สามารถเชื่อมต่อระยะไกลผ่านระบบเครือข่ายได้ด้วยการส่งข้อมูลแบบ Block บน Ethernet ด้วย iSCSI หรือใช้ Fibre Channel โดยจะสามารถบริหารจัดการเรื่องของการจัดการ Volume, LUN พร้อมความสามารถอื่นๆ บนตัว Storage อย่างเช่นการทำ Snapshot และ Replication ได้ มักถูกใช้ในงานกลุ่ม Database, Virtualization และ Virtual Desktop Infrastructure
  • NAS Storage / File Storage เป็นระบบ Storage ที่ให้บริการข้อมูลในรูปแบบของ File ผ่านระบบเครือข่าย Ethernet เป็นหลัก โดยผู้ใช้งานจะต้องทำการ Mount ข้อมูลไปแสดงผลเป็น Volume หรือ Folder ก่อนใช้งานด้วย SMB, CIFS, NFS มักถูกใช้ในระบบ File Sharing ทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่เพื่อรองรับงาน High Performance Computing (HPC)
  • Unified Storage เป็นระบบ Storage ที่สามารถให้บริการได้ทั้งเป็น SAN Storage และ NAS Storage ภายในตัวพร้อมๆ กัน เพื่อให้สามารถใช้งานพื้นที่่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างคุ้มค่าสูงสุด
  • Object Storage เป็นระบบ Storage ที่จัดเก็บข้อมูลในรูปแบบของ Object เพื่อให้สามารถเรียกไปใช้งานได้ผ่านการอ้างอิงแทนค่าต่างๆ เช่น Key-Value เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในระบบ Cloud Storage เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับระบบ Cloud-Native Application

 

แบ่งตามประเภทของเทคโนโลยีที่ใช้ในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

  • Traditional Storage เป็นระบบ Storage ที่ใช้ Hard Disk Drive (HDD) ในการจัดเก็บข้อมูลเป็นหลัก และอาจเร่งความเร็วของการเขียนและอ่านข้อมูลได้ด้วย Cache ที่เป็น RAM บน Controller ของระบบ
  • Hybrid Storage เป็นระบบ Storage ที่ใช้ทั้ง HDD ผสมกับ Solid State Drive (SSD) ในการจัดเก็บข้อมูลร่วมกัน โดยใช้ SSD ในการทำหน้าที่เป็น Cache ให้สำหรับ HDD ในระบบ รวมถึงยังมี RAM มาช่วยทำหน้าที่ Cache อีกชั้น ทำให้ในภาพรวมแล้วมีความเร็วสูงกว่า Traditional Storage เพราะมี Cache ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาอีกชั้นหนึ่งนั่นเอง
  • All-Flash Storage เป็นระบบ Storage ที่ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานกับ SSD โดยเฉพาะ ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็น 2 แบบย่อยๆ คือ Traditional All-Flash Storage ที่ยังคงใช้เทคโนโลยี RAID แบบเดียวกับ Traditional Storage และ Hybrid Storage ในการปกป้องข้อมูล กับ Next-Generation All-Flash Storage ที่พัฒนาเทคโนโลยีทั้งหมดให้ใช้งานกับ SSD โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิธีการเข้าถึงข้อมูล และวิธีการในการปกป้องข้อมูลก็ตาม

 

แบ่งตามระดับการใช้งานและราคาของ Storage

  • Entry Storage ระบบ Storage สำหรับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง เพื่อใช้จัดเก็บข้อมูลทั่วๆ ไปในองค์กรให้มีความทนทานสูงขึ้นด้วยการทำ RAID และการใช้ Redundant Controller
  • Midrange Storage ระบบ Storage สำหรับองค์กรขนาดกลางขึ้นไป สำหรับรองรับข้อมูลปริมาณที่สูงขึ้น และเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมความสามารถในการปกป้องข้อมูลที่สูงขึ้นตามไปด้วย
  • Enterprise Storage ระบบ Storage สำหรับองค์กรที่มีขนาดใหญ่, มีประสิทธิภาพสูง และมีฟีเจอร์ในการปกป้องข้อมูลที่หลากหลาย
  • Mission-Critical Storage ระบบ Storage ที่มุ่งเน้นเรื่องความเร็วและความทนทานเป็นพิเศษ โดยมากมักจะมีความสามารถในการทำ Active-Active Clustering ข้ามสาขาได้ เพื่อตอบโจทย์ Mission-Critical Application โดยเฉพาะ

