
ถ้ากำลังมองหาอุปกรณ์ที่ใช้ในองค์กรดีๆ สักเครื่อง Microsoft Surface Pro (11th Edition) เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยประสิทธิภาพ และการดีไซน์ที่ทันสมัย พร้อมสำหรับการทำงานด้าน AI ยุคใหม่ ด้วยขุมพลังของ Intel® Core™ Ultra (ซีรีส์ 2) ที่มี NPU ในตัวสำหรับการทำงานด้าน AI ผนวกเข้ากับ Microsoft Copilot+ PC ซึ่งเป็น AI อัจฉริยะของ Microsoft พร้อมด้วยการดีไซน์ที่เน้นการใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัว
ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในธุรกิจที่คล่องตัว
จุดเด่นอย่างหนึ่งของ Surface Pro 11 อยู่ที่การดีไซน์สำหรับการใช้งานได้อย่างสะดวก โดยตัวเครื่องออกแบบมาให้มีขนาดหน้าจอ 13 นิ้ว ความละเอียด 2880 × 1920 พิกเซล (267 PPI) 120Hz อัตราส่วน 3:2 ซึ่งใกล้เคียงกันทั้งด้านความกว้างและความสูง เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกทั้งแนวนอนและแนวตั้ง หน้าจอเป็นแบบ PixelSense™ Flow ที่มีความคมชัดสูงพร้อมเทคโนโลยีกันแสงสะท้อน ช่วยให้สามารถใช้งานกลางแจ้งได้ดี รองรับการใช้งานแบบทัชสกรีนทั้งการใช้นิ้วสัมผัสพร้อมกัน 10 จุด หรือ ใช้งานคู่กับ Surface Slim Pen เพื่อการขีดเขียนได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น (ต้องซื้อแยก)

เพื่อความสะดวกในการใช้งาน Surface Pro 11 มีช่องเชื่อมต่อ Thunderbolt™ 4 ที่มาในรูปแบบพอร์ต USB-C® ให้จำนวน 2 พอร์ตด้านข้าง ซึ่งนอกจากจะมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่สูงแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อกับ Surface Connect เพื่อเพิ่มพอร์ตการเชื่อมต่อ หรือชาร์จไฟผ่าน USB-C และ ต่อจอนอกผ่าน DisplayPort 2.1 ที่รองรับจอภาพ 4K สูงสุด 2 หน้าจอพร้อมกันได้อีกด้วย

ด้านล่างเป็นพอร์ตเชื่อมต่อที่ใช้งานร่วมกับ Surface Pro Flex Keyboard (ต้องซื้อเพิ่ม) แป้นพิมพ์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้สามารถพิมพ์สัมผัสได้ง่ายขึ้น ตัวแป้นมีไฟเรืองแสงเพื่อความสะดวกในการใช้งานเวลากลางคืน และมีช่องสำหรับเก็บปากกา Surface Slim Pen (ต้องซื้อเพิ่ม) เพื่อความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น
พร้อมทำงานตลอดเวลาที่ต้องการ
ความเจ๋งของ Surface Pro 11 คือพร้อมใช้งานได้ทันทีที่เปิดเครื่องแต่ยังคงความปลอดภัยไว้อย่างดีเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยี Windows Hello ที่ใช้การตรวจจับชีวมาตรในการปลดล็อคเครื่อง ทำงานร่วมกับกล้องหน้า Surface Studio ความละเอียด Quad HD 1440p ที่มีมุมมองกว้างพิเศษ ช่วยปลดล็อคเครื่องได้แม้ว่าเครื่องไม่ได้อยู่ในมุมหน้าตรงก็ตาม เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการใช้งาน

นอกจากนี้ตัวกล้องยังทำงานร่วมกับ เอฟเฟ็กต์สตูดิโอใน Windows ที่ทำงานด้วย AI บน NPU เพื่อใช้กล้องในการประชุมออนไลน์ได้อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะให้ตัว AI เบลอฉากหลัง หรือจะให้จัดเฟรมเพื่อการพรีเซ็นต์ได้อย่างเหมาะสมก็ทำได้ อีกทั้งยังมีไมโครโฟน Studio Mics ที่สามารถตัดเสียงรบกวนได้อย่างดี พร้อมการเชื่อมต่อ WIFI 7 ที่มีแบนด์วิธสูงและระยะการเชื่อมต่อที่ยาวไกล เพื่อการประชุมออนไลน์ได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด

ในส่วนด้านหลังของตัวเครื่อง มีกล้องหลังความละเอียด Ultra HD 10 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้อย่างคมชัดสวยงาม พร้อมขาตั้งแบบ Kickstand ในตัว ที่สามารถกางตั้งวางได้ทุกที่โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริม เพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้เป็นอย่างดี
ประสิทธิภาพอันทรงพลัง
นอกจากการดีไซน์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว Microsoft Surface Pro 11th ยังให้ความสำคัญกับการทำงานในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เริ่มต้นจากการเลือกใช้โปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra (ซีรีส์ 2) ที่มี NPU หรือหน่วยประมวลผลด้าน AI อยู่ภายใน ซึ่งสามารถประมวลผล AI ได้อย่างรวดเร็วถึง 48 TOPS หรือสูงสุดถึง 118 TOPS เมื่อทำงานร่วมกันทั้ง CPU+NPU+GPU อีกทั้งยังใช้พลังงานต่ำ สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 10-14 ชั่วโมง โดยไม่ต้องชาร์จไฟระหว่างวัน ให้การทำงานที่ราบรื่นไม่มีสะดุดเพราะแบตเตอรี่หมด และยังทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ด้าน AI อย่าง Microsoft Copilot ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ให้คำตอบได้ทุกอย่าง หรือ Surface Studio กล้อง AI ที่ใช้พลังของ NPU ในการบันทึกภาพ จัดเฟรมอัตโนมัติ หรือการเบลอฉากหลังในแบบทันทีทันใด

AI อัจฉริยะ ที่ทำงานร่วมกับ Microsoft 365
ด้วยความสามารถ NPU ที่อยู่ในโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra (ซีรีส์ 2) ผนวกกับความสามารถของ Copilot+ PC ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้าน AI ของตัวเครื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปากกา Surface Slim Pen เพื่อการวาดภาพแล้วให้ AI สร้างภาพจริงขึ้นมา หรือการประชุมออนไลน์ที่มี AI แปลภาษาให้อัตโนมัติ รวมไปถึงการใช้ Microsoft Copilot Studio ซึ่งเป็น AI อัจฉริยะสามารถสร้างแชทบอทตอบคำถามจากลูกค้า เชื่อมโยงฐานข้อมูลต่างๆ เพื่อการทำ CRM หรือให้ AI เขียนโปรแกรมที่ต้องการให้ได้โดยอัตโนมัติ และยังมีอีกหลายๆ อย่างที่ AI สามารถช่วยให้การทำงานในธุรกิจเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น

ความปลอดภัยที่เหนือระดับ
ความปลอดภัยเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ บน Surface Pro 11 มีระบบรักษาความปลอดภัยตั้งแต่ระดับฮาร์ดแวร์ เฟิร์มแวร์ ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน และข้อมูลประจำตัว ทำงานประสานกันได้อย่างลงตัว โดยในระดับฮาร์ดแวร์ ได้ความสามารถของโปรเซสเซอร์ Intel® Core™ Ultra (ซีรีส์ 2) ที่มีระบบตรวจจับการโจมตีทางไซเบอร์อย่าง Intel® Threat Detection Technology (Intel® TDT) ที่ทำงานร่วมกับ AI สามารถตรวจจับการโจมตีที่หลบเลี่ยงวิธีการตรวจจับแบบเก่าได้ หรือในระดับซอฟต์แวร์ก็ทำงานร่วมกับระบบรักษาความปลอดภัยของ Windows 11 พร้อมด้วย Enhanced Sign-In Security ของ Windows Hello ที่ใช้ชีวมาตรในการเข้าถึงการทำงานของเครื่อง เพื่อความปลอดภัยอีกขั้นของการใช้งาน นอกจากนี้ตัวเครื่องยังออกแบบให้มีไดรฟ์โซลิดสเทตแบบถอดได้ ซึ่งทำงานร่วมกับ Surface Data Eraser และ Microsoft BitLocker เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีใครสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญของเราได้อย่างแน่นอน
ทดสอบการทำงานจริงบน Microsoft Surface Pro for Business 11th Edition
PCmark 10