 

แบ่งตามสถาปัตยกรรมโดยรวมของระบบ

  • Scale-Up Storage เป็นระบบ Storage ที่สามารถเพิ่มขยายได้ด้วยกล่อง Expansion หรือ Just-a-Bunch-of-Disk (JBOD) โดยจะขยายเฉพาะจำนวน Disk ที่รองรับได้ในระบบ ไม่ได้ขยายประสิทธิภาพในส่วนของ Controller
  • Scale-Out Storage เป็นระบบ Storage ที่สามารถเพิ่มขยายผ่านระบบเครือข่ายได้แบบ Scale-Out โดยต้องเพิ่มทั้ง Controller และ Disk พร้อมๆ กัน ทำให้มีทั้งความจุที่สูงขึ้น และมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นตามไปด้วย โดยบางระบบจะสามารถเพิ่มขยายแบบ Scale-Up ได้ด้วยในตัว
  • Converged Infrastructure เป็นระบบสำเร็จรูปที่มาพร้อมทั้ง Server, Storage, Network, Storage Network และ Software ติดตั้งมาภายในตู้ Rack ให้พร้อมใช้งานได้ทันที โดยมีการทดสอบก่อนจากเหล่าผู้ผลิตแล้วว่าเมื่อใช้งานจริงจะรองรับ Workload ใดๆ ได้ด้วยประสิทธิภาพระดับไหน
  • Hyper-Converged Infrastructure เป็นระบบสำเร็จรูปที่ใช้ Server ทำงานร่วมกับ Virtualization Software และ Software-Defined Storage ที่มีคุณสมบัติในการทำงานแบบ Scale-Out เพื่อให้สามารถสร้างระบบ Virtualization ที่เพิ่มขยายได้ง่าย และทำงานทดแทนกันได้โดยไม่ต้องมี SAN Storage
  • Software-Defined Storage เป็นระบบ Software สำหรับใช้ติดตั้งบน Server หรือ Virtualization เพื่อให้บริการ Storage ในรูปแบบต่างๆ สำหรับแก้ไขปัญหาเรื่อง Hardware Vendor Lock-in
  • Cloud Storage เป็นระบบ Storage ที่อยู่บน Cloud ซึ่งก็จะมีประเภทย่อยๆ ภายในอีกหลากหลาย สำหรับรองรับการใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันไป

 

Dell EMC กับเทคโนโลยี Storage สำหรับตอบโจทย์การใช้งานเชิงธุรกิจในรูปแบบต่างๆ

สำหรับการแนะนำเทคโนโลยี Storage ต่างๆ ของ Dell EMC ในบทความนี้ จะขอแนะนำ Storage แต่ละรุ่น พร้อมระบุประเภทและตัวอย่างการนำไปใช้งานที่เหมาะสม ดังต่อไปนี้

 

1. Dell EMC VMAX All-Flash: Mission-Critical All-Flash Storage จาก Dell EMC

Dell EMC VMAX All-Flash นี้เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลที่ถูกออกแบบมาสำหรับรองรับงานด้าน Mission-Critifcal Application โดยเฉพาะ ด้วยความทนทานระดับ 99.9999% พร้อมทั้งความสามารถในการเพิ่มขยายได้อย่างยืดหยุ่นทั้งแบบ Scale-Up และ Scale-Out เพื่อจัดเก็บข้อมูลรวมกันได้มากถึง 4PB ภายในระบบเดียว อีกทั้งยังสามารถทำงานแบบ Active-Active Clutering ข้ามสาขาระยะไกลได้ด้วย SRDF เพื่อเพิ่มระดับความทนทานให้สูงถึง 99.99999% (7-Nines) รวมถึงยังสามารถทำงานร่วมกับทั้ง Server และ Mainframe ได้ในตัว

 

2. Dell EMC XtremIO All-Flash Scale-Out Array: All-Flash Storage ประสิทธิภาพสูงมาก สำหรับระบบ VDI, Virtualization และ Database

Dell EMC XtremIO All-Flash Scale-Out Array นี้เป็นระบบ All-Flash Storage ซึ่งให้บริการข้อมูลแบบ Block ที่มุ่งเน้นการตอบโจทย์ Data Center ขององค์กรด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับ Flash ของ Dell EMC ลงไป มุ่งเน้นให้ SSD ภายในสามารถทำการจัดเก็บข้อมูลได้ด้วยประสิทธิภาพสูงสุด, คุ้มค่าสูงสุด และทนทานสูงสุด ด้วย Latency ที่ต่ำมาก และทำการบีบอัดข้อมูลแบบ In-line อยู่ตลอดเวลาโดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีความสามารถพิเศษในการจัดการ Data Copy Operation ได้มีประสิทธิภาพเหนือกว่า Storage อื่นๆ รองรับพื้นที่ใช้งานได้สูงถึง 5.5PB พร้อมความสามารถในการปกป้องข้อมูล, สำรองข้อมูล และเข้ารหัสข้อมูลในตัว เหมาะสำหรับการนำไปใช้งานเป็นระบบ Storage หลักภายในองค์กรขนาดกลางถึงขนาดใหญ่

 

3. Dell EMC Isilon NAS Storage: File/Object Storage ขนาดใหญ่ สำหรับงาน Big Data และ Video ประสิทธิภาพสูง

Dell EMC Isilon NAS Storage นี้เป็นระบบ File Storage สำหรับจัดเก็บข้อมูล Unstructured Data ขนาดใหญ่เพื่อตอบโจทย์การรองรับความต้องการของ Data Lake โดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นเรื่องของการขยายได้แบบ Scale-Out และการจัดเก็บข้อมูลที่เป็นแบบ Single File System (Single Name Space) พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ และจะช่วยเพิ่มทั้ง Performance และ Capacity ให้กับระบบได้อย่างต่อเนื่องปราศจากปัญหาเรื่องข้อจำกัดในการเพิ่มขยายในอนาคต

นอกจากนี้ Dell EMC Isilon ยังรองรับการทำงานแบบ Muti-Protocol ได้ ไม่ว่าจะเป็น Traditional Protocol อย่างเช่น FTP, SMB หรือ NFS รวมไปถึง Emerging Protocol อย่างเช่น RESTful, Swift, HTTP และ HDFS สามารถใช้งานกับ Application ที่หลากหลายรวมไปถึงการทำ Big Data Analytics เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขององค์กร

Isilon รุ่น All-Flash, Hybrid และ Archive Node สามารถทำงานร่วมกันได้ และมีความสามารถในการทำ Auto Tiering เพื่อช่วยลดต้นทุนในการจัดเก็บข้อมูล ข้อมูลที่ต้องการทำการ Archive หรือจัดเก็บเป็นระยะเวลานานตามกฏข้อบังคับ จะถูกเก็บบนพื้นที่สำหรับการทำ Archive ซึ่งจะมีต้นทุนที่ถูกกว่า ในขณะที่ข้อมูลที่มีการเรียกใช้งานประจำจะถูกเก็บบนพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูง ทั้งหมดนี้เป็นการทำงานโดยอัตโนมัติตาม Policy ที่ถูกกำหนดไว้ให้เหมาะสมกับความต้องการในการใช้งาน

 

4. Dell EMC Unity: Storage เอนกประสงค์สำหรับองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลาง

Dell EMC Unity Storage นี้เป็นระบบ Unified Storage ที่รองรับได้ทั้งการทำหน้าที่เป็น SAN และ NAS ในระบบเดียว โดยมีรุ่นให้เลือกใช้งานทั้งแบบ All-Flash, Hybrid และ Hard Disk Drive ได้หลากหลายตามความต้องการ โดยรุ่นที่เป็น Hardware นั้นรองรับความจุได้สูงสุด 16PB ต่อชุด และรุ่นที่เป็น Virtual Machine นั้นรองรับความจุได้สูงสุด 50TB ต่อชุด ทำให้ถือเป็นหนึ่งใน Storage ที่ตอบโจทย์องค์กรได้ตั้งแต่องค์กรยังเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง และขยายจนกลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่

อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ Dell EMC Unity นี้มีความน่าสนใจก็คือการที่ Dell EMC Unity นั้นเปิดให้ใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดบนตัว Storage ได้ตั้งแต่แรกเริ่มทันทีโดยที่ไม่ต้องซื้อ License ใดๆ เพิ่มเติม ทำให้องค์กรสามารถใช้งานความสามารถของ Dell EMC Unity ได้อย่างเต็มที่ทันทีตั้งแต่วันแรกที่นำมาติดตั้งใช้งาน

 