เริ่มต้นทดสอบประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมของเครื่องด้วยโปรแกรม PCMark10 ทำคะแนนออกมาได้ค่อนข้างดี ด้วยความสามารถของซีพียู Intel® Core™ Ultra 7 268V ที่รวมเอาหน่วยความจำขนาด 32GB เข้ามาไว้ในซีพียู ช่วยให้สามารถทำงานด้านการจัดการเอกสาร และการทำดิจิทัลคอนเทนต์ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังสามารถทำงานได้ยาวนานมากขึ้น โดยจากที่ได้ทดสอบสามารถทำงานได้นานถึง 12 ชั่วโมงติดต่อกันต่อการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและความคล่องตัวในการทำงานนอกสถานที่มากขึ้น
Geekbench AI

ตามมาด้วยการทดสอบประสิทธิภาพด้าน AI ด้วยโปรแกรม Geekbench AI อย่างที่รู้กันว่า ซีพียู Intel® Core™ Ultra 7 268V ใน Microsoft Surface Pro 11 มี NPU สำหรับประมวลผลด้าน AI โดยเฉพาะ ซึ่งตามสเปค มีความเร็วในการประมวลผลด้าน AI ที่ 48 TOPS (Int8) และมีความเร็วรวม CPU+GPU+NPU อยู่ที่ 118 TOPS (Int8) ทำให้ผลคะแนนที่ได้ออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว
Intel AI Playground

ถัดมาเราได้ทดสอบการสร้างภาพด้วย AI (Text to Image) ด้วยโปรแกรม Intel AI Playground ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทางอินเทลพัฒนาให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี (https://game.intel.com/no/stories/introducing-ai-playground/ ) โดยจากการทดสอบการสร้างรูปภาพความละเอียดระดับ HD (1344×768 พิกเซล) สร้างภาพจำนวน 10 สเตปต่อภาพ ใช้เวลาในการสร้างภาพ ประมาณ 23 วินาที ซึ่งความเร็วนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนภาพที่ใช้
3Dmark : Time Spy

ทดสอบการทำงานด้านกราฟิกด้วยโปรแกรมทดสอบ 3Dmark : Time Spy ทำคะแนนออกมาได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะกับคะแนนด้านกราฟิกเทียบได้กับกราฟิกการ์ดในระดับกลางๆ เช่น Nvidia GeForce GTX1650 หรือ RTX 2050 ของเครื่องโน้ตบุ๊คได้สบาย แม้ว่ากราฟิกตัวนี้จะเป็นกราฟิกออนซีพียูในรุ่น Intel® Arc™ 140V เท่านั้นเอง
Black Myth: Wukong