5. Dell EMC SC Series: Scale-Out Storage ใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมฟีเจอร์หลากหลาย

Dell EMC SC Series นี้ถือเป็นอีกหนึ่ง Storage จาก Dell EMC ที่มีความยืดหยุ่นสูง ด้วยการรองรับการเพิ่มขยายได้แบบ Scale-Up พร้อม federation capability หรือความสามารถ Storage Hypervisor ที่จะช่วยผสาน Dell EMC SC Series จำนวนหลายๆ เครื่อง ให้มาทำงานร่วมกันและบริหารจัดการร่วมกันจากศูนย์กลางได้ อีกทั้งยังมีความสามารถ Live Volume ที่ช่วยปกป้องให้ Volume ทั้งหมดยังคงสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่า Hardware จะมีปัญหา หรือต้องการย้าย Volume ระหว่างอุปกรณ์ก็สามารถทำได้โดยไม่เกิด Downtime แต่อย่างใด พร้อมทำ Disaster Recovery (DR) ได้ในตัว ซึ่งทั้งความสามารถในการทำ Live Volume และ DR นี้จะมีให้ใช้งานได้ทันทีในรุ่น All-Flash ได้แก่ SC5020F และ SC7020F โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

 

6. Dell EMC ScaleIO: Software-Defined Storage ที่จะเปลี่ยน Dell EMC PowerEdge Server ให้กลายเป็น Storage ประสิทธิภาพสูง

สำหรับเหล่าองค์กรที่กำลังมองหาระบบ Software-Defined Storage เพื่อเน้นความยืดหยุ่นในการเพิ่มขยายและการบริหารจัดการได้อย่างง่ายดายในระยะยาว โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนรุ่นหรืออัปเกรด Hardware ให้กับระบบ Storage สำหรับใช้งานภายในระบบ Private Cloud หรือ Public Cloud ทาง Dell EMC ได้ทำการพัฒนา Dell EMC ScaleIO ที่สามารถติดตั้งได้บน x86 Server ให้ทำหน้าที่เป็น Scale-Out Storage ที่ทำงานตั้งแต่ 3 Node ไปจนถึงมากกว่า 1,000 Node และมีประสิทธิภาพสูงถึง 10 ล้าน IOPS พร้อมทั้งยังสามารถทำ Snapshot, Compression, Thin Provisioning, QoS, Data Protection และ High Availability ในตัว

 

7. Dell EMC Elastic Cloud Storage (ECS): Software-Defined Storage สำหรับระบบ Object Storage ภายในองค์กร

การใช้งาน Object Storage ภายในองค์กรนั้นเริ่มมีบทบาทมากขึ้น เมื่อเหล่าบรรดา Backup Software ต่างออกมาสนับสนุนการสำรองข้อมูลไปยัง Object Storage รวมถึงการนำไปใช้งานกับระบบอื่นๆ เช่น Big Data, Internet of Things (IoT), Private Cloud ไปจนถึง Application สมัยใหม่นั้นต่างก็มีการจัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลบน Object Storage ก็เริ่มมีจำนวนมากขึ้นภายในองคืกร แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นก็คือ Object Storage ส่วนใหญ่ในตลาด หากไม่เป็นระบบที่มีราคาสูงไปเลย ก็มักเป็น Open Source ที่ผู้ใช้งานต้องการทำการดูแลด้วยตัวเอง

Dell EMC Elastic Cloud Storage (ECS) นี้จึงเป็นโซลูชันที่ออกมาตอบโจทย์ของตลาดในเวลานี้ ด้วยราคาที่ไม่สูง และยังคงเป็นระบบ Object Storage ที่มีทั้งประสิทธิภาพ, ความทนทาน, เพิ่มขยายได้ง่าย และมีทีมงานของ Dell EMC คอยสนับสนุนอยู่โดยตรง ทำให้องค์กรสามารถใช้งานระบบ Object Storage ได้อย่างมั่นใจ

 

8. Dell EMC CloudArray: เชื่อมต่อ Cloud Storage เข้ากับระบบ Storage ขององค์กรได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจ

อีกหนึ่งโซลูชันที่น่าสนใจนี้ก็คือระบบ Dell EMC CloudArray ที่จะทำการเชื่อมบริการ Cloud Storage ทั้งจาก Private Cloud อย่าง Dell EMC ECS, Dell EMC Atmos, Dell EMC Isilon และ Public Cloud อย่าง AWS, Microsoft Azure, Google Cloud Platform, Virtustream เข้ากับระบบ SAN หรือ NAS Storage ภายในองค์กร กลายเป็น Storage อีก Tier หนึ่งที่มีความคุ้มค่าสูง โดย Dell EMC Cloud Array จะคอยทำหน้าที่เรื่องการเข้ารหัส, การบีบอัดข้อมูล และการจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลให้ด้วยวิธีการที่หลากหลาย เพื่อให้ข้อมูลขององค์กรที่ถูกนำไปบันทึกจัดเก็บอยู่บน Cloud Storage นั้นปลอดภัยจากการถูกขโมยหรือนำไปใช้งานในทางที่ผิดนั่นเอง

 

9. Dell EMC VxRail: ระบบ Hyper-Converged Infrastructure ประสิทธิภาพระดับ 1 ล้าน IOPS

สำหรับโซลูชันสุดท้ายที่จะแนะนำในบทความนี้ก็คือ Dell EMC VxRail ระบบ Hyper-Converged Infrastructure (HCI) ที่ผสานเทคโนโลยีระหว่าง Dell EMC เข้ากับ VMware ด้วยการนำเทคโนโลยี VMware vSphere และ VMware vSAN มาติดตั้งบน Dell EMC PowerEdge พร้อมเสริมความสามารถด้านการสำรองข้อมูลและการจัดการ Cloud Storage จาก Dell EMC เพิ่มเติมเข้าไป ทำให้ Dell EMC VxRail นี้มีความแตกต่างจากโซลูชัน HCI รายอื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยีจาก VMware เช่นกัน เหมาะสำหรับองค์กรที่ใช้งาน VMware ภายใน Data Center เป็นหลักอยู่แล้ว และต้องการระบบที่เพิ่มขยายได้ง่าย หรือนำไปติดตั้งตามสาขาต่างๆ ให้พร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว

 

Dell EMC Future-Proof Storage Loyalty Program: ใช้ Storage จาก Dell EMC ในระยะยาวได้อย่างมั่นใจ

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่เหล่าลูกค้าองค์กรของ Dell EMC ทาง Dell EMC จึงได้ออกโครงการ Dell EMC Future-Proof Storage Loyalty Program ขึ้นมาสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่ม Dell EMC Midrange Storage ได้แก่ Dell EMC Unity และ Dell EMC SC Series ด้วยการเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ไปดังนี้

  • รับประกันความพึงพอใจนานถึง 3 ปี ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นรับประกันเพียงแค่ 30 วัน
  • รับประกันการบีบอัดข้อมูลด้วยอัตราส่วน 4:1 โดยหากการใช้งานจริงไม่เป็นไปตามอัตราส่วนนี้ จะมีการชดเชยพื้นที่เพิ่มเติมให้ทันที
  • สามารถย้ายข้อมูลไปยังระบบ Storage รุ่นใหม่ๆ ได้อย่างง่ายดาย ด้วยเครื่องมือย้ายข้อมูลที่แถมมาให้พร้อมใช้งาน
  • สามารถ Trade-in ระบบเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ของ Dell EMC ได้ เมื่อต้องการขยายระบบให้กลายเป็นรุ่นใหญ่ขึ้น
  • มีลิขสิทธิ์การใช้งานสำหรับการจัดการข้อมูล, การบริหารจัดการระบบ และการสำรองข้อมูลให้ทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องซื้อเพิ่มเติม
  • มีบริการ Virtustream Storage Cloud ให้ใช้งานได้ฟรีสำหรับ Dell EMC Unity All-Flash ทุกรุ่น และจะทำการสำรอง File และ Snapshot ขึ้นไปยัง Cloud โดยอัตโนมัติ (ปัจจุบันความสามารถนี้ยังไม่รองรับในไทย คาดว่าจะรองรับได้ในอีกไม่นาน)

 

ติดต่อตัวแทนจำหน่ายของ Dell EMC ทั่วไทยได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ของ Dell EMC สามารถติดต่อ Systems Integrator หรือ Distributor ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ Dell EMC เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติม, การนำเสนอ หรือใบเสนอราคาได้ทันที

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Microsoft ยกเลิกการใช้ 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว

Microsoft ประกาศยกเลิกการใช้กุญแจเข้ารหัส 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว เปลี่ยนไปใช้กุญแจเข้ารหัสความยาว 2048-bit เป็นอย่างน้อย

NVIDIA เปิดตัว Blackwell B200 GPU และ GB200 Superchip

NVIDIA ประกาศเปิดตัว Blackwell B200 GPU และ GB200 Superchip ชิปประมวลผล AI รุ่นใหม่