ทดลองเล่นเกมดูบ้างกับเกม Black Myth: Wukong เกมแนว Action RPG ระดับ AAA มาเล่นบน Surface Pro 11 ตัวนี้ ที่ใช้กราฟิกออนซีพียูอย่าง Intel® Arc™ 140V รองรับ Raytracing เพื่อให้ภาพแสงเงาต่างๆ ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น ทดลองเล่นโดยปรับตั้งค่าต่ำสุดสามารถเล่นได้ ด้วยค่าเฉลี่ยเฟรมเรตอยู่ที่ 29 FPS โดยใช้ Super resolution sampling ช่วย ก็ถือว่าพอเล่นได้มีกระตุกนิดๆ เฟรมต่ำสุดอยู่ที่ 20 FPS และสูงสุดที่ 35 FPS แต่ที่น่ากังวลคือเรื่องความร้อนที่ตัวเครื่องเพิ่มสูงขึ้นมากพอสมควร แต่โดยปกติแล้วคงไม่มีใครใช้เครื่องสำหรับงานธุรกิจเล่นเกม AAA แน่
ทำไมนักธุรกิจถึงต้องมี Microsoft Surface Pro for Business 11th Edition
ด้วยการออกแบบของ Microsoft Surface Pro for Business 11th Edition ที่ตอบโจทย์การทำงานของนักธุรกิจ เน้นความคล่องตัว พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา และมีความปลอดภัยในระดับองค์กร ช่วยให้มั่นใจว่าผู้ใช้สามารถนำไปใช้ในองค์กรได้อย่างราบรื่นและคล่องตัวมากที่สุด เริ่มต้นจากตัวเครื่อง Surface Pro 11 ที่เน้นใช้งานได้สะดวกมีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 13 นิ้ว พร้อมพอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 2 พอร์ต สามารถต่อจอนอกเพิ่มได้อีก 2 จอ ต่อพรีเซ็นต์อะไรก็ง่าย ตัวเครื่องทำงานบนระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro ใช้ทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คเครื่องอื่นๆ ได้สะดวกไม่แตกต่างกัน และยังใช้งานกับโปรแกรมเฉพาะขององค์กรแบบเดิมที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบ x86-64 ได้ในทันทีโดยไม่ต้องแก้ไขตัวโปรแกรมใดๆ หมดปัญหาไดร์เวอร์อุปกรณ์บางตัวที่ไม่รองรับสถาปัตยกรรมอื่นๆ การใช้งานก็สะดวกรวดเร็วด้วยตัวเครื่องขนาดเพียง 209 x 287 x 9.3 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) หนักประมาณ 872 กรัม หรือครึ่งหนึ่งของโน้ตบุ๊คปกติ และยังสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานถึง 10-14 ชั่วโมงต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งเท่านั้น เรียกว่ามีความสามารถรอบด้าน ครบจบในเครื่องเดียว
ข้อสังเกต
โดยภาพรวมอาจจะมองว่า นี่คือแท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งก็เหมาะสำหรับการทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊คที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows เหมือนๆ กัน เพียงแต่ระบบปฏิบัติการ Windows นั้นออกแบบเน้นการสั่งการด้วยเมาส์เป็นหลัก ปุ่มบางปุ่มหรือตำแหน่งที่ต้องกดบางตำแหน่งอาจจะเล็กเกินไป ทำให้ยากในการสั่งการด้วยนิ้ว แนะนำให้ซื้ออุปกรณ์เสริมอย่างปากกา Surface Slim Pen หรือเมาส์ Bluetooth จะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้ Multi-Gesture ของ Windows ค่อนข้างแตกต่างจากแท็บเล็ตรุ่นอื่นๆ มาก ในช่วงต้นอาจจะต้องเรียนรู้การสั่งงาน Multi-Gesture ใหม่พอสมควร

ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค
โปรเซสเซอร์ : Intel® Core™ Ultra 7 268V (up to 5.0GHz, 4P-Core, 4E-Core, Cache 12MB)
NPU : Intel® AI Boost สูงสุด 48 TOPS (Int8)
การ์ดจอ : Intel® Arc™ 140V Graphics
หน่วยความจำ : LPDDR5x RAM 32 GB
พื้นที่เก็บข้อมูล : ไดรฟ์โซลิดสเทตแบบถอดได้ (SSD เจนเนอเรชัน 4) 1 TB
จอแสดงผล : หน้าจอ PixelSense™ Flow ขนาด 13 นิ้ว จอสัมผัสแบบมัลติทัช 10 จุด 2880 × 1920 (267 PPI) 120 Hz อัตราส่วน 3:2
ขนาดและน้ำหนัก : 209 x 287 x 9.3 มม. (กว้าง x ยาว x สูง) น้ำหนัก 872 กรัม
อายุแบตเตอรี่ : เล่นวิดีโอในเครื่องนานสุด 14 ชม. หรือท่องเว็บต่อเนื่องนานสุด 10 ชม.
กล้อง :
– กล้องหน้า Surface Studio แบบ Quad HD 1440p พร้อมมุมรับภาพแบบอัลตราไวด์
– กล้องหลังแบบ Ultra HD 10 ล้านพิกเซล
ระบบเสียง : ไมโครโฟน Studio Mics คู่ ลำโพงสเตอริโอ 2W ระบบเสียง Dolby Atmos รองรับ Bluetooth® LE Audio
พอร์ตและการชาร์จ : พอร์ต USB-C® พร้อม USB4®/Thunderbolt™ 4 สองช่อง รองรับการชาร์จเร็วเมื่อใช้ร่วมกับที่ชาร์จที่มีกำลังไฟ 60W เป็นอย่างต่ำผ่าน Surface Connect หรือ USB-C
เครือข่ายและการเชื่อมต่อ : Wi-Fi 7, เทคโนโลยี Bluetooth® Core 5.4
ระบบปฏิบัติการ : Windows 11 Pro
ติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่
Email. : Wichaya.Supasiraprapar@ingrammicro.com
Tel. : 095 3959491